ความมหัศจรรย์ในเมืองไทย นั้นมีอีกหลายแห่งที่รอให้ทุกท่านได้ไปค้นหา ในเมื่อมันแค่ตั้งรออยู่
แล้วทำไมเราถึงไม่หาเวลาออกไปพบมันละ ถ้ำแก้วโกมล จ.แม่ฮ่องสอน ก็เป็นที่สุดยอดแห่งความงาม
ที่ไม่ได้โด่งดังเพียงในประเทศไทยเท่านั้น แต่ไปไกลถึงระดับโลกแล้ว… สวยแค่ไหนต้องเดินทางไปดูด้วยตาตัวเอง
การเดินทาง : ใช้เส้นทางสายเอเซียเข้านครสวรรค์ – กำแพงเพชร – ตาก – เถิน
จากนั้นใช้เส้นทางออกจากเถิน – ลี้ (106) – ดอยเต่า – ฮอด (1103) ทางช่วงจากเถิน – ลี้
ในช่วงแรก ๆ ประมาณ 19 กม. จะเป็นทางโค้งลับตาเลยครับยังไงก็ขับแบบระมัดระวัง
ถึงโค้งก็บีบแตรรถ (เน้นว่าแตรรถ) เส้นทางลาดยาง 2 เลนรถสวนทางกันจากนั้นก็จะมาพบกับ
ถนนเส้น 108 (เชียงใหม่ – แม่สะเรียง) วิ่งเข้าตัว อ.ฮอด พอถึงวงเวียนหอนาฬิกา
ก็เลี้ยวซ้ายไป อ.แม่สะเรียงตรงไปประมาณ 30 กม. จะมีป้ายบอกทางเข้าถ้ำแก้วโกมลทางด้านขวามือติดกับ โรงพยาบาลแม่ลาน้อย
จากหน้าโรงพยาบาลแม่ลาน้อยแยกเข้าไปอีก 6 กม. ตรงนี้แหละที่มีการเปลี่ยนใหม่
จากที่สามารถขับรถขึ้นไปได้ ก็เปลี่ยนเป็นต้องจอดรถไว้ที่นี่ แล้วนั่งรถ 2 แถวขึ้นไป
ประมาณ 6 กม. เนื่องจากทางแคบ และชันมาก เกิดอุบัติเหตุบ่อย …เดินรถได้ทางเดียว
ไม่สวนทางกัน ขึ้นก็คือขึ้น ลงก็ลงอย่างเดียว
ถ้ำแก้วโกมล เป็นถ้ำที่ค้นพบด้วยความบังเอิญโดยวิศวกรชาวไทย ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำผลึกแคลไซต์
ที่ประกอบด้วยหินในตระกูลคาร์บอเนต ชนิดแอนไฮดรัสคาร์บอเนต ที่มีความใสกาวบริสุทธิ์
มีรูปลักษณ์หลากหลายลักษณะ มีรูปผลึกอยู่ในระบบสามแกนราบ ส่วนใหญ่เป็นรูปหกเหลี่ยม
ยาวยอดแหลมหรือรูปสี่แหลมขนมเปียกปูน มีแนวแตกเรียบที่สมบูรณ์ 3 แนว
ภายในถ้ำแบ่งเป็นห้องต่างๆ 5 ห้อง ให้เราได้เดินชมกันอย่างต่อเนื่อง ยิ่งลึก ยิ่งสวยงามจับตา
ใกล้ปากทางเข้าถ้ำ คือห้องแรก “พระทัยธาร” มีหินงอกหินย้อยและผลึกแคลไซต์
ที่ได้รับผลกระทบจากการสำรวจในยุคแรกๆ
ห้องนี้มี ที่มาจากการที่น้ำในถ้ำ ละลายกับหินปูนทำให้เกิดภาพน้ำไหลเหมือนเป็นธารน้ำตก
พระทัยธารซึ่งเป็นห้องแรกนี้ เป็นห้องที่ได้รับความเสียหายจากการระเบิดอุโมงค์มากที่สุด
สังเกตได้จากเศษหินที่กระจัดกระจายอยู่ภายใน มีโพรงที่จากการทำเหมืองตามสายแร่ฟลูออไรต์
หินงอก หินย้อยต่างๆได้รับความเสียหายจากการสำรวจไปมาก จึงไม่งดงามมากนัก
ความงามของห้องที่ก็คงจะมีเพียงร่องรอยลวดลายสายน้ำตกอันเป็นที่มาของชื่อ ห้องเท่านั้น
ถัดมาเป็น ห้องที่มีชื่อพระราชทานว่า “วิมานเมฆ” ตั้งตามลักษณะของแร่ที่อยู่ตามเพดาน
ซึ่งดูคล้ายปุยเมฆเป็น ห้องนี้มีลักษณะเป็นช่องยาว บางช่วงเป็นรูแคบ ๆ ซึ่งเป็นลักษณะของโพรงน้ำไหลในอดีต
ทำให้มีความลำบากในการเดินสำรวจ มีหินงอก หินย้อย และบางจุดมีผลึกแร่แคลไซต์เกาะอยู่
แต่มีความงดงามไม่มากนัดเนื่องจาก ผลึกบางส่วนได้แตกหักเสียหายและมีรอยเปื้อนจากการถูกจับต้องระหว่างการเข้าสำรวจ
ห้องที่ 3 เกิดจากจินตนาการขององค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ที่ทรงทอดพระเนตร
แล้วเหมือนอยู่ในป่าหิมพานต์ตามวรรณคดีไทย จึงมีชื่อพระราชทานว่า “เฉกหิมพานต์”
เข้าสู่ห้องที่ 4 ที่มีชื่อพระราชทานอันเพราะพริ้งว่า “ม่านผาแก้ว” ภายในห้องนี้เราจะเริ่มเห็นความ
งดงามที่เต็มไปด้วยผลึกแคลไซต์ สีดั่งแก้วใสขาวเกาะอยู่ราวกับม่านเต็มถ้ำ มีทั้งแบบที่คล้ายปะการัง
คล้ายเข็ม และเกล็ดน้ำแข็ง ผลึกทั้งสามแบบมีความเปราะบางที่สุด ได้รับผลกระทบจากอากาศภายนอก
จนลดน้อยลงไปมาก ส่วนผลึกรูปปะการังเป็นผลึกขนาดเล็กละเอียด จับตัวต่อเนื่องเป็นผืน
จนเต็มผนังอย่างสวยงาม พบตอนในสุดของห้อง
แล้วก็มีมาถึงห้องสุดท้าย อยู่ลึกลงไปถึง 30 ม. เป็นห้องที่สวยงามที่สุด มีชื่อพระราชทานว่า
“เพริศแพร้วมณีบุปผา” เต็มไปด้วยผลึกแคลไซต์บริสุทธิ์ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบ มีผลึกแคลไซต์
ที่สมบูรณ์ตั้งแต่พื้นจนจดผนัง ทั้งผลึกรูปเข็มและผลึกรูปปะการังสีขาวบริสุทธิ์ราวกับเกล็ดหิมะ
สวยตรึงตราตรึงใจ ถือเป็นการปิดท้ายการชมถ้ำ ที่งดงามมาก ๆ เลยทีเดียว
ขอบคุณที่มา : emaginfo.com , ภาพจาก : atcloud.com
เรียบเรียงโดย Travel.Mthai
Mono Mobile
แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์
Mono Technology
อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007
TAGS
บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา