สูตร เค้กราชปะแตน เค้กที่ในหลวงรัชกาล ๙ ทรงโปรด

จากบทสัมภาษณ์ของ หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี หรือ "ท่านภี" เล่าถึงพระจริยวัตรอันเรียบง่ายของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เมื่อครั้งถวายงานสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยเรื่อง เรือใบ ได้ร่วมต่อเรือใบกับพระองค์ท่านจนเรือใบลำแรกสำเร็จ และทรงพระราชทานนามเรือใบลำนี้ว่า "ราชปะแตน" จึงเป็นที่มาของชื่อเค้กที่พระองค์ทรงโปรด ชื่อเค้กที่ไม่มีใครคุ้นหู "เค้กราชปะแตน" เค้กผลไม้กาแฟหน้าอัลมอนด์ เค้กขึ้นชื่อของร้านกัลปพฤกษ์

“ตอนที่ต่อเรือใบราชปะแตน เสร็จ ท่านก็จะเอาไปลงน้ำ ท่านก็ทรงแบกไปด้วย มีมหาดเล็กช่วยกันแบกไปวางแล้วก็แล่นเป็นครั้งแรก โดยพระองค์ท่านทรงถือท้าย ซักพักนึง ท่านก็รับสั่งว่า ท่านจะเข้าฝั่งเพื่อจะทอดพระเนตรเรือที่ท่านต่อ ในเวลาที่แล่นในน้ำ แล้วท่านก็ขึ้นไปให้ผมแล่นไปคนเดียว แล่นไปซักแป๊ปเดียว เรือล่ม เสาล้มลงไปเลย ท่านก็บอกว่าเรือไม่น่าจะล่ม คนในวังที่อายุมากๆ ก็จะบอกว่าคงเป็นเพราะธงประจำพระองค์ไม่ได้เอาขึ้น คือผมแล่นไป โดยมีธงของพระเจ้าอยู่หัว เสาล้มเลย แต่อย่างไรก็ตามพอขึ้นมา มีการเลี้ยงน้ำชาที่ริมบ่อนั้นเลย และภรรยาผมก็ทำขนมเค้กมาอันนึง ท่านเสวยก็โปรดมาก และทรงเรียกว่าเค้กนั้นว่า เค้กราชปะแตน ก็เลยเป็นที่มาของชื่อเค้กอันนี้”  ท่านภี เล่าถึงที่มาของชื่อขนมเค้กและเรื่องราวอันลึกลับให้ได้ฟัง

ที่มาจาก : manager.co.th

สูตร เค้กราชปะแตน เค้กที่ในหลวงรัชกาล ๙ ทรงโปรด

ส่วนตัวเค้ก

  • เนยสด 225 กรัม (เราใช้เนยเค็มค่ะ)
  • เนยขาว 50 กรัม
  • น้ำตาลทรายแดง 175 กรัม
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา (เราไม่ใส่ค่ะ เพราะใช้เนยเค็มแล้ว ทำออกมาได้รสชาติกำลังพอดี แต่สำหรับคนที่ใช้เนยจืด เราอยากให้ลองพิจารณาปรับลดปริมาณเกลือลงนิดหน่อยน่าจะดี เพราะเราว่าเกลือ 1 ช้อนชานี่ออกจะเยอะไปซักหน่อย เกรงว่าอาจจะเค็มไป เนื่องจากตัวมาการีนที่ทำหน้าเค้กก็มีความเค็มอยู่แล้วค่ะ)
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • นมข้นจืด 20 กรัม
  • กาแฟผง 20 กรัม
  • แป้งเค้ก 225 กรัม (ร่อนก่อนซัก 3 รอบก่อนนำมาใช้นะคะ เพื่อที่เราจะได้เนื้อเค้กที่ละเอียด ฟูเบา และเป็นการคัดเอาเศษฝุ่นผงหรือแมลงที่อาจจติดมาออกด้วยค่ะ)
  • ลูกเกดดำ 60 กรัม (ลูกเกดให้นำไปแช่น้ำก่อนซักครึ่งชั่วโมงค่อยนำมาใช้นะคะ เป็นการล้างคราบน้ำตาล ฝุ่น และสิ่งสกปรกที่อาจติดมา และทำให้ตัวลูกเกดมีความชุ่มชื้นมากพอที่จะไม่มาดูดของเหลวในตัวเค้กซึ่งจะทำให้เค้กแห้งกว่าที่ควรจะเป็นได้ค่ะ แช่น้ำเสร็จ ซับให้แห้งแล้วนำมาหั่นครึ่งค่ะ เพื่อแก้ปัญหาที่ลูกเกดอาจจะจมลงไปก้นเค้กได้ถ้าชิ้นใหญ่เกิน)

ส่วนหน้าเค้ก

  • เนยสด 225 กรัม
  • มาการีน 125 กรัม
  • น้ำตาลทรายแดง 175 กรัม
  • แป้งอเนกประสงค์ 25 กรัม
  • อัลมอนด์สไลด์ 100 กรัม

วิธีทำ

ส่วนตัวเค้ก

  1. ตีเนยสดกับเนยขาวให้พอเข้ากัน (สำหรับใครที่ใส่เกลือด้วย ใส่ลงไปในขั้นตอนนี้เลยค่ะ) ใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป ตีด้วยความเร็วกลางจนเนยขึ้นฟู (ที่ใช้ความเร็วกลางเพราะหากใช้ความเร็วต่ำก็จะใช้เวลาในการตีนานเกินไปกว่าจะขึ้นฟูซึ่งเนยอาจจะเริ่มละลายได้ค่ะ ส่วนหากใช้ความเร็วสูงไปเลยก็จะทำให้เกิดความร้อนสะสมจากการตีมากไปซึ่งก็เป็นเหตุให้เนยละลายอีกเช่นกัน วิธีสังเกตว่าเนยขึ้นฟูแล้วรึยังให้ดูที่สีของเนยค่ะ เนยจะเริ่มเปลี่ยนสีอ่อนลงจนเริ่มขาวนวล ฟูเบา แต่เค้กตัวนี้ใช้น้ำตาลทรายแดงก็อาจจะดูยากนิดนึง ต้องสังเกตเอาหน่อยค่ะ)
  2. ค่อยๆ ทยอยเติมไข่ลงไปค่ะ (ใส่ทีละฟองค่ะ อย่าใส่รวดเดียวหมดอาจจะเกิดการแยกชั้นได้ แต่สำหรับมือใหม่หรือคนที่ไม่ถนัดทำเค้กแนวๆ นี้ แนะนำให้ตีไข่ทั้งหมดรวมกัน ไม่ต้องฟูฟ่องประหนึ่งทำไข่เจียวนะคะ 555 เอาแค่ให้พอเข้ากัน แล้วทยอยเทเป็นสายๆ ลงไป)
  3. นำกาแฟผงมาละลายให้เข้ากันกับนม
  4. เทส่วนผสมของแป้งสลับกับนม+กาแฟ แป้ง-นม-แป้ง-นม-แป้ง ในส่วนนี้ใช้ความเร็วต่ำนะคะ หรือใครถนัดใช้พายยางโฟลด์เอาก็ได้ไม่ว่ากัน พยายามอย่าใช้เวลาในการผสมแป้งเยอะนะคะเพราะจะทำให้เนื้อขนมเหนียวได้
  5. เติมลูกเกดลงไป เทใส่พิมพ์แล้วพักไว้ค่ะ (แนะนำให้ใช้พิมพ์ที่ค่อนข้างสูงนิดนึงนะคะ เพราะตรงหน้าเวลาเค้าเดือดเค้าจะพองฟูล้นออกมาพอสมควรเลย นี่พลาดมาแล้วววว สังเกตได้จากร่องรอยอารยธรรมรอบๆ ถาดแก้ว 555)
  6. หันไปวอร์มเตาที่อุณหภูมิ 175 องศา

ส่วนหน้าเค้ก

  1. ตีเนยสด มาการีน และน้ำตาลทรายแดงจนขึ้นฟู
  2. ใส่แป้งเอนกประสงค์ผสมให้เข้ากัน
  3. นำส่วนผสมไปเกลี่ยให้ทั่วหน้าเค้ก (อันนี้แนะนำว่าให้นำส่วนผสมใส่ถุงแล้วบีบให้ทั่วแล้วค่อยเกลี่ยจะสะดวกกว่านะคะ ถุงร้อนทั่วๆ ไปนี่แหล่ะค่ะ เอาส่วนผสมใส่ถุงตัดปลาย แล้วก็บีบๆๆให้ทั่ว)
  4. โรยอัลมอนด์สไลด์ให้ทั่ว (อัลมอนด์สไลด์นี่ไม่ต้องเอาไปอบก่อนนะคะ โรยทั้งดิบๆเลยนี่แหล่ะ เพราะเราอบนาน อัลมอนด์สุกพอดีค่ะ)

มาเข้าสู่ขั้นตอนการอบกันค่ะ นี่แหล่ะจุดปราบเซียนกันเลยทีเดียว

เวลาในการอบจะอยู่ที่ประมาณ 45-60 นาทีแล้วแต่เตาและขนาดพิมพ์ของแต่ละคนนะคะ

หลังจากวอร์มเตาไว้เรียบร้อยแล้วที่ 175 องศา ไฟบน-ล่าง ก็นำเข้าเตาเลยค่ะ ตั้งเวลาในตอนแรกไว้ 30 นาทีก่อนค่ะ แล้วแว้บมาดูถ้าอัลมอนด์สุกแล้ว และหน้าเค้กเป็นสีน้ำตาลให้เปลี่ยนเป็นไฟล่างแล้วอบต่อจนเนื้อเค้กสุก แต่ถ้ายังให้อบไฟบน-ล่างต่อไปจนกว่าอัลมอนด์และหน้าเค้กจะเปลี่ยนสี ระวังอย่าให้นานไปนะคะ พอเค้าเริ่มเหลืองได้ที่แล้วให้ปรับไฟทันที เพราะเค้าจะยังสุกต่อไปอีกค่ะ ถ้ารอให้เป็นสีแบบในรูปแล้วค่อยปรับไฟ พอเนื้อเค้กสุกทั้งหมดหน้ากับอัลมอนด์จะไหม้ค่ะ ซึ่งมันยากตรงนี้แหล่ะ ว่าแค่ไหนถึงจะพอมากไปก็ไหม้ น้อยไปก็ไม่กรอบ เพราะเนื้อสัมผัสของหน้าขนมตัวนี้เมื่ออบเสร็จจะต้องออกกรอบๆ กรุบๆ หน่อย จะไม่เหมือนของทอฟฟี่เค้กที่จะเหนียวๆหยุ่นๆเป็นครีมๆ ก็ต้องลองทำกันดูค่ะ แต่บอกเลยว่า พอเราทำสำเร็จ นี่จะเป็นหนึ่งในเค้กที่เราภาคภูมิใจที่ได้ทำที่สุดเลยหล่ะค่ะ เราเชื่อว่าอย่างนั้นนะ ^___^

 



SOCIAL NETWORK

Mono Mobile

แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์

Mono Technology

อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007

TAGS

บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา