เมื่อ Wanna be Thai traveler มาเที่ยวคนเดียวที่ “Bibury” หมู่บ้านที่สวยที่สุดในอังกฤษ ในวันที่สัญญาณมือถือเข้าไม่ถึง เคยไปเที่ยวคนเดียวไหม? ไม่สิ… ต้องถามว่า ทำไมถึงคิดจะไปเที่ยวคนเดียว เท่? ติส? เบื่อ? ไม่มีคนคบ? หรือ หนีใครมา? สำหรับเราแล้ว ครั้งนี้ ‘เราจำเป็น’ ต้องไปคนเดียว เพราะเราอยากเห็นที่นี่จากปากคำบอกเล่าของใครบางคนจนเราหลงใหลที่นี่ตั้งแต่ยังไม่รู้เลยว่ามันอยู่ส่วนไหน และถ้าเราไม่มาคนเดียว เราจะไม่ได้มีโอกาสมาที่นี่แน่ๆ
“Bibury” หมู่บ้านที่สวยที่สุดในอังกฤษ
Bibury ลือกันว่าเป็นหมู่บ้านที่สวยงามที่สุดของประเทศอังกฤษ ที่นี่งดงามจนต้องมนต์ แต่ที่เราต้องมนต์ไม่ใช่แค่ความสวยงามของหมู่บ้านนี้ แต่มันคือสเน่ห์ของการมาที่นี่คนเดียว ทั้งที่การเดินทางมาที่นี่ใช้เงินมากโข ต้องต่อรถจากที่เราอยู่หลายต่อมาก นั่งรถไฟ ต่อรถบัส หลายเที่ยว ใช้เวลาค่อนวัน
อีกทั้งที่พักที่นี่ก็ราคาแพงใช้ได้เลยทีเดียว แต่เพราะเหตุผลหลักที่มาอังกฤษคือที่นี่ เรายอมนอนโรงแรมเล็กๆ ในวันอื่นและใช้จ่ายอย่างประหยัดเพื่อให้ได้มาที่นี่ซักคืน ใครๆ คงเคยเป็นแบบนี้กันบ้างแหละ ถ้าคุณรักมันเข้าจริงๆ
การเดินทางมา Bibury จากลอนดอนนั้นเราจะตั้งไปขึ้นรถไฟฟ้ามาที่สถานี Paddington เพื่อมาขึ้น GWR (Great Western Railway) มุ่งไปลงที่ Moreton-in-Marsh และต้องเดินไปต่อรถบัสไปลง Market Place เพื่อจะต่อรถบัสอีกคันไปลงที่ Bibury ซึ่งรถบัสที่เข้าไปวันนึงมีไม่กี่เที่ยว ถ้าตกรถจะต้องรออีกสองชั่วโมงเพื่อได้คันต่อไป
ตอนเราไปเราออกจาก Cambridge ซึ่งเรียกได้ว่าไกลโขมาก ต้องต่อรถไฟมารถใต้ดินเพื่อมาสถานี Paddington แต่เราวางแผนอย่างดีแล้วว่าลงที่นี่เหลือเวลาไปหารถบัส ไม่ยากๆ ต่อๆไปอีก ถึงพอดี เพราะที่นี่ GoogleMap เจ๋งมาก บอกตารางเวลาที่ชัดเจนสุดๆ รถมาเมื่อไหร่ถึงเมื่อไหร่ เรียกว่าหายห่วงได้เลย
แต่ระหว่างนั่งรถ GWR มาลง Moreton-in-Marsh รถไฟเกิดดีเลย์!!! เห้ย ชิบหายละ ลุ้นมาก เพราะพอถึงสถานีจะต้องไปต่อรถบัส มีเวลาไม่ถึง 5 นาที ซึ่งใน Google เขียนว่า ขึ้นรถที่ Coin Exchange เราออกไปหา ไม่มีป้ายบอกเลย และที่สำคัญ อินเตอร์เน็ตที่นี่ห่วยมาก โหลดอะไรไม่ขึ้นเลย เราถามทางคนแรก เขาบอกเราให้ไปทางขวา เรารีบไปพอซักพักถามอีกคน เค้าบอกให้ไปทางซ้าย เอ่า เห้ย!!!! เอาไงเนี่ย เวลาก็ไม่มี ตกรถแน่ๆ
ตกรถแล้วครับ หาป้ายไม่เจอ วิ่งแทบตาย สุดท้ายขอยอมแพ้ แต่ไม่เป็นไร ยังมีอีกคัน(ต้องรออีกสองชั่วโมง) เราต้องหาให้เจอก่อนว่าไปขึ้นรถตรงไหน แต่ก็นะ มือถือดันไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต เอาวะลองไปถามป้าคนนั้นละกัน
ป้าคนนี้ นั่งรถเข็นไฟฟ้า คล้ายๆรถป็อป พอเราถาม แกก็บอก แกไม่รู้หรอก แต่แกรู้ว่าใครรู้ ให้ตามป้ามา แล้วป้าก็มาส่งเราที่ tourist information เราขอบใจป้ามากๆ ที่อุตสาห์มาส่งเราถึงที่
ป้าแกบอกว่า ‘No need to say thanks just come here closer’ เราก็งงๆ เข้าไปใกล้ๆ ป้าก็เลยกอดเราและหอมแก้มเราทีนึง บอกเราว่า ‘ขอให้เดินทางปลอดภัยนะพ่อหนุ่ม’ โห่ย เราเขิลล์มากเลย ป้าน่ารักมาก ถึงต้องรอรถอีกสองชั่วโมง ก็นับว่าคุ้มมากที่ได้ประสบการณ์ที่น่ารักแบบนี้กลับบ้าน ^^
คราวนี้พอรถคันถัดมาเราไม่พลาดแล้ว ได้ขึ้นรถบัสละ เราต้องนั่งรถบัสคันแรกเพื่อไปต่อคันที่สอง ซึ่งระหว่างต่อจะมีเวลาซัก 5 นาที ให้ลงจากรถบัสไปต่ออีกรถบัสนึง นั่งรถบัสก็สังเกตว่าส่วนมากคนขึ้นรถบัสจะเป็นคนแก่ๆ พร้อมกับหมา (หมาที่นี่ขึ้นรถบัสได้ด้วย)
นั่งมาเรื่อยๆ อินเตอร์เน็ตไม่มี เลยดูวิวสองข้างทาง โห่ย มันสวยมาก อยากแวะทุกป้ายเลย แต่แวะไม่ได้เพราะรถบัสอีกคันเป็นเที่ยวสุดท้าย ถ้าพลาดก็หมดกันรถไป Bibury
และเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีก (นี่เราจะซวยไปถึงไหน) ด้วยคนขับบัสคันนี้เป็นผู้หญิงที่น่าจะมาแทนใครสักคน ขับรถไม่ค่อยถนัดทำให้แกขับรถไปโดนร่มร้านค้าทิ่มเข้ามาในหน้าต่างระบายอากาศของรถบัส เราเลยลุกไปเอาออกให้ ฝรั่งชื่นชมเราใหญ่ยกมือให้เลย เยี่ยมมาก!
แต่ว่าเจ้าของร้านเลยออกมาทะเลาะกับคนขับรถ นานเลยทีนี่ แล้วจะทันรถไหมเนี่ย เราหันไปคุยกับคนข้างๆ เค้าเลยบอกเราว่า ปกติคนขับคนนี้ไม่ได้ขับรถนี้ เธอมาแทนและยังไม่ค่อยเก่ง อ้าว ครับ จะตกรถไหมเนี่ยยยยย
สุดท้ายเรามาถึงสายไป สิบห้านาที แต่ยังดีที่รถคันต่อไปเขารู้ว่าคันนี้มาช้าเลยจอดรออยู่ เห้ออ รอด เกือบไป
และในที่สุดเราก็มาถึง หมู่บ้านที่สวยที่สุดในอังกฤษ Bibury เรามาพักโรงแรม Swan Hotel ซึ่งใครมานี่ก็ต้องพักโรงแรมนี้แหละ มันมีแค่นี้ (รู้สึกจะมีอีกที่ต้องเดินไปหน่อยนึงนะ) ขึ้นไปดูห้อง โห่ยยยยย ห้องใหญ่มากกกก (สำหรับคนเดียว และตอนอยู่ที่ Cambridge เรานอนห้องใต้บันไดเล็กๆมากเอง) สบายละคืนนี้ ชอบตรงที่ตากผ้าเช็ดตัวแบบอุ่น ตอนอาบน้ำเสร็จมาเช็ดตัวนี้ฟินสุด
เสร็จแล้วก็ลงไปถ่ายรูป โอ้ว สวยมากที่นี่ บรรยากาศก่อนค่ำเงียบสงบมาก มีทางเดินเล็กๆ เดินเข้าไปดูหมู่บ้านเก่า เจอนก เจอเป็ด เจอหงส์ เจอต้นไม้ใหญ่ โอ้ววว เหมือนนั่งเครื่องย้อนเวลามาอยู่ที่นี่ และที่สำคัญ ที่นี่ไม่มีสัญญาณมือถือ (อาจจะเป็นเฉพาะเครือข่ายเราก็ได้นะ)
เพราะไม่รู้จะเล่นมือถือไปทำไม เราเลยอยู่กับธรรมชาติมากขึ้น ดื่มด่ำมันมากขึ้น ใช้ชีวิตช้าลงแต่เวลากลับเหลือเยอะขึ้น ผิดกับตอนที่อยู่ในเมืองเราใช้ชีวิตรวดเร็ว แต่เร็วมากเท่าไหร่เวลากลับไม่เคยพอซะที อาจเพราะโลกทำให้สิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับชีวิตเรากลับกลายเป็นมันค่อยๆ สำคัญกับชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ
เรามีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น แต่แปลกที่เรากลับไม่มีเวลาให้พักอย่างสบายๆได้เต็มที่ ผิดกลับที่นี่ เครื่องมืออำนวยความสะดวกที่เราเอามา มันแทบใช้ไม่ได้ และไม่จำเป็นเลย แต่เรากลับได้มิตรภาพที่ดี ได้เห็นธรรมชาติที่น่าหลงไหล สองข้างทางที่น่าจดจำกว่าจอมือถือที่มีทั้งโลกอยู่ในนั้น
เรามาที่นี่คนเดียวแต่ได้รู้จักกับสิ่งต่างๆรอบตัวที่ไม่เคยสังเกตมากขึ้น และที่สำคัญเราติดต่อคนไกลยากขึ้น แต่มันก็ทำให้ความคิดถึงที่มีต่อกันมากขึ้นเช่นกัน และความคิดถึงนี้เองที่ทำให้ความสุขที่เราได้เจอกันเพิ่มมากขึ้น
เรามาที่นี่ใช้เวลาเดินทางร่วม 14 ชั่วโมง เพื่อมาพักที่นี่แค่หนึ่งคืน แต่มันคุ้มค่าและน่าจดจำ เหลือเพียงอย่างเดียวที่น่าเสียดาย….. ‘ที่นี่สวยนะ อยากให้เธอมาอยู่ด้วยกันตรงนี้จัง’
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก เพจเฟสบุ๊ค Wanna be Thai traveler
ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/wannabethaitraveler/และ instagram wannabethaitraveler
Mono Mobile
แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์
Mono Technology
อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007
TAGS
บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา