ผลงานล่าสุดของตั้ว-เสฎฐวุฒิ อนุสิทธิ์ ที่น่าจับตามอง

พลิกคาแรกเตอร์จากบทชายรักชายในซีรีส์ฮอร์โมน กลับมาในหนังผีค่ายไฟว์สตาร์ฯ เรื่องแรก  “School Tales เรื่องผีมีอยู่ว่า” ผลงานล่าสุดของตั้ว-เสฎฐวุฒิ อนุสิทธิ์ ที่ต้องรอติดตามกันอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนในชีวิตการเรียนของหนุ่มตั้ว ก็แอบพลิกคาแรกเตอร์ที่คนก็ไม่คาดถึง หลายคนอาจแปลกใจถ้าจะบอกว่าตั้วเรียนคณะนิติศาสตร์ แต่ถ้าได้อ่านมุมมองความคิดคมๆ ของเขาแล้ว เชื่อได้เลยว่า อนาคตผู้ชายสายกฎหมายที่ทั้งเท่และเชื่อถือได้ จะต้องอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน

_MG_2582

ช่วงเวลาที่เลือกแล้วว่า เรานี่แหละเหมาะกับการเป็นผู้ชายสายกฎหมาย คือตอนไหน

ตอนเด็กๆ เคยอยากเป็นหมอ แต่พอเรียนม.3 แล้วไปเจอฟิสิกส์ เคมีเชิงลึกเข้าไปเท่านั้น ก็เซย์กู้ดบายกับสายวิทย์ทันที (หัวเราะ) แล้วตอนนั้นผมได้ไปเดินที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ได้ไปอ่านเล่มกฎหมายแรงงานที่แผงดู ก็รู้สึกว่ากฎหมายสำคัญมากจริงๆ รู้สึกตั้งแต่ตอนนั้นว่ามันเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และรอคนมาพึ่ง ไม่ใช่ต้องไปพึ่งคนอื่น ซึ่งมันก็ตอบโจทย์ผมทุกอย่างนะ คือผมอยากดูแลครอบครัว ดูแลผลประโยชน์ให้ตัวเองได้ แล้วถ้าในอนาคตต้องมีลูก มีครอบครัวของตัวเอง ก็อยากจะดูแลพวกเขาให้ได้เช่นกัน แต่ช่วงนั้นที่จะขึ้นม.ปลาย ใจก็ยังลังเลไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์นัก เลยเลือกเรียนสายกลางๆ อย่างศิลป์-คำนวณไว้ก่อน จนกระทั่งตอนที่จะเลือกเอนท์ มันก็เหมือนตอกย้ำเรื่อยๆ ว่าสายนี้แหละที่เราอยากเรียน แต่ตอนนั้นด้วยความที่ผมงานยุ่งๆ ผมสอบตรงเข้าธรรมศาสตร์ไม่ติด ก็เลยตัดสินใจว่า จะไม่ยึดติดสถาบัน เพราะว่าเรียนกฎหมายที่ไหนก็ต้องอ่านหนังสือ ถ้าไม่ขยันจบจากที่ไหนก็เหมือนกัน แล้วที่เอแบคคนจะคิดว่าเรียนกฎหมายเป็นภาษาอังกฤษ จริงๆ ไม่ใช่ เพราะว่าที่นี่เรียนเป็นภาษาไทยหมด อีกอย่างวิทยาเขตหัวหมากก็ใกล้บ้าน แล้วก็อยู่ใกล้ทางเข้าเมืองด้วย ก็สะดวกทั้งไปทำงานแล้วก็เรียนครับ

จากเด็กสายมัธยมในโรงเรียน มาเปลี่ยนแปลงเป็นนักศึกษาสายกฎหมาย เป็นยังไงบ้าง

ตอนแรกเข้ามาเครียดมากนะ เพราะตอนม.ปลายไม่ค่อยตั้งใจเรียน มีโมเม้นท์แอบขี้เกียจ แต่พอเข้ามหา'ลัย ไม่มีอาจารย์มาคอยจี้ให้ส่งงาน เหมือนเราต้องรับผิดชอบตัวเอง ก็ต้องโตขึ้นไปอีกก้าว แต่ว่าการเรียนและสังคมแฮปปี้มาก อย่างกลุ่มเพื่อนบางคนบอกว่าเห็นหน้าผมครั้งแรกแล้วเหมือนจะหยิ่ง แต่พอได้คุยจริงๆ ...ไม่น่าคุยกับนายเลย (หัวเราะ) คือ ผมเป็นคนที่ชิลล์มาก ค่อนข้างเข้าหาง่าย ผมคุยได้หมด เจอกันครั้งแรกผมก็แซวแล้ว อย่างตอนนี้ปี 2 ผมก็มีเพื่อนหมดทุกแนว ทั้งเพื่อนเรียน เพื่อนอ่านหนังสือ เพื่อนคุย เพื่อนเล่น เพื่อนแชร์เรื่องชีวิต หรือแม้แต่เพื่อนแปลกๆ ก็มีหมด

เปิด

เอกลักษณ์ความเป็นเด็กแนวในสไตล์แบบนิติศาสตร์ เป็นยังไง

ผมว่าแต่ละคณะก็มีความเป็นเด็กแนวที่ต่างกันไป อย่างทำไมเด็กสถาปัตย์ฯ หรือพวกที่เรียนฟิล์มที่ชอบถ่ายรูปถึงมีมุมมองภาพที่อาร์ตมาก ที่คนปกติอาจจะไม่คิดมองด้วยซ้ำ คือเด็กนิติฯ ก็คงเหมือนกัน จริงๆ เพื่อนที่ผมรู้จักหลายคนไม่เนิร์ดเลย แต่ถ้าพูดในส่วนของการเรียน มันจะเป็นเรื่องของข่าวหรือสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นได้จริงในสังคม เพราะฉะนั้น บุคลิกการพูดการวิเคราะห์ต่างๆ ก็อาจจะจริงจังกว่าคนทั่วไปนิดหนึ่ง พวกเราไม่ได้พูดจากความรู้สึก แต่ว่ามันคือความรู้สึกที่ต้องบวกกับความรู้ด้านกฎหมายมาประกอบด้วย

ชีวิตเปลี่ยนไปมั้ย เมื่อต้องมาเรียนด้านกฎหมาย แล้วก็ไปทำงานบันเทิงที่ต่างกันสุดขั้ว

ผมสามารถเอาสัญญางานมาอ่านด้วยตัวเองได้แล้วตอนนี้ หรืออย่างเรื่องขับรถบนถนน ผมว่า ปัญหาการจราจรไทย มันมีเยอะ คนส่วนใหญ่โดนหลอกว่าความจริงคุณขับอย่างนั้นไม่ได้ แต่จริงๆ คุณไม่ได้ผิดด้วยซ้ำ หรือแม้แต่สิ่งที่คุณคิดว่าไม่ผิด แต่ความจริงมันผิดนะ ตอนนี้ก็มองได้หมด ว่าคุณขับรถแบบนี้ คุณประมาทหรือเปล่า สามารถยกมาเป็นข้อต่อสู้ได้เลย หรืออย่างเจอคนมาพูดจาหยาบคายใส่เรา ผมก็สามารถเอาเรื่องนี้มาฟ้องเรียกค่าเสียหายได้

_MG_2537

เทคนิคการเรียนเจ๋งๆ ในแบบของตั้ว เป็นยังไง

ตอนนี้เวลาว่างไม่ค่อยมี ทั้งเรียน ทั้งทำงาน ส่วนใหญ่ผมจะใช้ทุกเวลาให้คุ้ม คณะนี้ต้องกระตือรือร้นตลอดเวลา เพราะมันคือความจริงที่เกิดขึ้น มีคนมากมายที่ต้องการพึ่งความรู้ของเราทั้งหมด ไม่ใช่ความรู้แค่ที่เรียนผ่านไปเทอมหนึ่งเท่านั้น ก็ต้องพยายามอ่านทบทวนของเก่าตลอด แล้วเรื่องบุคลิกการพูดจาก็สำคัญ ครูเงาะ ครูสอนการแสดงผมเคยพูดว่า ทนายบางคนยังมาเรียนการแสดงกับเขาเลย คือไม่ใช่ว่าเรียนเพื่อไปหลอกใครนะ แต่เราเรียนเพื่อมาปรับบุคลิกการพูดให้ดูน่าเชื่อถือ เพราะด้วยเนื้องานที่เราทำ เราจะกล้าไปฝากชีวิตไว้กับใครที่บุคลิกภายนอกดูไม่น่าเชื่อถือล่ะ ก็ต้องฝึกพูดให้ชัด  เพราะเวลาเราจบออกไป ต้องโทรคุยกับลูกค้า ถ้าเกิดพูดไม่ชัด เขาฟังเราไปผิด หรือเวลาขึ้นศาลพูดให้ผู้พิพากษาฟังไม่รู้เรื่อง ก็จะไม่เป็นผลดีแน่นอน

อยากให้ฝากข้อคิดชีวิตในมหาวิทยาลัยให้หน่อย

มหา'ลัยเป็นด่านสุดท้ายแล้วที่จะทดสอบคุณ ก่อนที่คุณจะไปเจอประสบการณ์จริงๆ ผมกล้าพูดตรงนี้เลยว่า การเรียนไม่ว่าจะหนัก เหนื่อย แค่ไหน คุณห้ามยอมแพ้เด็ดขาด เพราะมันเป็นสิ่งที่ฝึกความอดทนเราได้ดีที่สุด ก่อนที่เราจะไปทำงานจริงๆ อย่างเราเรียน แล้วสอบไม่ผ่าน เราสามารถสอบซ่อมหรือลงเรียนใหม่ได้ แต่ถ้าเราทำงานพลาด คือพังไปเลย เราอาจจะไม่ได้โอกาสแก้ตัวอีกแล้วด้วยซ้ำ ก็อยากจะฝากให้น้องๆ ตั้งใจเรียนกัน ใช้ชีวิตก็ทำได้เต็มที่ แค่รับผิดชอบตัวเองให้ได้ก็พอ

_MG_2569

มุมมองยาวๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากเรียนจบ

เอาง่ายๆ ก่อนตอนนี้ ผมมองว่าจะเรียนจบกี่ปี (หัวเราะ) อยากเร่งให้ได้สี่ หรืออย่างน้อยก็แค่สี่ครึ่งนะ ส่วนความฝันอยากเป็นอัยการ ผมรู้สึกว่าอัยการเป็นที่พึ่งของประชาชนทุกคน เป็นคนที่ต้องส่งเรื่องไปถึงศาลเพื่อฟ้องคดี ถ้าไม่มีอัยการดีๆ มันก็ทำให้เกิดความสูญเสียหรือความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นได้ ก็เลยอยากจะเป็นตัวแทนที่มีมาตรฐานและสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้

 




SOCIAL NETWORK

Mono Mobile

แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์

Mono Technology

อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007

TAGS

บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา