ความทุ่มเทที่มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป พร้อมกับการได้รับโอกาสเข้าเรียนเริ่มต้นในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์จากพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จวบจนถึงวันนี้ที่ทำให้ ดร. สุวิมล กุณะจันทร์ หรือ ปุ่ม ประสบความสำเร็จในด้านการเรียน และได้ทำงานทดแทนคุณแผ่นดินในมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมของพระองค์ท่านอย่างเต็มความสามารถ
INSPIRATION
ดร.สุวิมล พื้นเพเดิมเป็นคนจังหวัดแพร่ ด้วยฐานะที่ค่อนข้างยากจน แต่ความมุ่งมั่นในการเรียนสูง เธอจึงได้รับโอกาสเข้าเรียนในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ที่ 25 ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เปิดโอกาสให้แก่นักเรียนในท้องถิ่นทุรกันดารได้เรียนฟรี ผ่านการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม หรือที่เรียกว่า ครูตู้ จนกระทั่งจบมัธยมปลาย และความเป็นเด็กเรียนดี ทำให้เธอได้รับทุนเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ในคณะบริหารธุรกิจ สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ เป็นการเริ่มต้นชีวิตในกรุงเทพ ต่อมาถึงปริญญาโท ในคณะเดิม และขึ้นจุดสูงสุดกับปริญญาดุษฎีบัณฑิต หรือ “ดอกเตอร์” ในด้านรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
IMPORTANT IN A CAREER
“ชีวิตในมหาวิทยาลัย ต้องปรับตัวนิดหนึ่ง เพราะเราก็เป็นเด็กต่างจังหวัดที่ต้องมาอยู่หอพัก แต่โดยรวมๆ ก็ราบรื่นดี ส่วนเรื่องการเรียน การเรียนผ่านครูตู้กลับคิดว่าเป็นข้อได้เปรียบของเรา เพราะการเรียนที่ไม่มีปฎิสัมพันธ์กับครู มันอิสระ มันทำให้เราต้องตั้งใจเรียนมากขึ้นกว่าเดิม แล้วมันก็เป็นประโยชน์มากๆ เมื่อมาเรียนในระดับอุดมศึกษา นั่นคือการจดเลกเชอร์สรุปใจความสำคัญ เหมือนเป็นการทบทวนไปในตัว แล้วเราสามารถไปติวให้กับเพื่อนๆ ได้ด้วย จริงๆ ในทุกระดับชั้นเรียน ทุกอย่างเริ่มจากความไม่พร้อม ตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงปริญญาเอก อย่างระดับปริญญาตรี เพื่อนๆ ก็มีอุปกรณ์อย่าง Talking Dict แต่เราไม่มี ปริญญาโทก็ต้องมี Notebook หรือจนถึงปริญญาเอกที่ส่วนใหญ่เพื่อนๆ ในห้องจะเป็นระดับบริหาร และเราก็เด็กสุดในห้อง แต่พอนึกย้อนกลับไปมันก็เป็นความประทับใจในตัวเองเหมือนกัน ด้วยความมานะอุตสาหะกว่าคนอื่น เราถึงผ่านจุดนั้นมาได้ ตอนจบปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ทำให้ได้เข้ามาทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ e-Learning ฝ่ายอบรมและพัฒนาครู มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม มูลนิธิจากทุนพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และในระหว่างนั้นก็เรียนต่อด้านปริญญาโทไปด้วย การเข้ามาสู่การทำงานในชีวิตจริง มันต้องมีการเรียนรู้ทุกอย่างเพิ่มเติม รวมทั้งการปฎิสัมพันธ์กับผู้คน การพูดคุย เจรจาต่อรอง ทุกอย่างมันคือความท้าทาย แต่ทั้งเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า และผู้ใหญ่ต่างก็ให้การสนับสนุนเราเป็นอย่างดี หลักการทำงานที่นำมาใช้ตลอด มาจากพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน คือเรื่องการทำงานที่มีผลต่อคนจำนวนมาก โดยใช้ต้นทุนที่น้อยที่สุด มูลนิธิของเราเป็นการศึกษาทางไกล ที่ถือว่าใช้ต้นทุนต่ำมาก แต่ประโยชน์คือโรงเรียนสามหมื่นกว่าโรงเรียนที่ได้รับ เราต้องทำตรงนี้ให้คุ้มค่าที่สุด เพื่อตอบแทนพระองค์ท่าน ครั้งแรกที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระองค์ท่าน ได้เข้าเฝ้านั่งแทบพระบาท ไม่กล้าเงยหน้ามองพระพักตร์เลย ได้แต่น้ำตาไหลด้วยความปลื้มปีติ มันไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด เพราะมันเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมอย่างหาที่สุดไม่ได้ จนตอนนี้ ตลอด 13 ปีที่ได้ทำงานมา ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณโดยตรงของพระองค์ท่านที่ทำให้ได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก เราได้เรียนหนังสือ ได้ทุนพระราชทาน ได้โอกาสเข้าเฝ้าใกล้ชิด เพราะฉะนั้น ปณิธานสูงสุด คือ การได้ทำงานทดแทนคุณแผ่นดิน เพราะว่าเราเกิดในแผ่นดินไทย ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของรัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านทรงงานหนักเพื่อพวกเราทุกคน เพื่อให้ลูกๆ ของพระองค์บนผืนแผ่นดินไทยได้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข อย่างเด็กๆ ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณที่ได้เรียนในโรงเรียนของพระองค์ พระองค์ท่านไม่ได้คาดหวังสิ่งตอบแทนใดๆ จากพวกเราเลย เพียงแค่อยากให้พวกเรามีการศึกษา สามารถหาเลี้ยงชีพตัวเอง เป็นคนดี ถ้าดีกว่านั้น คือ กลับไปพัฒนาชุมชนบ้านเกิดให้ดีขึ้น พวกเราเองต่างหากที่ควรจะสำนึกให้มาก แล้วก็ตอบแทนพระองค์ท่าน ตอบแทนแผ่นดินไทยที่อยู่ ด้วยการเป็นคนดี ประกอบอาชีพสุจริต ตั้งใจทำงาน แล้วก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด”
THINKING TO CAMPUS
“อยากจะฝากถึงน้องๆ ที่กำลังเรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย ถ้ามองย้อนกลับไปในชีวิตมหา’ลัยของตัวเอง ก็ต้องยอมรับว่าทำกิจกรรมน้อย ได้ทำแค่ช่วยงานในห้องสมุด มองว่าพลาดตรงที่จะน่าจะทำกิจกรรมมากกว่านี้ เพราะตอนนั้นมุ่งแต่เรียนซะส่วนใหญ่ จริงๆ การเรียนก็มีส่วนสำคัญ แต่มันไม่ได้เป็นทั้งหมด การตั้งใจเรียนถูกต้องแล้ว แต่อย่าลืมว่ากิจกรรมก็มีส่วนทำให้เราได้พัฒนาตัวเอง ได้ปฎิสัมพันธ์กับผู้คน ได้ฝึกทักษะในการแก้ปัญหา เพราะฉะนั้น อย่างแรกคือ เรียนด้วย สอง อย่าทิ้งกิจกรรม และสาม พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ”
