ในท่ามกลางเทรนด์ซีรีส์เกาหลี ไอดอลคนดังเกาหลีที่เข้ามาครอบครองหัวใจติ่งไทยทั่วประเทศ ยังมีอาหารเกาหลีอีกอย่างกับรสชาติในแบบดั้งเดิมที่ถูกปากคนไทย จนทำให้โอปป้าผู้รักการทำอาหารอย่าง “ลีจงจิน” หนุ่มหล่อสุดอบอุ่นคนหนึ่งจากเกาหลีถึงขนาดเดินทางมาประเทศไทยเพื่อมาเปิดร้านอาหารในชื่อ “KIANI” ลงมือปรับปรุงสูตรให้พอเหมาะและถูกปากคนไทยด้วยตัวเองรวมถึงได้มาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย กับครอบครัวคนไทยและวัฒนธรรมไทยอย่างมีความสุข
INSPIRATION
โอปป้าหนุ่มผู้มีรอยยิ้มสดใส เริ่มต้นเรียนสายวิศวะที่ประเทศออสเตรเลียก่อนจะย้ายมาเรียนที่มหาวิทยาลัยที่เกาหลีด้วยการสนับสนุนจากคุณพ่อที่คิดว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่หางานง่ายและมั่นคง และด้วยความเป็นวัยรุ่นที่ยังไม่รู้ถึงความถนัดของตัวเองในตอนนั้น เขาจึงเลือกลองเรียนตามใจคุณพ่อ แต่หลังจากที่เรียนจบอนาคตสดใสในเวลา 4 ปี ชีวิตการทำงานในบริษัทใหญ่ของเขาก็ราบรื่ีนเรื่อยมา แต่ในระหว่างนั้นเขากลับพบว่าการอยู่ในอาชีพที่มั่นคงและค่าตอบแทนที่สูง กลับไม่ใช่สิ่งที่เขาค้นหามาทั้งชีวิต
IMPORTANT IN A CAREER
“ตอนที่เรียนก็ยากนะ แต่ด้วยความที่ผมก็กลัวความเปลี่ยนแปลง ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ก็ไม่คิดจะเปลี่ยนสายพยายามเรียนจนจบ แล้วก็ได้เกรดสามกว่าที่พอใจ หลังจากเรียนจบ ผมก็ทำงานบริษัทใหญ่ที่เกาหลีอยู่หลายปี แต่ตลอดเวลาที่ทำค้นพบว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เราตามหามาตลอด มันไม่สนุก มันไม่มีแรงบันดาลใจในการทำงาน แต่พบว่าสิ่งที่อยากทำคือเรื่องของงานบริการ ผมชอบดูแลเทคแคร์ลูกค้า แล้วคุณแม่ตอนนั้นก็เปิดร้านอาหารอยู่ที่เกาหลี เลยไปปรึกษากับพ่อแม่ว่าอยากเปิดร้าน แต่คือตอนนั้นทุกคนก็ไม่เห็นด้วยว่าทำไมทำงานวิศวะที่ได้เงินเดือนสูงๆ อยู่ดีๆ จะมาเปลี่ยนไปทำร้านอาหารที่ได้ค่าตอบแทนน้อยกว่า สุดท้ายเขาไม่สนับสนุนเรื่องเปิดร้านที่เกาหลี ตอนนั้นแฟนผม (ภรรยาคนไทย) ที่เจอกันตอนอยู่ออสเตรเลีย ก็เลยชวนผมมาเปิดร้านอาหารที่เมืองไทย คือตอนนั้นเราก็คิดกันว่า ถ้ามาเปิดแล้วมันไม่เวิร์ก ก็คงจะกลับไปทำสายวิศวะใหม่ ผมก็ใช้เวลาตัดสินใจแค่ 6 เดือน แล้วก็เดินทางมาเซอร์เวย์สถานที่ที่ไทยเลย มาตอนแรกมาทั้งเซอร์เวย์ตามตลาด ดูวัตถุดิบต่างๆ ที่ไทยกับเกาหลีต่างกันยังไงบ้าง อันไหนทำได้ แล้วก็ทดลองเมนูจนได้มาเจอที่ตั้งร้านแถวทองหล่อ ซึ่งรู้สึกมันเดินทางสะดวกกับลูกค้า แล้วสุดท้ายคุณแม่ก็มาช่วยดูแลเรื่องวัตถุดิบและขั้นตอนการทำอาหารให้อีกทาง จนตอนนี้กว่าจะลงตัวก็เปิดร้านมาได้ 2 ปีแล้ว ถ้าตอนนั้นย้อนเวลากลับไปตอนเรียนมหาวิทยาลัยได้ ผมคิดว่า ผมจะเปลี่ยนสายการเรียนแน่นอน เพราะตอนนี้ค้นพบแล้วว่าเราชอบการทำอาหาร เราแฮปปี้มีความสุขมากๆ ที่ได้ดูแลลูกค้า ได้เห็นลูกค้ามีความสุขกับอาหารที่เราทำ ตอนนี้ผมอยู่ที่เมืองไทยกับครอบครัว ก็รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และประทับใจคนไทย คนไทยใจดีมากๆก็อยากจะทำทุกๆ วันในชีวิตให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ และอาจจะมีแพลนเรื่องการขยายสาขาร้านในอนาคต”
HOW TO WORK
ช่วงเริ่มต้นที่แลกมากับความพยายาม
“ช่วงที่เปิดร้านหนึ่งเดือนแรก ลูกค้าแทบจะไม่มีเลย มีวันละโต๊ะ หนึ่งวันมีหนึ่งคน เพราะยังไม่มีใครรู้จัก ช่วงนั้นก็ท้อมาก แต่ก็พยายามปรับปรุงลองผิดลองถูกมีช่วงหนึ่งที่ต้องปิดร้านไป แล้วก็เปิดใหม่ จนสุดท้ายลูกค้าที่เข้ามาแล้วเขาก็ใช้วิธีบอกกันแบบปากต่อปาก จนร้านเราเป็นที่รู้จักมากขึ้น และก็มีสื่อต่างๆ เริ่มเข้ามาถ่ายทำสัมภาษณ์แนะนำให้ร้านเราอีกทาง”
“ชื่อร้าน KIANI แปลว่า คุณพ่อขายาว ซึ่งคนเกาหลีเชื่อว่า คุณพ่อขายาวคือสามารถดูแลทุกคนได้ ก็คงหมายถึงตัวผมที่ใส่ใจลูกค้า รวมถึงพนักงานทุกคนในร้านที่ดูแลกันเหมือนพี่น้องด้วย ที่นี่เราอยากให้ลูกค้ามาแล้วมีความสุขกับการทานอาหารรวมถึงการบริการของเรา อยากให้ลูกค้ารู้สึกอบอุ่นเหมือนนั่งทานอาหารอยู่ที่บ้าน ผมจะบอกพนักงานทุกคนเสมอให้ยิ้มแย้ม ใส่ใจดูแลลูกค้าเสมอ เรามีความสุขที่ลูกค้าแฮปปี้กับการบริการของเรา ไม่ว่าจะกำไรหรือไม่ ไม่สำคัญสำหรับผมเลย”
สูตรเด็ดของเชฟลี
“คิดว่าอาหารเกาหลีก็มีส่วนคล้ายกับอาหารของไทย อย่างสมมุติแกงส้มของไทย ก็มีรสชาติเทียบเคียงกับซุปกิมจิ เพียงแต่เราอาจจะต้องปรับความหวานให้มากขึ้นให้ถูกปากคนไทย ซึ่งจริงๆ ไม่ว่าคนไทยหรือเกาหลีก็มีความชอบที่แตกต่างกัน โดยรวมเราก็เลือกทำรสชาติกลางๆ ให้ทุกคนทานได้หลากหลาย อิทธิพลของซีรีส์เกาหลีก็ทำให้คนไทยรู้จักอาหารเกาหลีมากขึ้นด้วย (ยิ้ม) บางคนโทรมาถามว่าเรามีเมนูนี้เหมือนในซีรีส์มั้ย พอมาทานก็ติดใจ กลับมาทานใหม่ สำหรับสูตรความอร่อยที่ร้านของเราก็คือ ผมจะไม่ใส่ผงชูรส ซึ่งมันเป็นอันตรายต่อลูกค้า เพราะฉะนั้น เราเลยต้องไปหาวัตถุดิบรสชาติแท้ๆ ทั้งที่ไทยและเกาหลี มาทดแทนและใช้เวลาการปรุงให้นานกว่าเดิมให้รสชาติเข้มข้นครบเครื่องที่สุด โดยไม่ต้องพึ่งวัตถุดิบสังเคราะห์”
THINKING TO CAMPUS
“อยากฝากถึงทุกคนที่มีความฝัน ความชอบของตัวเอง ถ้าค้นพบว่าตัวเองอยากทำอะไร ก็ให้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการเลย ต่อให้คิดว่ามันยาก อย่างจบวิศวะมาแล้วแต่อยากทำร้านอาหาร เราต้องคิดว่าเราทำได้ แล้วก็ลงมือทำ อย่าไปกลัว เราต้องมั่นใจในสิ่งที่เราจะทำ แล้วลองทำมันเลย”
