แอ่วเนิบๆ ที่เมืองน่าน
นั่งรถรางทัวร์ บ้านม่วงตึ๊ด
หลังจากที่เราพาไปผจญภัย ขึ้นเขา จิบกาแฟ แลตะวัน บนยอดดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ กับทางททท. ไปแล้วนั้น รอบนี้เราจะออกเดินทางไปยังชุมชน บ้านม่วงตึ๊ด ในอำเภอภูเพียง เพื่อทำกิจกรรมสนุก ๆ กันต่อค่ะ
กำลังทำหน้างง ขมวดคิ้วสงสัยอยู่ล่ะสิว่า ชุมชนบ้านม่วงตึ๊ด มันอยู่แห่งหนตำบลใด แต่ถ้าบอกว่าเป็นที่ตั้งของ วัดพระธาตุแช่แห่ง ล่ะก็ เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักดี ซึ่งจุดสตาร์ทแรกของเราอยู่ที่ วัดศรีบุญเรือง โดยมี ลุงด้าย กันแก้ว มัคคุเทศก์อาวุโส จากชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนบ้านม่วงตึ๊ด เป็นผู้บรรยายและนำเที่ยววันนี้ค่ะ
ลุงด้าย กันแก้ว
วัดศรีบุญเรือง สักการะหุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าคนจริงของพระครูพุทธมนต์โชติ อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง และกราบไหว้พระพุทธรูปโบราณหาชมยาก ก่อนเดินลอดใต้เจดีย์สถาน ซึ่งข้างในมีประติมากรรมสัตว์หิมพานต์ อย่างปลาอานนท์ และพญานาค สร้างไว้อย่างสวยงาม
นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ เก็บสะสมของเก่าในอดีต รวมไปถึงตำราศึกษาพระธรรมที่เก็บในตู้ไม้อย่างดี
จุดประสงค์ที่แท้จริงของเราคือกิจกรรมฟั่นเทียนจากขี้ผึ้ง มี 2 เล่ม เล่มนึงสะเดาะเคราะห์ อีกเล่มให้โชค เพื่อไว้ใช้จุดบูชาพระธาตุแช่แห้ง ที่เราจะไปกันเป็นสถานีสุดท้าย หรืออยากเรียน ตั๋วเมืองล้านนา (อักษรล้านนา), ทาสีหัวเรือแข่งเมืองน่าน แบบจำลอง (เรือแข่งเมืองน่าน เป็นไม้แกะสลักรูปหัวพญานาค) ก็มีป้ออุ๊ยแม่อุ๊ยคอยสอนเน้อเจ้า
ขอบคุณภาพประกอบจาก : lannatouring
เก็บเทียนสองเล่มนี้ไว้ก่อน เพราะเราต้องนั่งรถรางไปเที่ยวต่อที่ บ้านโคมคำ ศูนย์เรียนรู้การประดิษฐ์โคมมะเต้า ศิลปหัตถกรรมคู่เมืองน่าน นักท่องเที่ยวจะได้ทำเองทุกขั้นตอน โดยมีป้ออุ๊ยแม่อุ๊ยคอยชี้แนะไม่ห่าง ตั้งแต่การเหลาไม้ไผ่ ขึ้นรูป ตัดแปะกระดาษสา และตกแต่งด้วยกระดาษสีทองอีกนิดหน่อย เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ แต่จะออกมาสวยไหม ก็ขึ้นอยู่กับความประณีตในการทำของแต่ละคนนะ 55 ซึ่งเราจะเอาโคม DIY นี้กลับบ้าน หรือถวายวัดก็ได้ค่ะ
รถรางพาเรานั่งกินลมชมวิวมาเรื่อยๆ ก็มาหยุดอยู่ที่ หนองน้ำครก แลนด์มาร์คน้องใหม่ของบ้านม่วงตึ๊ด เดิมเป็นป่าไมยราบรกร้าง และมีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นบึงน้ำเก่า ก่อนที่ อพท. (องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน) จะเข้ามาสนับสนุนให้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชุมชน
ปัจจุบันมีสะพานไม้ไผ่ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ขัวแตะ สร้างยื่นยาวออกไปกลางบึง เชื่อมระหว่างพื้นที่บนเกาะ 5 เกาะ และแต่ละเกาะจะมีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านให้ความร่มรื่น พร้อมศาลาริมน้ำไว้นั่งพักเหนื่อย เราสามารถเดินเล่นชมธรรมชาติจากเกาะนี้ไปเกาะนู้น สูดอากาศสดชื่นเข้าปอด ซึ่งถ้าใครชอบถ่ายรูปจะถูกใจมาก เพราะไม่ว่าถ่ายมุมไหนก็ได้ภาพสวยทุกรูป คอนเฟิร์ม!
นอกจากนั้น พื้นที่บางส่วนยังได้ถูกดัดแปลงไปทำการเกษตรด้วย ทั้งดอกดาวเรืองและดอกทานตะวัน สีเหลืองอร่าม ตลอดจนพืชผักปลอดสารพิษ และพืชผักสวนครัว เช่น พริก แฟง ฟักทองญี่ปุ่น บวบ ข้าวโพด แตงโม ทับทิมราชินี ฯลฯ
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือ ฝูงนกเป็ดน้ำ ที่บินมาหาอาหารที่บึงน้ำแห่งนี้ในช่วงเช้าและเย็น ถ้าใครมาช่วงเย็น จะได้ชมความงามยามพระอาทิตย์ตก โรแมนติกสุดๆ เมื่อแสงสีสองสาดสะท้อนบนผิวน้ำ
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางสุดท้ายของเราวันนี้ค่ะ .. วัดพระธาตุแช่แห้ง
“วัดพระธาตุแช่แห้ง” เดิมเป็นวัดราษฎร์ ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวง เด่นสง่าด้วยองค์พระธาตุสีทองเหลืองอร่าม สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ของความรักและความสัมพันธ์ ระหว่างเมืองน่านกับเมืองสุโขทัยในอดีต ทั้งยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิด ของคนที่เกิดปีเถาะ (ปีนักษัตรกระต่าย) ด้วย
กราบไหว้พระเจ้าอุ่นเมือง พระประธานในวิหารหลวงของวัดพระธาตุแช่แห้ง ก่อนถวายโคมมะเต้า แด่พระสงฆ์ และจุดเทียนที่ทำจากขี้ผึ้งบูชาองค์พระธาตุ
สถานที่เที่ยวในเมืองน่านยังมีมนต์เสน่ห์ให้เราต้องตกหลุมรักอีกมากมาย ครั้งหน้าเราจะพาไปเที่ยวที่ไหนต่อ อย่าลืมติดตามกันนะค้า
ขอบคุณการเดินทางครั้งนี้ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแพร่ (พื้นที่รับผิดชอบแพร่ น่าน)
