10 ที่เที่ยวอุทัยธานี เมืองประวัติศาสตร์ ธรรมชาติงาม ที่ไม่ควรพลาด!

1

อุทัยธานี จังหวัดตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งจังหวัดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด! มีเอกลักษณ์ วัฒนธรรม ที่สวยงาม อีกทั้งยังมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ถ้าหากได้มาเที่ยวแล้ว เราเชื่อว่า อุทันธานี จะเป็นอีกหนึ่งลิสท์เมืองท่องเที่ยวในดวงใจแน่นอน ^^

10 ที่เที่ยวอุทัยธานี เมืองประวัติศาสตร์
ธรรมชาติงาม ที่ไม่ควรพลาด!

วิหารแก้ว วัดท่าซุง

2

วัดท่าซุง หรือ วัดจันทาราม วัดขึ้นชื่อเรื่องความงามของจังหวัดอุทัยธานี และเป็นหนึ่งในวัดที่สวยที่สุดในประเทศไทย เป็นวัดเก่า แต่ก็ได้มีการบูรณะเรื่อยมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน มีรูปหล่อหลวงพ่อปาน และหลวงพ่อใหญ่ขนาด 3 เท่า อยู่มุมกำแพงด้านหน้า มณฑป และพระวิหารแก้วที่ประดิษฐาน พระพุทธชินราชจำลอง และศพของหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ไม่เน่าเปื่อย ไฮไลท์ความงามของที่นี่ต้องยกให้ “วิหารแก้ว 100 เมตร” ที่ตกแต่งด้วยโมเสกแก้วเล็กๆทั้งวิหาร ทำให้ดูแวววับจับตา

ปราสาททองคำ (กาญจนาภิเษก) 

3

ถัดมาอีกหน่อยแต่ยังอยู่ภายในบริเวณวัดท่าซุงนี้ จะพบ ปราสาททองคำ (กาญจนาภิเษก)  ก่อสร้างด้วยการก่ออิฐฉาบปูน ประดับลวดลายไทยปิดทองคำเปลวติดกระจก ใช้เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่ญาติโยมถวาย รอบนอกปราสาทใช้ทองคำเปลวปิดรอบปราสาทอีกด้วย

ถ้ำพุหวาย วนอุทยานถ้ำเขาวง

ถ้ำพุหวาย ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติพุเตย เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครนาคี ภายในถ้ำจะพบภูเขาหินปูนสูงชันสลับซับซ้อน หินงอกหินย้อย หลากหลายแบบ อาทิ หินดอกเห็ด, หินย้อย, เสาโรมัน, ดอกไม้หิน, หินรูปหัวปลาโลมา, หินเกร็ดเพชร, หินงอกดอกกุหลาบ เป็นต้น อีกทั้งยังมีค้างคาวอาศัยอยู่ถึง 9 ชนิด และ พระพุทธรูป ที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเข้ามากราบไหว้

4

ทางด้านหลังของถ้ำพุหวาย คือ ถ้ำเทพมาลี หรือ ถ้ำพญานาค เป็นถ้ำขนาดเล็กค่อนข้างลึกมีความสวยงามตามธรรมชาติของหินงอกหินย้อย หากเดินขึ้นไปยัง ยอดเขาพุหวาย สูงกว่า 700 เมตรจากระดับน้ำทะเล จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่กว้างไกลอย่างสวยงาม บนสันเขามีสภาพเป็นป่าเต็งรังที่ค่อนข้างสมบูรณ์

หุบป่าตาด

5

หุบป่าตาด ตั้งอยู่ในอำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ขึ้นชื่อว่าเป็น ดินแดนจูราสสิคเมืองไทย ชมความมหัศจรรย์ของผืนป่าดึกดำบรรพ์ บริเวณโดยรอบของหุบป่าตาดนี้เป็นระบบนิเวศค่อนข้างปิดเนื่องจากมีทางเข้าออก ทางเดียว แสงแดดจะส่องถึงเฉพาะช่วงเวลาเที่ยงวันเท่านั้น เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักผจญภัยลิสไว้ว่าต้องมาให้ได้ เป็นอีกหนึ่งที่ท่องเที่ยว Unseen ของเมืองไทยอีกด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนเราเข้าไปอยู่ในยุคจูราสิคอย่างงั้นเลย

ไฮไลท์สำคัญของหุบป่าตาด ได้แก่ “ต้นตาด” ที่เป็นพืชตระกูลปาล์มดึกดำบรรพ์ที่พบมากในบริเวณหุบเขาหินปูนนี้ และ “กิ้งกือมังกรสีชมพู” สัตว์หายากของโลกที่ในประเทศไทยสามารถพบเห็นได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ซึ่งหุบป่าตาดจะเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น.

วัดถ้ำเขาวง
วัดไม้เก่าแก่ท่ามกลางภูเขาหินปูน

6

7

8

วัดสวย แปลกตา ลำดับถัดไป ที่เราอยากให้คุณหาโอกาสไปเยี่ยมชมให้ได้ ากมองจากภาพถ่ายเชื่อว่าหลายคนคงคิดว่า เป็นรีสอร์ทสวยๆ ที่ไหนสักแห่ง แต่ความจริงแล้วที่นี่คือ “วัด” โดยวัดแห่งนี้เป็นอาคาร 4 ชั้น ออกแบบลักษณะเรือนไทย ยกใต้ถุน แบ่งสัดส่วนการใช้งานเป็น 4 ส่วน คือ ใต้ถุนเป็นลานเอนกประสงค์และร้านขายของ , ชั้นที่ 2 เป็นวิหาร , ชั้นที่ 3 เป็นกุฏิ และ ชั้นที่ 4 จะเป็นโบสถ์สร้างด้วยไม้สัก และไม้มะค่า

มีความงดงามมาก บริเวณโดยรอบก็มีการจัดภูมิทัศน์ให้สวยงาม ร่มรื่น มีฉากหลังเป็นเขาหินปูนสูงตระหง่าน บริเวณด้านหน้ามีสวนไม้ดัด และบ่อน้ำซึ่งมีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ห่างจากตัววัดไปทางด้านหลังจะมีถ้ำอยู่ประมาณ 7-8 ถ้ำ บางถ้ำเป็นที่นั่งวิปัสสนาสำหรับพระภิกษุ บางถ้ำเป็นถ้ำค้างคาว และบางถ้ำก็มีหินงอกหินย้อยให้ชมกัน ระหว่างทางเดินที่จะขึ้นไปชมถ้ำ จะผ่านน้ำตกเทียมที่ดูเข้ากับบรรยากาศ เมื่อมาเยือนวัดแห่งนี้ จะรู้สึกปลอดโปร่ง ทั้งจากใจที่สงบจากการทำบุญ และจากกายที่ได้พักผ่อนเหมือนมาตากอากาศในรีสอร์ท

วีถีชีวิตชาวเรือนแพ แห่งลำน้ำสะแกกรัง

9

10

11

เมืองอุทัยธานีเป็นเมืองที่อยู่บนที่ดอน ไม่มีแม่น้ำสายใหญ่ ในอดีตจึงต้องค้าขายกันโดยการพายเรือ ชาวเมืองต้องขนข้าวบรรทุกเกวียนมาลงที่แม่น้ำ จึงทำให้พ่อค้าพากันไปตั้งยุ้งฉางรับซื้อข้าวที่ริมแม่น้ำจนเป็นหมู่บ้านใหญ่ เรียกว่า “หมู่บ้านสะแกกรัง” เนื่องจากเป็นพื้นที่มีป่าสะแกขึ้นเต็มริมน้ำ และมีต้นสะแกใหญ่อยู่กลางหมู่บ้าน

หาเรามาเยือนที่แห่งนี้ก็จะได้ชมภาพชีวิตของชาวแพ ซึ่งได้สร้างบ้านคร่อมไว้บนแพลูกบวบไม้ไผ่ และตลอดลำน้ำยังจะได้เห็นการปลูกพืชผักลอยน้ำที่สวยงาม โดยเฉพาะเตยแพ และพุทธรักษาที่ชาวบ้านปลูกไว้อย่างมากมาย รวมไปถึงการเลี้ยงปลาในกระชังที่ทำกันทุกแพ และที่ถือว่าเป็นความโดดเด่นของแม่น้ำสายนี้ ได้แก่ ปลาแรดที่มีรสชาติดีกว่าแหล่งอื่น ๆ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรจึงมีการทำประมงน้ำจืดจำนวนมาก และในบางฤดูจะมีกุ้งแม่น้ำขนาดใหญ่ ให้กับคนท้องถิ่นได้ตกขึ้นมาเป็นอาชีพเสริมมีรายได้ดี

เที่ยวตรอกโรงยา ถนนสายวัฒนธรรม 

12

เที่ยว ถนนคนเดิน ตรอกโรงยา หรือ เซ็กเกี๋ยกั้ง ไปสัมผัสผู้คนในชุมชนที่ยังคงผูกพันกับวีถีชีวิตในอดีต เสน่ห์ของที่นี่ก็คือ บ้านเรือนไม้เก่าๆ ที่ทุกวันเสาร์ บนถนนสายเล็กๆ แห่งนี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างพากันมาเดินเที่ยว กินอาหารอร่อยๆ ขึ้นชื่อของเมืองอุทัยฯ ผู้คนในชุมชนจะเปิดบ้านชาวจีนในสมัยก่อนหลายหลัง รวมถึงมีการเล่าถึงประวัติของตรอกโรงยาในสมัยก่อน ให้นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ได้ทราบกัน นอกจากจะอิ่มความรู้กันแล้ว แถมยังได้ช๊อบของฝากเล็กๆ น้อยๆ กลับมาฝากคนที่บ้านอีกด้วยนะ

ประเพณีตักบาตรเทโว ณ ยอดเขาสะแกกรัง 

15

ประเพณีตักบาตรเทโว มีปรากฏอยู่ในพุทธตำนาน เรื่อง “เทโวโรหณสูตร” ประเพณีตักบาตรเทโว มาจากคำว่า “เทโวโรหณะ” การเสด็จลงจากสวรรค์ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ในแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงสู่มนุษย์โลก จากพุทธตำนานดังกล่าว พุทธศาสนิกชนในจังหวัดอุทัยธานีจึงได้ร่วมกันจัดงาน เป็นประเพณีสืบต่อกันมาช้านาน โดยจะมี พระภิกษุสงฆ์จากทุกอำเภอในจังหวัดอุทัยธานี จะมาชุมนุมกัน ณ ยอดเขาสะแกกรัง เพื่อลงมารับบาตรจากพุทธศาสนิกชน โดยลงมาตามบันไดจำนวน 449 ขั้น

ทานกาแฟร้านดัง “ร้านจงรัก”

16

17

18

ร้านนี้นอกจากจะขายกาแฟสด น้ำสมุนไพรต่างๆแล้ว
ยังเรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สะสมของเก่าแห่งเมืองอุทัยได้อีกด้วย

 บ้านสวนจันทิตา (Baan Suan Chanthita)

19

20

ขอบคุณรูปภาพ https://www.facebook.com/travelwithmonjuk

มีคุณป้าจันทิตาและคุณลุงไพศาลเป็นเจ้าของ คุณลุงเล่าว่าแต่ก่อนที่ตรงนี้เป็นบ่อปลา ต่อมาก็เริ่มถมที่และปลูกต้นไม้ ซึ่งต้นไม้ทุกต้นที่นี่คุณลุงไพศาลเป็นคนปลูกเองทั้งหมด ใช้เวลาเกือบ 30 ปี! เมื่อนำพื้นที่ตรงนี้มาทำเป็นโฮมสเตย์ ก็สร้างโดยการปลูกแทรกตามต้นไม้ โดยไม่ตัดต้นใดทิ้งแม้แต่ต้นเดียว ^^

บ้านสวนจันทิตา เป็นที่พักโฮมสเตย์ แบบบ้านไม้ 4 หลัง ตั้งแทรกอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ เชื่อมต่อกันทั้งหมด 4 หลัง ซึ่งบ้านแต่ละหลังจะมีความสูงไม่เท่ากัน เพราะอยากให้ดูมีมิติ และระบายอากาศได้ดี ภายในบ้านฌปร่งสบาย เน้นเจาะหน้ารอบบ้านแบบให้เราเห็นธรรมชาติได้แบบพาโนรามาด้วย อีกทั้งโดยรอบๆ บรรยากาศร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานาชนิด และที่พักราคาไม่แพงด้วย เพียงหลังละ 2,000 บาทเท่านั้น แต่ถ้าอยากมาพักผ่อนที่นี่ต้องจองล่วงหน้ากันยาวสักหน่อย ^^

ที่อยู่ : 32/9 หมู่ 5 ตำบลสะแกกรัง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี
เบอร์โทรศัพท์ : 081 144 1988
เว็บไซต์ : bansuanchantita.weebly.com , www.facebook.com/bansuanchantita

เรียบเรียงโดย Travel MThai



SOCIAL NETWORK

Mono Mobile

แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์

Mono Technology

อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007

TAGS

บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา