ลมหนาวลอยกระซิบ กับ 10 ที่เที่ยวเดือนพฤศจิกายน
จะมาเสนอแหล่งท่องเที่ยวประจำเดือนกันอีกเช่นเคย มาดูสิว่า การต้อนรับลมหนาว กับ 10 ที่เที่ยวเดือนพฤศจิกายน จะมีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง …
1.เขาสันหนอกวัว
เขาสันหนอกวัว เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี มีระดับความสูงที่ 1,767 เมตร จาก
ระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งอยู่ทางเหนือของที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อำเภอ
สังขละบุรี ในแนวเทือกเขาเขียว ที่เป็นป่าฝั่งตะวันตกของพื้นที่อุทยานฯ มีส่วนที่ติดต่อกับพื้นที่ป่า
ในเขตทุ่งใหญ่นเรศวร จึงมีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างสมบูรณ์ คำว่าสันหนอกวัว มาจากลักษณะ
ของยอดเขาที่นูนออกมา รูปร่างคล้ายกับส่วนที่เป็นสันนูนบนหลังของวัว ที่เรียกว่าโหนก หรือหนอก
2.สวนชวนชม
สีชมพูเข้มของดอกชวนชมนับพันต้น ที่พากันชูช่อรับลมหนาวในสวนนงนุช คือความงดงามชวน
มอง สวนนงนุชจึงเหมือนดังหอศิลป์ขนาดใหญ่ ที่รวบรวมศิลปะจากชวนชมไว้มากมายให้เราได้
ชื่นชม ตั้งแต่ศิลปะแห่งการปลูก การตัดแต่งราก จนถึงการจัดวางต้นชวนชมเรียงรายเป็นทิวแถว
นับร้อยนับพันต้นในหลากหลายชนิดพันธุ์ ทั้งชวนชมไทยไซโค ชวนชมยักษ์ญี่ปุ่น
และที่ดูเหมือนมีมากที่สุดต้องยกให้ชวนชมกลุ่มอาราบีคัม
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : สวนนงนุช จ.ชลบุรี โทร. 0 3870 9358-61
3.ภูลังกา
วนอุทยานภูลังกา คือ อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงของอำเภอเชียงคำ และอำเภอ
ปง จังหวัดพะเยาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 900-1,720 เมตร มีลักษณะเป็นภูเขาสูงชันอยู่
ในเทือกเขาสันปันน้ำ วางตัวอยู่ในแนวตะวันออก-ตะวันตก คล้ายแอ่งกระทะ ช่วงเช้ามีโอกาสเห็น
ทะเลหมอกลอยอยู่ทั่วบริเวณ เป็นภาพงดงามเหนือคำบรรยาย โดยสถานที่ท่องเที่ยวบนภูลังกาที่
ไม่ควรพลาด คือ “ภูเทวดา” เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในเทือกเขาสันปันน้ำ ไทย-ลาว เป็นจุดชม
ทะเลเมฆหมอก ดวงอาทิตย์ขึ้นลงและดอกไม้ป่าอันสวยงาม
4.หินชมนภา แก่งชมดาว
หินชมนภา แห่งแก่งชมดาว หรือหาดชมดาว ตั้งอยู่ที่ อ.นาตาลจ.อุบลราชธานี เป็นแก่งหินที่ถูกกัด
เซาะโดยน้ำวน จนเกิดเป็นผาหินและแอ่งหลุมรูปทรงแปลกตาซึ่งจะมีน้ำสีเขียวใสปรากฏให้เห็นอยู่
ตลอดไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ยามเช้าและช่วงโพล้เพล้ ในฤดูน้ำโขงลด จะมีหินกลางน้ำผุดขึ้นมาให้เรา
ได้เห็น ชาวบ้านเชื่อกันว่าให้หาหินนี้ให้เจอ เพราะเป็นจุดชมท้องฟ้าที่ส่องแสงและสีสันได้สวยที่สุด
ทั้งแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ และทะเลดวงดาว
5.เทศกาลปลาทูอร่อยที่ท่าฉลอม
“เทศกาลปลาทูอร่อยที่ท่าฉลอม ครั้งที่ 7” จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 17 -22 พฤศจิกายน 2558 เวลา
09.00 – 20.00 น. ณ ริมเขื่อนวัดสุทธิวาตวราราม (วัดช่องลม) ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมือง
จังหวัดสมุทรสาคร ภายในงานพบกับเมนูเด่นมาให้ชวนลิ้มลอง ปรุงจากปลาทูสดก้นอ่าวไทยใน
ฤดูที่อร่อยที่สุด การจำหน่ายอาหารทะเลสด อาหารทะเลแปรรูป ปลาสลิดแดดเดียว
สินค้าโอท็อป ในราคาพิเศษสุด
6.เขาวงพระจันทร์
ที่เขาวงพระจันทร์ จ.ลพบุรี มีความเชื่อกันว่า … หากได้พาคนที่เรารักไปร่วมพิสูจน์รักแท้ โดยการ
พิชิตยอดเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองหนุมาน ด้วยการเดินขึ้นบันได 3,790 ขั้นไปด้วยกัน พร้อมสักการะ
รอยพระพุทธบาทและสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขาแห่งนี้ เราจะรู้เลยว่าเขาคือ “รักแท้” ผู้ที่เกิดปีนักษัตร
ปีวอก (ปีลิง) ไปกราบไหว้ขอพรเสริมพลัง เป็นสิริมงคลแห่งปีกับเจ้าพ่อพระกาฬ
(ศาลพระกาฬ อ.เมือง จ.ลพบุรี)
7.ดอยหลวงเชียงดาว
ดอยหลวงเชียงดาว หรือดอยเชียงดาว มีความสูง 2,225 เมตร เป็นยอดเขาสูงอันดับ 3 ของ
ประเทศไทย ตั้งอยู่ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ป่าและแมกไม้นานาพันธุ์แล้ว ยังมียอดเขาเล็กใหญ่
โดยรอบปกคลุมด้วยหมอกจาง ๆ ช่างเป็นทิวทัศน์ชวนฝันอย่างแท้จริง พร้อมมีนกหลากหลายชนิด
ให้ได้ชื่นชม หรือถ้าโชคดีก็อาจได้เจอกับเจ้ากวางผา เจ้ากวางน้อยในป่าใหญ่
คนรักธรรมชาติไม่ควรพลาด คุณจะได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้อย่างใกล้ชิดแน่นอน
8.ทุ่งบัวตองบาน ดอยแม่อูคอ
ดอยแม่อูคอ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทุ่งดอกบัวตองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่คุณค่าจากความ
สวยของดอกสีเหลืองอันน่ารักของมัน กลับแต่งแต้มให้ขุนเขาดูมีชีวิตชีวากว่าวันไหนๆ ในฤดูหนาว
ที่บัวตองจะเบ่งบานอวดโฉมเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนจะได้เก็บเกี่ยวความ
สุขร่วมกัน ทั้งถ่ายภาพที่ระลึก โดยเฉพาะในช่วงเช้าและบ่ายที่เหมาะจะเก็บภาพดอกบัวตองที่สุด
หรือเดินเล่นชมทุ่ง เคล้าเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ความสุขเล็กๆ ครั้งนี้ มีคุณค่ามหาศาลกว่าที่คิด
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร. 0 5361 2982-3
9.ภูชี้ฟ้า
ภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย
มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,628 เมตร มีลักษณะเป็นยอดเขาที่แหลมชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า
ยิ่งตอนที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นมาตรงระหว่างปลายยอดเขา ท่ามกลางป่าไม้ของฝั่งลาวที่เขียวสุด
สมบูรณ์ ส่วนของหน้าผาเป็นแนวยาวยื่นไปทางฝั่งประเทศลาว ในฤดูหนาวอากาศจะหนาวเย็น
10.ถ้ำภูผาเพชร
ถ้ำภูผาเพชร อ.มะนัง จ.สตูล ถ้ำที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีเนื้อที่ภายในถ้ำกว่า 50 ไร่ กว้าง
ใหญ่มโหฬาร ธรรมชาติได้รังสรรค์ความสวยงามไว้อย่างอัศจรรย์ ซึ่งเกิดจากหยดน้ำภายในถ้ำ
ทำให้เกิดหินงอกหินย้อย มีมานานมากกว่าร้อยล้านปี มีหลักฐานนักที่โบราณคดีได้ทำการสำรวจ
และได้สันนิษฐานว่า ถ้ำภูผาเพชรแห่งนี้น่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์
ประมาณ 3000 ปีมาแล้ว โดยมีอยู่โถงหนึ่งของถ้ำที่ชื่อว่า “ลานแสงมรกต” ถ้าไปในเวลาที่แสงจาก
ภายนอกทำมุมเข้ามา จะเกิดเป็นถ้ำแสงมรกตให้เห็น
ขอบคุณข้อมูลจาก http://travel.mthai.com/blog/125721.html
Mono Mobile
แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์
Mono Technology
อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007
TAGS
บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา