อยุธยาเมืองเก่าของเราแต่ก่อน จิตใจอาวรณ์มาเล่าสู่กันฟัง’ ใครที่บอกว่าไม่เห็นจะรู้จักหรือเคยได้ยิน ขอบอกเลยว่าเชยมั่กมาก ตั้งแต่จำความได้เนี่ยก็มักจะได้ยินประโยคนี้บ่อยๆ เพราะ เด็กๆจะชอบนำมาร้องกันและแปลงเป็นจังหวัดตัวเองอย่างเราเป็นคนแม่กลองก็จะกลายเป็น ‘แม่กลองเมืองเก่าของเราแต่ก่อน….’ ฮันแน่!! ตอนนี้คงเดาอายุกันอยู่ล่ะสิ เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะยกก๊วนพาแก็งค์ตะลอนเที่ยวที่อยุธยาเมืองหลวง ของอาณาจักรสยามของเรากันค่ะ
จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ ก็คือ ‘วัดใหญ่ชัยมงคล’ ต้องแปลกใจกันแน่ๆว่าทำไมวันนี้ถึงพาเข้าวัด ก็เพราะว่าเราวันนี้เราจะพาทุกท่านไปผ่อนคลายจิตใจให้สงบสุข ปลดปล่อยตัวเองจากเรื่องเครียดๆที่สะสมกันมาตลอดทั้งอาทิตย์ยังไงล่ะคะ หากท่านใดยังไม่ลืมเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ผ่านมาแล้วล่ะก็ จะต้องไม่ลืมจังหวัดที่ได้ผลกระทบหนักสุดอย่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแน่นอนค่ะ และวัดใหญ่ชัยมงคลเองก็เป็นหนึ่งในวัดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้เช่นกันค่ะ ทำให้ทางวัดจำต้องมีการบูรณะให้วัดมีความสวยงามดังเดิม
ตามเสต็ปของเราเลยค่ะ มาทำความรู้จักกับวัดมีชื่อแห่งนี้กันดีกว่า จะขอเรียกวัดใหญ่ชัยมงคลว่าวัดใหญ่ฯแล้วกันนะคะ แต่เดิมนั้นมีชื่อว่า ‘วัดป่าแก้ว’ หรือ ‘วัดเจ้าไท’ จุดเด่นของวัดใหญ่ฯนั้นจะอยู่ที่เจดีย์องค์ใหญ่ที่เชื่อว่า ได้รับการปฏิสังขรณ์ในสมัยของสมเด็จพระนเรศวนมหาราช และภายในเจดีย์นั้นได้มีการค้นพบเจอชัยมงคลคาถาบรรจุอยู่ ตัวของเจดีย์ใหญ่นี้จะมีบันไดอยู่ทางด้านหน้าของพระเจดีย์สำหรับท่านใดที่ต้องการเดินขึ้นไปชมหลุมที่ขุดค้นเจอชัยมงคลคาถาก็สามารถเดินกันขึ้นไปได้ค่ะ แต่ขอเตือนสำหรับท่านใดที่เป็นโรคกลัวความสูงนะคะว่าไม่ควรเสี่ยงค่ะ
หลักฐานของการสร้างวัดนั้นไม่มีปรากฏแน่ชัด แต่นักโบราณคดีก็ได้ทำการสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในพ.ศ.2043 ท่านใดที่เคยดูภาพยนตร์เรื่องพระศรีสุริโยทัย อาจจะคุ้นกับฉากที่พระเฑียรราชาทำการเสี่ยงเทียน ในคราวก่อนที่พระเฑียรราชาจะทรงปราบดาภิเษก ยึดอำนาจจากขุนวรวงศาธิราช วัดใหญ่ฯแห่งนี้เองค่ะ คือ สถานที่ที่พระเฑียรราชาทำการเสี่ยงเทียนจริงตามตำนาน พอมาในสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช วัดแห่งนี้ก็กลายเป็นที่พำนักของสมเด็จพระวันรัตน์ พระเถระที่สมเด็จพระนเรศวรฯทรงให้ความเคารพ แต่สำหรับที่มาของพระเจดีย์องค์ใหญ่นั้น เกิดจากสมเด็จพระวันรัตน์ได้ทูลขอพระราชทานชีวิตของแม่ทัพนายกองที่กระทำการละเลยหน้าที่ ปล่อยให้สมเด็จพระนเรศวรทรงกระทำยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชของหงสาวดีตามลำพัง โดยการยกเอาพุทธประวัติตอนที่พระพุทธเจ้าบำเพ็ญเพียรอยู่ใต้ต้นโพธิ์ต้องผจญมารเพียงลำพัง ก่อนที่จะตรัสรู้ สมเด็จพระวันรัตน์จึงทูลแนะนำว่าให้ทรงสร้างเจดีย์ใหญ่ขึ้นแทนการสั่งประหารชีวิต และให้ชื่อว่า ‘พระเจดีย์ชัยมงคล’ เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีความสูง 1 เส้น 1 วา
แต่เมื่อคราวเสียกรุงครั้งที่ 2 ในตอนที่หงสาวดียกพลมาประชิดพระนครศรีอยุธยา และยึดเอาวัดแห่งนี้เป็นฐานปฏิบัติการไปได้ จนกระทั่งกรุงศรีอยุธยาแตกในปี พ.ศ.2310 ก็เป็นเหตุให้วัดใหญ่ฯแห่งนี้ต้องร้างลง และร้างเป็นเวลาถึง 400 กว่าปี จึงได้มีพระภิกษุ สามเณร รวมทั้งแม่ชีกลุ่มหนึ่ง โดยการนำของพระฉลวย สุธมโม ที่เข้ามาดูแลอารามอันเก่าแก่แห่งนี้เพื่อที่จะทำให้เป็นที่ปฏิบัติธรรมได้ แต่เมื่อท่านจำต้องออกจาริกท่านจึงไปนิมนต์พระครูภาวนาพิริยคุณ เจ้าอาวาสวัดยมให้มาดูแลวัดใหญ่ฯแห่งนี้ต่อจากท่าน และในปีพ.ศ.2500นี้เอง ที่วัดใหญ่ฯได้เปลี่ยนถ้าฐานะจากวัดร้างเป็นวัดราษฎร์
มาต่อกันที่บริเวณโดยรอบของเจดีย์ใหญ่กันค่ะ โดยรอบนั้นจะมีกำแพงแก้วล้อมรอบอยู่ แต่อย่าเข้าใจผิดนะคะว่ากำแพงนี้ทำมาจากแก้วจริงๆ เป็นแค่ชื่อเรียกเท่านั้นค่ะ เพราะ กำแพงนี้ทำมาจากการก่ออิฐและมีการนำพระพุทธรูปปางสมาธิมาประดิษฐานรอบกำแพงแก้วด้านใน และอีกหนึ่งจุดเด่นของวัดแห่งนี้ก็คือ วิหารพระไสยาส แม้ว่าในปัจจุบันตัววิหารจะเหลือเพียงผนังที่ทำจากการก่ออิฐถือปูน เนื่องจากในส่วนของหลังคานั้นก่อสร้างจากไม้จึงทำให้ผุพังไปตามกาลเวลา ท่านใดที่ได้มาเยือนวัดใหญ่ชัยมงคลอย่าลืมมาสักการะพระนอนขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันนะคะ เพราะ ถ้าไม่สักการะแล้วล่ะก็เสมือนว่ามาไม่ถึงวัดใหญ่ชัยมงคลยังไงล่ะคะ การได้เข้ามายืน ณ วัดใหญ่ชัยมงคลแห่งนี้ ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเราผูกพันกับวัดแห่งนี้จริงๆ คงเพราะเรารับรู้ถึงการเสียสละ และความกล้าหาญของคนในอดีตที่ต่อสู้เพื่อให้ได้มายังเอกราชของชาติไทย ภูมิใจในชาติกำเนิดของตน
เป็นวัดที่มีประวัติมาอย่างยาวนานจริงๆค่ะ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ว่าจะไปเยือนสักกี่ครั้งก็จะไม่มีวันเบื่อ เพราะ ความสวยงามของสถานที่แต่ละที่นั้น มักจะมีรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงไปเสมอตามแต่ละช่วงเวลาค่ะ
ที่มา www.ท่องเที่ยวไทย.com
