แบ่งงานบ้านสำหรับคู่รักแบบไม่ต้องกระทบกระทั่ง

          หมดยุคที่จะผลักภาระเรื่องงานบ้านให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้ว แม้หากว่าคุณเป็น

ฝ่ายหาเลี้ยงครอบครัวและภรรยามีหน้าที่ดูแลทุกอย่างในบ้านก็เถอะ อย่างน้อยเลยคุณเองก็ไม่ควร

ทำตัวเป็นภาระเพิ่มเติมให้กับอีกฝ่าย ดังนั้นเรามาดู 8 ทิปส์ดี ๆ ของคู่รักสามีภรรยา  กันดีกว่าว่า

ทำให้บ้านสะอาดน่าอยู่อย่างไรโดยเลี่ยงการทะเลาะหรือการโยนให้อีกฝ่ายรับผิดชอบทั้งหมด

                          

lovr


1. ไม่ต้อง 50-50 เสมอไป

             บ้านไหนที่ต้องลิสต์รายการงานบ้านไว้ เช่น ทำความสะอาดพื้นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง, ขัด

ห้องน้ำทุกวัน หรือซักผ้าอาทิตย์ละครั้ง แล้วมากระจายงานกันแบบครึ่งต่อครึ่ง รวมทั้งวิเคราะห์

ความเหน็ดเหนื่อยของงานบ้านแต่ละอย่างละก็ เหนื่อยเกินไปหรือเปล่า ? คุณไม่จำเป็นต้องคิดมาก

ขนาดนั้น คิดเสียว่าทำสิ่งที่คุณทำได้ก็พอ หากอะไรไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ทำไป ในขณะเดียวกันก็ใช่

ว่าจะยอมทุกเรื่องนะคะ เพราะบางครั้งอีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องรับผิดชอบในส่วนของตัวเองบ้าง อย่างน้อย

ก็โยนเสื้อผ้าหรือถุงเท้าให้ลงตะกร้าและไม่ม้วนเป็นเลขแปด หรือช่วยคุณล้างอุปกรณ์ทำครัวใน

ขณะที่คุณกำลังปรุงอาหารอยู่


2. ช่างจดช่างจำไม่เข้าเรื่อง

             "ฉันซักผ้าแล้ว ดังนั้นคุณต้องไปล้างจาน" ประโยคในลักษณะนี้เสมือนว่าชีวิตคู่ของคุณดู

ไม่แฮปปี้เท่าไรในเรื่องงานบ้าน ยิ่งหากคุณสามารถย้อนไปยังอดีตว่าเมื่อเดือนก่อนคุณล้างจานคน

เดียวทุกวันหรืออะไรก็ตาม นอกจากจะนำมาซึ่งการทะเลาะและหงุดหงิดใส่กันแล้ว อย่างที่บอกคือ

อะไรที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ทำไป และเช่นเดียวกันหากว่าคุณรู้สึกว่าเหนื่อยเกินไปกับเรื่องในบ้านก็

ต้องหันหน้ามาพูดคุยกันแล้วล่ะ ไม่ใช่จดจำสิ่งที่คุณทำแล้วเอามาพูดเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกผิด แบบนี้

ไม่เกิดประโยชน์แน่


3. พูดคุยและทำข้อตกลง

             น่าจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตคู่ที่ต้องพูดคุยหรือทำข้อตกลงซึ่งกันและกัน ไม่เว้นแม้

กระทั่งเรื่องงานบ้าน หากคุณเหนื่อยเกินไป หรือบางอย่างที่คุณรู้สึกไม่โอเคก็ควรจะปลดปล่อยหรือ

ระบายในสิ่งที่คุณรู้สึกให้คนรักฟัง เพราะคุณและเขาอาจถูกเลี้ยงดูมาแตกต่างกัน เช่นคุณเป็นคน

เจ้าระเบียบในขณะที่เขาหยิบอะไรมาใช้ก็ไม่เคยเก็บเข้าที่ เป็นต้น อย่างน้อยคุณเองก็ไม่ต้องมา

เหนื่อยในการตามล้างตามเช็ดหรือเก็บสิ่งของให้เข้าที่ ทั้ง ๆ ที่มันควรจะเป็นความรับผิดชอบของ

เขาบ้าง


4. จ้างแม่บ้าน

             ถ้าคุณอยู่ในจุดที่มีเงินมากพอที่จะจ้างใครสักคนมาดูแลเรื่องในบ้านแทนคุณทั้งคู่ก็เป็นไอ

เดียที่ดี และเช่นเดียวกัน เมื่อรู้ว่างานบ้านมันเยอะและเหนื่อยแค่ไหน ก็อย่าทำตัวเองเป็นภาระให้แม่

บ้านปวดหัวนะคะ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครทนอยู่กับคุณได้ สุดท้ายคุณทั้งคู่ก็จะได้ลิ้มรสกับความ

เหนื่อย อย่างน้อย ๆ เลย คือ สิ่งของที่ใช้แล้วควรเก็บที่ ไม่ใช่วางสะเปะสะปะไปทุกที่ แบบนี้ไม่งาม

เลยจริง ๆ


5. อย่าให้คำพูดร้าย ๆ ออกจากปาก

             และแม้ว่าจะไม่สะดวกในการจ้างใครมาดูแลงานบ้าน ก็คงเป็นหน้าที่ซึ่งคุณทั้งคู่ต้องรับผิด

ชอบร่วมกันแล้วแหละ และไม่ว่าจะเหนื่อยหรือเหลืออดเหลือทนกับความไม่มีระเบียบหรือความไม่

รับผิดชอบของอีกฝ่ายแค่ไหนก็อย่าให้คำพูดร้าย ๆ รวมทั้งการขึ้นเสียงออกจากปากคุณเด็ดขาด

เพราะจะนำมาซึ่งการทะเลาะและบานปลายได้ หากใครรู้เข้าว่าคุณสองคนทะเลาะกันเรื่องเกี่ยงกัน

ขัดห้องน้ำละก็ รู้ถึงไหนอายถึงนั่นเลย ซึ่งทางที่ดีคุณควรจะร่วมมือกันดูแลบ้านช่องดีกว่า อย่า

ปล่อยให้อีกฝ่ายต้องรับภาระคนเดียว


6. เปลี่ยนนิสัยเดิม ๆ ที่เคยเป็น

             อย่างที่บอกข้างต้น ไม่ว่ายี่สิบหรือสามสิบปีที่คุณโสดจะมีชีวิตแบบไหน แต่ถ้าหากคุณ

แต่งงานครองเรือนกันแล้ว คุณจำเป็นต้องรับผิดชอบร่วมกันในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย

หรือเรื่องทำความสะอาดบ้านก็ตาม ควรที่จะใส่ใจกันตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และขอย้ำอีกครั้งว่า

อย่าปล่อยให้งานบ้านเป็นเรื่องของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง


7. ทำสิ่งที่ทำได้ให้ดีที่สุด

             งานบ้านบางอย่างอาจไม่เหมาะกับคุณหรือคนรัก เช่น การซ่อมหลังคา ควรจะเป็นหน้าที่

ของหนุ่ม ๆ มากกว่า และเช่นเดียวกันการเย็บหรือปะรอยขาดของกางเกงก็น่าจะเป็นหน้าที่ของคุณ

แม่บ้าน ดังนั้นหากรู้ว่าคุณต้องทำอะไรหรือทำอะไรได้ ก็ต้องทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด หรือหากว่าคุณไม่

เอาไหนเลยในเรื่องการทำอาหารก็ควรเป็นลูกมือให้อีกฝ่ายในการหยิบของเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือ

ทำความสะอาดจานชามหลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว


8. เสียสละบ้าง

             หากว่าคุณทำข้อตกลงกันเรียบร้อยเรื่องการทำงานบ้าน เช่น ผลัดกันซักผ้าคนละสัปดาห์

แต่บังเอิญว่าสัปดาห์ที่คนรักจะต้องซักผ้ากองโตแต่เขากลับไม่ว่างเนื่องจากติดงานสำคัญหรือต้อง

เร่งเคลียร์งาน คุณเองก็ไม่ควรปล่อยให้พาที่สุมอยู่กองโตไปเรื่อย ๆ หรือกดดันให้เขาทำ แต่ควร

เป็นฝ่ายจัดการซักผ้าเหล่านั้นเอง และหลังจากซักเสร็จก็ไม่ควรทำตัวประหนึ่งว่าเขาเป็นฝ่ายผิด

หรือพูดว่าหลังจากนี้เขาต้องเป็นฝ่ายซักผ้าสองครั้งติดต่อกัน อย่ามัวคิดเล็กคิดน้อยเลย เพราะบาง

ครั้งการได้ทำอะไรให้คนรักก็เป็นเรื่องน่ายินดีไม่ใช่เหรอ ในขณะเดียวกันหากคุณเป็นฝ่ายที่ติด

ภารกิจจนไม่สามารถปลีกเวลามาทำความสะอาดบ้านเมื่อถึงเวรของคุณได้เลย แต่เขากลับเป็นฝ่าย

ทำให้ ก็อย่าลืมขอบคุณคนรักพร้อมแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองควรทำ เช่น บอกเขาหรือ

เธอว่าคุณจะเป็นฝ่ายถูพื้น ขัดห้องน้ำ หรือทำอย่างอื่นแทน เป็นต้น

            รู้อย่างนี้แล้วคุณพ่อบ้านแม่บ้านก็ไม่ต้องมานั่งปวดหัวหรือเกี่ยงกันเรื่องงานบ้าน

แล้วนะคะ เอาเวลาถกเถียงมาช่วยกันดูแลความเรียบร้อยในบ้านดีกว่า เพราะไม่ใช่แค่บ้าน

สะอาดน่าอยู่นะคะ แต่มันยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ด้วย เห็นไหมล่ะว่า

งานบ้านบอกได้มากกว่าลักษณะนิสัยของแต่ละคน แต่ยังบอกถึงความสัมพันธ์ของคุณทั้ง

คู่ด้วย



SOCIAL NETWORK

Mono Mobile

แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์

Mono Technology

อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007

TAGS

บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา