ลมเย็นพัดเอาหมอกฝนปกคลุมทั่วดอยตุงทำให้ ดอกไม้สีใสเลือนไปบ้าง ทว่ากลับทำให้ความรู้สึกของการเที่ยวดอยตุงเปลี่ยนไป หลายคนๆ คงคุ้นชินกับภาพดอยตุงในฤดูหนาว อุณหภูมิต่ำไม่เกินหลักสิบองศาเซียเซียล นักท่องเที่ยวเยอะ ต่อคิวถ่ายรูปกับดอกไม้....ถ้าเบื่อภาพพวกนั้นดอยตุงหน้าฝนหรือในช่วงปลายฝนต้นหนาวคือภาพฉายใหม่ของดอยตุงที่น่าค้นหา
ดอยตุงตั้งอยู่บนสันเขาเทือกเขาดอยนางนอน ระดับความสูงประมาณ 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล จากเดิมเป็นป่าเสื่อมโทรม สมเด็จพระเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่าทอพระเนตรพื้นที่ดอยตุงเมื่อต้นปี 2530
และทรงพระราชดำริจะสร้าง "บ้านที่ดอยตุง" พร้อมกันนี้ยังมีพระราชกระแสรับสั่งว่าจะ "ปลูกป่าบนดอยตุง" เป็นจุดกำเนิดของโครงการพัฒนาดอยตุง
บนดอยตุงนอกจากนักท่องเที่ยวจะ ได้ชมพระตำหนักดอยตุง (เปิดเวลา 07.00-17.30 น.) ซึ่งสมเด็จย่าทรงสร้างขึ้นโดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เน้นความเรียบง่าย และประโยชน์ใช้สอย เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างสถานปัตยกรรมล้านนนาและบ้านพื้นเมืองของสวิส เซอร์แลนด์แล้ว
ที่สะดุดตาคือกาแล 12 คู่ แกะสลักเป็รูป 12 นักษัตร ไม่ไกลกันมีสวนฟ้าแม่ฟ้าหลวง (เปิดเวลา 06.30-18.00 น.) ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 29 ไร่ โดดเด่นด้วยประติมากรรมชื่อว่า "ความต่อเนื่อง" เป็นรูปเด็กยืนต่อตัวที่กลางสวน มีที่มาจากพระราชดำรัสของสมเด็จย่าเรื่องการทำงานให้สำเร็จต้องทำต่อเนื่อง จึงจะประสบความสำเร็จ
ใครมาเที่ยวดอยตุงหน้าฝนก็อย่าได้กลัวฝน เพราะฝนนั้นจะทำให้คุณรู้สึกชุ่มชื่นและสดใสด้วยไม้ดอกนานาพันธุ์ของสวนห่ม นาง ในช่วงหน้าฝนจนถึงปลายฝนต้นหนาวมีดอกไม้ให้ชม อย่างบาซูก้า ลิ้มมังกร รองเท้านารีเหลืองเลย พวงคราม และสัปปะรดสี
คราใดที่ผนโปรยเม็ดหนักก็กางร่มอวดสีสันแข่งขันกับดอกไม้ หรือหลบเข้าไปชมเรือนกล้วยไม้อันเต็มไปด้วยรองเท้านารีนานาพันธุ์ให้ชมกัน แล้วแวะมาที่สวนหินน้ำพุ ประดับด้วยหินภูเขากลมเกลี้ยงขนาดใหญ่ สวนน้ำอุดมด้วยไม้น้ำ เช่นดอกบัวพันธุ์ต่างๆ และสวนปาล์มที่รวบรวมสายพันธุ์ต่างๆ ไว้มากมาย
