ไม่มีเขาเราก็อยู่ได้!! 10 ร้านของคนโดนเท เปย์ตัวเองในวันวาเลนไทน์

วันวาเลนไทน์ปล่อยให้คนมีคู่สวีทกันไป สำหรับคนไม่มีคู่มาแอบหลบมุมอยู่ตามคาเฟ่ชิคๆ กันดีกว่า สำหรับคนโสดไม่ต้องเหงา ไม่ต้องเศร้า เราสามารถทำให้คนอิจฉาได้โดยการไปสถานที่ที่เก๋ๆ คูลๆ สวยแถมยังโสดแบบเรา ไม่มีเขาเราก็อยู่ได้ กับ 10 คาเฟ่สำหรับคนโดนเท เอาไว้เปย์ตัวเองในวันวาเลนไทน์

ไม่มีเขาเราก็อยู่ได้!! 10 ร้านของคนโดนเท เปย์ตัวเองในวันวาเลนไทน์

1.FLAT WHITE 

“FLAT WHITE” พระราม 6 ซ. 30 กับร้านกาแฟในคอนเซ็ปต์ pinkgold-wood-white ที่ตกแต่งเป็นเอกลักษณ์คล้ายตู้คอนเทนเนอร์แบบเท่ๆ ป้ายหน้าร้านประดับประดาเป็นหลอดนีออนสีแดงแบบชิคๆ เหมาะทั้งเข้ามานั่งทำงานและหาไอเดียใหม่ๆ ตลอดทั้งวัน มีเมนูเด่น Signature ของร้านอย่าง “ข้าวหมูสไปซี่มิโซะ” ที่มีรสจัดจ้านและกลมกล่อมตามมาด้วย Honey Toast ผลไม้แน่นเต็มจาน

  1. After The Rain 

ร้านกาแฟเทนด์ใหม่น่านั่งชิลล์ ในปี 2560 กับร้าน “After The Rain” ย่านพุทธมณฑล สาย 7 แหล่งชิลล์เอ้าท์ของนักศึกษามหิดล ศาลายา กับร้านกาแฟกระจกสบายตาริมคลองร่มรื่น ที่นอกจากจะมีเมนูเครื่องดื่มและขนมหวานน่ากินหลายอย่าง หลายคนยังแวะเข้ามาพายเรือเล่นกลายเป็นเทนด์ใหม่ของวัยรุ่นเพื่อสัมพัสชีวิตชาวสวนอย่างแท้จริง

  1. La Lune Ice cream 

บริเวณย่านการค้า Box Square มีร้านไอศกรีมโฮมเมด ที่ตกแต่งร้านด้วยบรรยากาศสไตล์คาเฟ่ญี่ปุ่นแสนน่ารักมาเปิดให้บริการ ด้วยความที่ชื่นชอบการรับประทานไอศกรีมในร้านที่มีบรรยากาศดีๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เราจึงไม่พลาดที่จะไปทดลองชิม และเมื่อได้สัมผัสกับบรรยากาศของร้านและรสชาติของไอศกรีมแล้ว ก็ทำให้ตกลงใจในทันทีว่าจะต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง!

  1. Hobbyist Café

Hobbyist Cafe คาเฟ่ขนาดกะทัดรัดแสนอบอุ่น นอกจากกาแฟและเครื่องดื่มจะขึ้นชื่อว่าเด็ดแล้ว พื้นที่แห่งนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้มาเยือนทุกครั้งแน่นอน ด้วยข้อจำกัดของโครงสร้างอาคารและขนาดของพื้นที่ ทำให้การบริหารและจัดการพื้นที่ของคาเฟ่เป็นโจทย์หลักที่สำคัญที่สุดในการออกแบบและตกแต่ง ซึ่งถือเป็นความท้าทายแรกในการสร้างคาแฟ่แห่งนี้ ภายในร้านมีโต๊ะสำหรับลูกค้าที่มากันเป็นกลุ่ม มีเคาน์เตอร์บาร์สำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว และจุดเด่นของที่นี่ต้องยกให้ชั้นลอยเลยล่ะ ส่วนการตกแต่งภาย เน้นกลิ่นอายความเป็นตะวันตกสไตล์สแกนดิเนเวียน ที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และของสะสมสุดคลาสสิกอย่างกล้องถ่ายรูป

  1. Sugar House Café

Sugar House Café คาเฟ่สไตล์คันทรีเก๋ๆ ที่มีกลิ่นอายความเป็น IRISH VINTAGE เพียงแค่คอนเซ็ปต์ก็สามารถดึงดูดเหล่านักกินได้อย่างสบายๆ คาเฟ่แห่งนี้ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ เคาท์เตอร์บาร์ ทั้งหมดนี้ออกแบบโดยเจ้าของร้านทั้งหมด บรรยากาศภายในร้านมีความเป็นคันทรี อาจจะดูเก่านิดหน่อยแต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นชวนโรแมนติกได้ดีทีเดียว เหมาะกับการสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน หรือพาคนรู้ใจมาเติมความหวาน หรือจะนั่งชิลๆ ชิมอาหารทั้งคาวและหวาน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็จะได้รับความฟินกลับไปเหมือนกันหมด

  1. Air Space

Air Space เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่น่านั่ง ที่ดึงดูดสายตาผู้ผ่านไปมาไว้ด้วยกำแพงต้นไม้สีเขียว และรูปทรงแปลกตาของตัวร้าน มีลักษณะเหมือนโรงเก็บเครื่องบินหลังใหญ่ที่มีความแข็งแรง แต่ขณะเดียวกันก็ดูโล่งสบายจนอยากจะทิ้งตัวเอนกายไว้ที่คาเฟ่แห่งนี้ทั้งวัน นอกจากสถาปัตยกรรมอันน่าตื่นตาแล้ว คอนเซ็ปต์หรือที่มาที่ไปของร้านยังน่าสนใจไม้แพ้กัน เพราะ“อากาศ” นอกจากจะเป็นสิ่งที่เราทุกคนใช้สำหรับหายใจแล้ว ยังเป็นหนึ่งในภาพจำผืนกว้างบนท้องนภาขนาดใหญ่ ที่มีไว้รองรับการเคลื่อนไหวของเครื่องบิน ทำให้เจ้าของร้านเลือกนำคำว่า “อากาศ” มาตีความให้สอดคล้องกับประวัติศาสตร์ของเมืองหัวหิน ถ่ายทอดเรื่องราวของพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากรกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน

  1. Dandelion

อีกหนึ่งคาเฟ่น่านั่งที่เต็มไปด้วยบรรยากาศสบาย ๆ เกิดขึ้นจากความ รักในการทำอาหารและงานดีไซน์ของคุณซูมและคุณไบร์ท ซึ่งก่อนหน้านี้เคย ปิกนิกสุดชิลล์กับคาเฟ่ดีไซน์เก๋ เปิดคาเฟ่น่ารัก ๆ อย่าง Rose Cafe มาก่อน ต่อมามีความคิดอยากขยาย กิจการจึงเริ่มหันไปหาทำเลใหม่โดยมาลงตัวที่ย่านสุขุมวิทแห่งนี้พร้อมตั้งชื่อคาเฟ่แห่งใหม่ว่า Dandelion ที่มาพร้อมกับการตกแต่งดูดีมีสไตล์ให้เลือกชิลล์ด้วยกันถึง 2 ชั้น โดยชั้นล่างตกแต่งเป็นสไตล์ลอฟท์ มีโต๊ะ Bake ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการทำขนมพร้อมกับการรับประทานขนมอร่อย ๆ

  1. THE COURTYARD

The Courtyard เป็นร้านอาหารที่ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลอายุ 127 ปี บนถนนสาทรใจกลางกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนสีเขียวร่มรื่น และมีบ้านสีเหลืองสไตล์โคโลเนียลมาช่วยเพิ่มบรรยากาศในการเพิ่มรสชาติความอร่อยให้มีชีวิตชีวา และมีไม้พุ่มเตี้ยกับไม้ใบเป็นส่วนใหญ่จัดไว้อยู่ตามมุมต่างๆ เพื่อเพิ่มมุมมองให้พื้นที่ดูสดใสมากยิ่งขึ้น พร้อมเฟอร์นิเจอร์โต๊ะเก้าอี้สีเหลืองและสีดำที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ

  1. Mint Café by Pappermint

Mint Café by Pappermint เพราะถือเป็นคาเฟ่สำหรับสายชิลล์อย่างแท้จริง นอกจากความชิลล์ที่เป็นจุดเด่นแล้ว ที่ร้านยังเสริมความอบอุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์โต๊ะไม้ มีโซนเอาท์ดอร์ในสวนแสนร่มรื่น ด้านหน้ามีลานใหญ่โตไว้เป็นพื้นที่สำหรับนักปั่น แถมตอนนี้ก็กำลังเพิ่มโซน Glass House สำหรับคนรักน้องหมาอีกด้วย สำหรับอาหารก็เน้นอาหารฟิวชันไทยยุโรปสูตรเฉพาะ ขอเริ่มความอร่อยกันที่ บรูสเกต้ามะเขือเทศ เนื้อปลาแซลมอนโรยด้วยเกลือผสมน้ำตาล กินคู่กับขนมปังกรอบๆ ให้รสชาติเข้ากันสุดๆ เมนูต่อมาก็เด็ดไม่แพ้กัน Soft Shell Crab Salad สลัดผักออร์แกนิคสดๆ เสิร์ฟพร้อมปูนิ่มทอดกรอบที่ใช้แป้งคลุกเคล้ากับผงปาปริก้า เพิ่มรสด้วยซัลซามะเขือเทศผสมซอสแบบซีฟู้ดให้รสเผ็ดนิดเปรี้ยวหน่อย ถือว่าถูกปากคนไทยไปตามๆ กัน

  1. EVERY DAY A FRIDAY : GASTROPUB

ร้าน EVERY DAY A FRIDAY : GASTROPUB แบ่งเป็น 3 ส่วน ซึ่งมีลักษณะคล้ายรูปแบบบ้าน ส่วนแรกคือส่วนหน้าบ้าน ที่จะมีนักดนตรีมาบรรเลงเพลงให้ฟังบ้างเป็นบางวัน ส่วนที่สองคือส่วนกลางร้าน จะมีพื้นที่กว้างที่สุดเป็นห้องนั่งเล่น ที่ใช้รับประทานอาหารพร้อมกับสั่งเมนูค็อกเทล และส่วนสุดท้ายคือสวนหลังบ้านแบล็กยาร์ด ในบรรยากาศสบายๆ เหมาะสำหรับการสังสรรค์



SOCIAL NETWORK

Mono Mobile

แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์

Mono Technology

อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007

TAGS

บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา