จากเด็กสาวที่กำลังเติบโตในวัยมหาวิทยาลัย กับชีวิตที่ผ่านการเรียนรู้ในทีละสเต็ป มาจากแรงบันดาลใจสำคัญ คือ คุณพ่อชาวฮ่องกงที่ให้ความรักและกำลังใจในทุกย่างก้าว และอีกหลักหนึ่งที่ยึดนำทางชีวิตมาตลอด นั่นคือ คำสอนของ “พ่อ” แห่งแผ่นดิน ที่เด็กรุ่นใหม่อย่าง กากาพร้อมจะน้อมนำพระราชดำรัสของพระองค์ท่านมาใช้ในการดำเนินชีวิต เพื่อเดินสู่เป้าหมายต่อไป
FIRST OF GAGA
ชื่อ : กากา-ศินันทการ์ โท
การศึกษา : ปี 2 วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ ม.รังสิต
วันเกิด : 5 ธันวาคม 2537
ส่วนสูง : 160 ซม.
น้ำหนัก : 40.5 กก.
นิยามสามคำบอกความเป็นชาวมอ : อึด ลุย ทน
คติประจำใจ : ไม่มีอะไรยากเกินกว่าที่จะพยายาม
วิชาเรียนน่าเบื่อ : ถ่ายภาพ
ฉายาประจำแก๊งค์ในมอ : ไอ้เอ๋อ
แหล่งช้อปปิ้งใกล้มอ : ฟิวเจอร์ปาร์ค
สิ่งที่อยากให้ปรับปรุงในมอของเรา : น้ำท่วม
เป้าหมายในอนาคต : ทำธุรกิจ, เรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศ
ผลงาน : ถ่ายแบบนิตยสาร, ดาวมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ปี 2556, MV เพลง ผ่านมาแค่ให้จำ ของ แอน ฐิติมา, MV เพลง หลอกตัวเอง ของหมู MUZU, พิธีกรรายการ สวีทชิล ทริปชิล เปรี้ยวอมหวาน, ดีเจช่วง FRESHY FRESH 91.5 MONO FRESH
Instagram : KAKAST
การเรียนปัจจุบันในสายนิเทศ
ตอนนี้เรียนปี 2 วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เอกประชาสัมพันธ์ค่ะ ซิ่วมาจากที่อื่น ตอนแรกเลย เรียนที่คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ เรียนไปได้หนึ่งปี แม่อยากให้หนูเป็นหมอ หนูเลยเปลี่ยนมาเข้าทางด้านแพทย์แผนจีนที่มหา'ลัยเดิม ซึ่งก็ต้องไปเรียนที่จีนปีหนึ่งก่อน ตอนนั้นไปเรียนด้านภาษา ไปเรียนที่จีนก็สบายๆ นะ เรียนฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาจีนธรรมดา ก็มีไปเที่ยวชิลๆ กับเพื่อน แต่พอกลับมาเรียนด้านวิชาการต่อ รู้สึกว่ามันค่อนข้างยาก เพราะมันคือต้องเรียนด้านวิทย์เป็นภาษาจีน มีศัพท์การแพทย์ภาษาจีน ก็เริ่มไม่โอเคสำหรับเราแล้ว ที่ยากน่าจะเป็นในส่วนของภาษา ก็คิดว่าไม่ไหวแน่ๆ สุดท้ายตัดสินใจไปต่อสายนิเทศฯ ดีกว่า คือมันก็แตกต่างกันมากนะ แต่ถ้าลองเปรียบเทียบดูว่า ถ้าเรียนแพทย์แผนจีนต่อไป เรียนทั้งหมด 6 ปี ก็ต้องเรียนต่อไปอีก 4 ปี สู้เราไปซิ่วเข้านิเทศฯ อีก 4 ปี ก็เหมือนกัน ช่วงนั้นเราก็เข้าวงการบันเทิงแล้วด้วย คิดว่า นิเทศฯ จะเป็นประโยชน์กับเรามากกว่า เลยเลือกมาเรียนต่อนิเทศฯ ที่ม.รังสิตแทน
กับการเปลี่ยนแปลงจากเด็กแพทย์มาเป็นเด็กนิเทศฯ ต้องเจอกับอะไรบ้าง
จริงๆ ตอนเรียนเทคนิคการแพทย์ หนูเรียนได้เกรดโอเคเลย ก็สามกว่าๆ เป็นคนเรียนด้านวิทย์ได้อยู่ ชอบวิชาชีววิทยาเป็นพิเศษ พอมาเรียนนิเทศฯ หนูว่ามันง่ายกว่าสายวิทย์เยอะมาก แล้วอาจารย์ที่ม.รังสิตก็ใจดี เวลาเรียนก็จะเน้นแนวข้อสอบให้เรา แล้วส่วนใหญ่ก็เน้นปฎิบัติมากกว่า ก็สนุกดี ได้เรียนวิชาใหม่ ทั้งฝึกการพูด การตัดต่อ การถ่ายภาพ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ไปทีละโปรแกรม แต่สังคมก็ค่อนข้างเปลี่ยนไปเหมือนกัน ตอนอยู่เทคนิคการแพทย์ เพื่อนๆ จะไม่ค่อยเที่ยวที่ไหน แต่จะเป็นแนวเรียนในห้อง ช่วยกันติวตลอด แต่สำหรับที่นี่ เขาก็มีชวนไปเที่ยวบ้าง แล้วก็ส่วนใหญ่จะเป็นแนวลุยๆ ดิบๆ สไตล์นิเทศฯ ก็เป็นสังคมที่ต้องพึ่งตัวเองค่อนข้างสูง เพราะแต่ละคนก็มีความเป็นอิสระ และมีความเป็นตัวของตัวเอง แต่โดยรวมๆ ก็มีกลุ่มเพื่อนที่สนิทประมาณ 4-5 คน ที่ก็เป็นเพื่อนที่ให้ใจเราเต็มร้อย และคอยช่วยเราตามงานทุกอย่าง เวลาที่เราติดงานข้างนอก
ช่วงเรียนหนักสุดๆ ที่กว่าจะผ่านมันมาได้
เป็นตอนที่ไปเรียนแพทย์แผนจีน แล้วรู้สึกไม่ไหว แต่มันก็เสียดายเวลาเรียนเหมือนกัน อันนั้นเป็นช่วงเรียนที่หนักสุดแล้ว แต่หนูเป็นคนชอบตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง ชอบคิดเอง หาความรู้ข้อมูลเพิ่มเอง อย่างเพื่อนก็จะไม่ค่อยปรึกษา คือเพื่อนรู้ว่า ถ้าหนูตัดสินใจอะไรไปแล้วก็จะไม่เปลี่ยนใจ ตอนนั้นก็ตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนสายแน่ๆ ก็ไปบอกแม่ แต่แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเขาคงเห็นว่าเราไม่ไหวจริงๆ แต่เวลาหนูเจอปัญหาอะไร หนูจะไม่มองว่าชีวิตมันแย่นะ หนูพยายามมองโลกในแง่ดีตลอด จะคิดว่ามันก็แค่จุดเดียวในชีวิต ถ้าเรามองย้อนกลับไป มันก็แค่จุดเล็กๆ เท่านั้น เพราะตอนนี้ปัญหามันก็ผ่านไปด้วยดีแล้ว อย่างเวลาหนูเครียดก็จะชอบฟังเพลง ดูการ์ตูน หรือออกไปหาเพื่อน อยู่กับเพื่อนๆ ซึ่งเข้าใจเรา แล้วก็เพื่อนหนูเป็นคนตลกๆ กันด้วย อยู่ด้วยก็ไม่เครียด ทั้งเพื่อนที่เทคนิคฯ แล้วก็ที่จีน ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกันอยู่ มีอะไรก็เปิดใจคุยกันตลอด
ความประทับใจที่มีต่อคุณพ่อผู้แสนดี
คุณพ่อเป็นคนฮ่องกงค่ะ คุณแม่เป็นคนเหนือ แล้วตอนเด็กๆ พ่อจะบินไป-กลับต่างประเทศซะส่วนใหญ่ หนูก็เลยจะอยู่กับแม่และน้อง แต่พ่อหนูใจดีมาก เวลาหนูอยากได้อะไร ก็ได้หมดนะ เวลาอ้อนพ่อว่า เห็นเพื่อนเขามีอันนี้กันนะ พ่อก็โอเคซื้อให้ตลอด แรงบันดาลใจจากคุณพ่อที่หนูยึดถือเป็นแบบอย่าง คือ ความเป็นคนสู้คนและเข้มแข็ง เพราะจริงๆ มีช่วงหนึ่งที่บ้านเรามีปัญหาเรื่องการเงินหนักเหมือนกัน แต่หนูก็ไม่เคยรู้เลยนะ เขาก็พยายามแก้ปัญหากันเองกับคุณแม่ พยายามหาเงินให้พวกเราใช้กันปกติ จนสถานการณ์ดีขึ้น แล้วเขาก็เพิ่งมาเล่าให้ฟัง
มีความไม่เข้าใจกันบ้าง จากเด็กดื้อของพ่อ
ตอนเด็กๆ หนูเป็นดื้ออยู่ มีทะเลาะกับพ่อเหมือนกัน คือเวลาพ่อใจดี ก็ใจดีมาก แต่เวลาเราทะเลาะกัน ก็ทะเลาะกันแรงมากเหมือนกัน (หัวเราะ) เรื่องทะเลาะกันส่วนใหญ่เป็นเรื่องความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันมากกว่า คือคุณพ่อเป็นคนต่างชาติแนวๆ คนจีน เวลาเขาถามอะไร เขาก็อยากจะได้คำตอบชัดเจนประมาณนี้ แล้วบางทีเราก็ชอบเถียงด้วย เลยทะเลาะกันทีแรงมาก บางทีบ้านแตก แต่สุดท้ายทะเลาะกันจบ อีกวันก็ดีกัน เพราะบางทีพ่อชอบใจอ่อน แล้วก็แอบมาบอกลูกว่า ขอโทษนะ เมื่อกี๊ขึ้นเสียงไปหน่อย หรือบางทีหนูก็รู้สึกว่าตัวเองผิดจริงๆ ก็จะเข้าไปขอโทษพ่อตรงๆ หนูก็รู้สึกตัวว่าแอบดื้อ แล้วก็ชอบเถียง ซึ่งมันไม่เรื่องที่ไม่ดีเลย
จากเด็กดื้อกลายมาเป็นพี่สาวที่แสนดีของน้องชาย
มันก็มีจุดเปลี่ยนของตัวเองเหมือนกัน ที่เคยเห็นแม่ร้องไห้ แล้วช่วงนี้น้องก็ป่วยด้วย ก็เลยอยากจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่านี้ให้พ่อแม่สบายใจ ไม่อยากให้ท่านเหนื่อย ไม่อยากให้ท่านทุกข์ เพราะตอนนี้พ่อกับแม่เปิดโรงงานอยู่ที่เชียงใหม่ หนูก็ขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯ กับน้องชาย ซึ่งห่างกัน 3 ปี ตอนแรกหนูย้ายมาอยู่กทม. ก่อน แล้วพอน้องชายสอบติดครุศาสตร์ จุฬาฯ เขาก็เลยขึ้นมาอยู่ด้วยกันกับหนู ตอนนี้ก็อยากจะดูแลน้องให้ดี น้องหนูเขาค่อนข้างจะเงียบๆ ไม่ค่อยพูด บางทีหนูก็ต้องพยายามถามไถ่ว่าเป็นยังไงบ้าง แต่เราก็ค่อนข้างจะเปิดใจคุยกันทุกเรื่องนะ แล้วเวลาน้องเขาอยู่ที่บ้าน เขาก็จะคอยช่วยงานบ้านหนูตลอด เขาเป็นเด็กดีทีเดียว
ความประทับใจจากหัวใจนักศึกษาที่รักพ่อหลวง
สำหรับความสูญเสียของคนไทยในตอนนี้ สำหรับหนูก็รู้สึกใจหายเหมือนกันค่ะ เพราะตั้งแต่หนูเกิดมา ก็อยู่ใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ท่านแล้ว เราเห็นท่านมาโดยตลอด แรกๆ เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเราถึงรักพระองค์ท่าน ทั้งๆ ที่ไม่เคยเจอตัวจริงของพระองค์ท่านเลย ได้แต่เห็นตามในสื่อต่างๆ มันเป็นความรักแบบไม่รู้ตัวเลย แต่จวบจนถึงวันนี้ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหนูและรวมถึงคนไทยทั้งประเทศถึงรักพระองค์ เพราะสิ่งที่พระองค์ได้ทำให้พวกเรามันมากมายเหลือเกิน เราได้เห็นพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่ท่านได้ทำมันเยอะมาก อย่างหนูเกิดไม่ทันยุคท้องถิ่นที่ยังทุรกันดาร แต่ว่าในตอนนั้นพระองค์ก็เดินทางเข้าไปทุกที่ ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน เพื่อช่วยเหลือประชาชนของพระองค์ท่าน เพราะพระองค์รักคนไทยทุกคนจริงๆ สำหรับหนู คำสอนของพ่อที่หนูจะขอนำมายึดถือในการใช้ชีวิต คงเป็นเรื่องของการเป็นคนดีค่ะ เพราะสิ่งที่พระองค์ท่านต้องการ คือ อยากให้คนไทยเป็นคนดี ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติบ้านเมือง มีความสามัคคีและไม่แตกแยกกัน หนูจะพยายามยึดถือความดีไว้ ประกอบอาชีพของตัวเองโดยไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน หนูชอบให้ทุกคนมีรอยยิ้มและมีความสุขที่สุด เพื่อตอบแทนพระองค์ท่าน
กับการเข้าร่วมใน MV “มองบนฟ้า” ถวายความอาลัยแด่พ่อหลวง
ก็รู้สึกดีใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน MV “มองบนฟ้า” ของทางโมโนมิวสิค ได้ทำเพื่อพระองค์ท่าน แม้จะเป็นแค่ภาพเล็กๆ ก็ตาม ความหมายของเพลงนี้ก็ดีมากๆ วันที่ถ่าย MV วันนั้นหนูติดพรีเซ้นท์งานที่มหา'ลัยตอนเช้า ก็เลยต้องเข้าไปในกองถ่ายตอนบ่าย แต่เพื่อนๆ ก็บอกว่าทุกคนมากันตั้งแต่ตีสี่ตีห้าแล้ว มานั่งรอคิวของตัวเองอย่างไม่มีบ่น แม้ว่าจะได้เห็นแต่ละคนออกแค่ไม่กี่วิ แต่ทุกคนก็มากันด้วยใจจริงๆ
ในเส้นทางอนาคตที่วาดหวังไว้
อนาคต ตอนนี้แค่อยากจะจบให้เร็วที่สุด ไม่อยากให้พ่อกับแม่เหนื่อยมาก จริงๆ หนูก็อยากไปเรียนต่อต่างประเทศเหมือนกัน อยากลองไปใช้ชีวิตที่โน่นดู แต่ว่าก็คงจะต้องเก็บตังค์ด้วยตัวเองให้ได้ก่อน ก็เลยอยากลองเปิดธุรกิจของตัวเองด้วยค่ะ อาจจะเป็นธุรกิจพวกเสื้อผ้า เพราะหนูเป็นคนชอบดูแฟชั่น เสื้อผ้าต่างๆ แล้วก็อาจจะมีร้านขนมด้วย แล้วก็อยากจะไปเปิดที่เชียงใหม่ควบคู่ไปกับธุรกิจที่บ้านเลย แต่ก็คงต้องพัฒนาตัวเองและเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกมาก อย่างงานบันเทิงตอนนี้ที่เป็นโอกาสเข้ามาในชีวิต เราก็พยายามที่จะคว้ามันไว้ จริงๆ หนูชอบทำงานทางด้านบันเทิงหมดเลย เพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งแปลกใหม่ ท้าทายตัวเองที่ได้รู้ว่าตัวเองก็ทำได้แบบนี้ได้เหมือนกัน ตอนแรกที่เข้ามาในวงการก็รู้สึกว่ายากกว่าที่คิดไว้ อย่างเรื่องการเรียนแอกติ้ง การใช้อินเนอร์ เป็นอะไรที่ยากสำหรับหนู แต่พอได้ลองทำหลายๆ อย่าง สุดท้ายก็กลายเป็นสนุก แล้วก็อยากทำด้านอื่นๆ ต่อมากขึ้น อย่างผลงานปัจจุบันก็คือการเป็นพิธีกรรายการ สวีทชิล ทริปชิล เปรี้ยวอมหวาน ทาง MONO29 แล้วก็ได้เป็นดีเจคลื่น FRESH 91.5 ด้วย เป็นงานใหม่ทั้งคู่ พิธีกรก็ได้ไปเที่ยวกินหลายที่ แฮปปี้มากๆ ดีเจก็ได้พูด ได้คุยเป็นตัวของตัวเอง ก็ถือเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่เราได้ลองค่ะ
MODEL : SINONTHAKA TO
PHOTOGRAPHER : CHAIMONGKOL PAWASUTTIKARN
STYLIST : APIWAN TIRARANGKUL
MAKE UP & HAIR : ACHIRAWEE ANURAKTARANON
PLACE : POBRAK BANGNAMPUENG
Mono Mobile
แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์
Mono Technology
อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007
TAGS
บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา