1.อย่าแต่งงานเพราะคุณกลัวว่าจะไม่ได้แต่ง
ผู้หญิงหลายคน พอชักเริ่มมีอายุสูงขึ้น ก็เกิดอาการวิตกจริตว่าถ้าเราไม่รีบ "คว้า" ใครไว้สักคนใน
ขณะนี้ พอเราแก่ตัวลงไปจริงๆ คงไม่มีใครมา "คว้า" เราเป็นแน่ อย่ากระนั้นเลย เจอใครที่พอดูได้ก็
รีบด่วน ตัดสินใจ ไปลงเอยกับเขา เพียงเพราะกลัวว่าจะต้องเข้าไปเป็นสมาชิกคานทองนิเวศ หรือ
หมู่บ้านสาวโสดนั่นเอง การตัดสินใจแต่งงานด้วยเหตุผลทำนองนี้ น่าจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
เพราะคุณไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบ คล้ายกับลอยคออยู่ในน้ำ อะไรลอยผ่านมาก็คว้าเอาไว้ก่อน
ไม่ทันได้พิจารณาให้รอบคอบและดูว่าสิ่งที่คุณคว้าไว้นั้นเป็นสิ่งมีพิษมีภัยหรือเป็นที่พึ่งได้จริง บางที
สิ่งที่คิดว่าเป็นทุ่นให้เกาะได้ กลับกลายเป็น เพียงฟางหญ้า หรือปลิงที่คอยดูดเลือดคุณเสียอีก สุด
แสนจะชอกช้ำยิ่งเสียกว่าอยู่คนเดียวเป็นไหนๆ นอกจากนี้ถ้าคุณอยู่ในวงสังคมคุณอาจจะถูกแรง
กดดันทั้งภายในและภายนอกครอบครัวของคุณ ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องพ่อแม่เพื่อนฝูงที่คอยผลัดเปลี่ยน
มาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยคุณด้วยคำถามประเภท
"ทำไมจึงยังไม่แต่งงานเสียที ?"
"มีอะไรหรือ ?" (หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ "คุณมีปัญหาอะไรหรือจึงยังเป็นโสดอยู่ได้ปูนนี้!")สิ่งต่างๆ ที่
ได้ยินได้ฟังเหล่านี้อาจทำให้คุณรู้สึกอึดอัดใจและในที่สุดคุณก็ตกลงใจที่จะลดมาตรฐาน ของชาย
ในฝันของคุณลงอย่างฮวบฮาบน่าใจหาย หรือต่ำกว่า 50% ก็ยอม ขอให้ได้ชื่อว่า "ได้แต่ง" ก็เป็น
พอ ถ้าคุณทำเช่นนี้ย่อมเป็นของแน่นอนว่า คุณกำลัง "ลนลาน" หาคู่และย่อมเป็นของแน่อีกเช่น
เดียวกันว่า คู่ที่หามาได้จากการไม่พิจารณาให้รอบคอบนั้น จะมีผลร้ายกับชีวิตของคุณเช่นไร
2. อย่าแต่งงานเพราะคุณอยากจะออกจากบ้าน จากครอบครัวเดิมของคุณ
นี่เป็นเหตุผลที่ฤดีมาศตัดสินใจแต่งงานกับสาธิต เพราะเธอเบื่อพ่อแม่ที่ทะเลาะกันทุกวี่ทุกวัน เธอ
เบื่อสภาพแวดล้อมของบ้าน และความไม่ปรองดองของพี่ๆ น้องๆ เธอคิดว่าการออกไปอยู่กับสาธิต
จะเป็นคำตอบของเธอ แต่เมื่อเธอไปอยู่บ้านกับสาธิตจริงๆ เธอกลับต้องไปเผชิญกับปัญหาแม่ผัวลูก
สะใภ้ที่ เธอนึกว่าน่าจะหมดไปตั้งแต่สมัย "บ้านทรายทอง" นั่นแล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาพี่ๆ น้องๆ
ของเขา ที่ไม่ได้ยอมรับเธออย่างสนิทใจ ฤดีมาศรู้สึกว่าตัวเธอเหมือนคนแปลกหน้าที่หลุดเข้าไปอยู่
ในโลกที่เธอไม่รู้จัก เธอเริ่มรู้สึกว่าเธอตัดสินใจผิดที่แต่งงานกับเขา
3. อย่าแต่งงานเมื่อคุณกำลังอกหัก หรือเมื่อต้องการประชดแฟนเก่า
ผู้หญิงหลายคนอกหักจากแฟนเก่าและด้วยความเจ็บใจ ก็จะรีบแต่งงานกับผู้ชายที่ผ่านเข้ามาใน
ชีวิต อย่างปุบปับ เป็นทีประชดแฟนเก่าว่า "ฉันก็มีเสน่ห์ เมื่อเธอจากฉันไปได้ฉันก็สามารถหาผู้ชาย
คนอื่นมาแทนเธอได้เหมือนกัน"ความจริงเรื่องการอกหักนี้เป็นเรื่องที่เกิดกับคนเป็นจำนวนมากคุณ
ย่อมเจ็บ ปวดเป็นธรรมดา แต่เมื่อคุณอกหัก คุณยังไม่ควรรีบ "คว้า" ใครก็ได้และแต่งๆ ไปเพราะผู้
หญิงอกหัก ทุกคน จะมีสภาพจิตใจที่ตกต่ำ ความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองจะลดลงไปและช่วงนั้น
คุณมักจะขาด
วิจารณญาณ ในการเลือกผู้ชายที่ดีๆ คุณมักจะไปเลือกเอาผู้ชายที่ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติมาแต่งด้วย
เพราะ จิตใจคุณบอบช้ำ คุณต้องการคนมาเยียวยา และเขาเสนอตัวเข้ามาพอดีซึ่งคุณก็จะตกลง
เพราะคุณคิดว่า คนนี้แหละที่จะมาสมานแผลใจให้คุณได้ แต่เมื่อแต่งไปแล้ว จิตใจคุณเริ่มเข้าสู่
ภาวะปกติคุณอาจนั่งมองสามีพร้อมกับตั้งคำถามให้กับตัวเองว่า "ฉันเลือกเขามาได้อย่างไร"
4. อย่าแต่งงานเพราะคุณสงสารเขา
อลิสาตกลงใจแต่งงานกับพินิจเพราะเขาดูน่าสงสาร เฝ้ารักเฝ้าติดตามเธออยู่เสมอท่าทางเขาก็ไม่
ได้เรียกร้องอะไรจากเธอเลย ดูเขาเป็นผู้ชายที่แล้วแต่เธอจะกรุณา อลิสารู้ว่า เธอไม่ได้รักเขาเลย
แต่ดูเขา ก็ไม่มีอะไรเสียหาย น่าจะเป็นผู้นำครอบครัวได้ แต่หลังจากแต่งงานกันได้ระยะหนึ่งเขา
กลับแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเธออย่างน่าเกลียดแม้กระทั่งเพื่อนฝูงของเธอเขาก็ไม่ต้องการให้
เธอไปคบค้า สมาคมด้วย อลิสาแทบเป็นบ้า เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่อิสระ เป็นตัวของเธอเอง และคิด
ไม่ถึงว่าผู้ชาย ที่ดูขรึมๆ เรียบๆ จะสามารถแสดง "ฤทธิ์เดช" และวางอำนาจกับชีวิตเธอได้ถึงเพียงนี้
5. อย่าแต่งงานเพราะหลงใหลในรูปสมบัติ ของเขาเพียงอย่างเดียว
รูปสมบัติหรือความหล่อล่ำอาจเป็นสิ่งที่ถูกตาถูกใจในเบื้องต้น แต่ถ้าคุณมัวไปหลงใหลในรูป ที่เห็น
เพียงอย่างเดียว คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า ภายใต้รูปที่ดูหรูเริดของเขานั้นซ่อนอะไรไว้ภายในเขาอาจจะ
เป็นพยัคฆ์ร้ายที่ซ่อนอยู่ภายใต้หนังราชสีห์ก็ได้ คุณควรจะหัดมองคนให้ถึงแก่นแท้ของบุคลิก
มากกว่าเพียง แค่รถสปอร์ตราคาเป็นล้านของเขา และยิ่งกว่านั้น คนสวยๆ หล่อๆ มักจะใช้เวลา
ตกแต่งแต่รูปภายนอกของเขามากกว่ารูปภายใน และจะมีประโยชน์อะไรที่จะได้แต่เปลือกซึ่งไม่มี
แก่นของเขา
หรือไม่ก็เป็น แก่นที่เน่าหรือกลวงข้างใน ยิ่งกว่านั้น ภายใต้ความหล่อและกลิ่นน้ำหอมของเขาก็คือ
กลิ่นเหงื่อ กลิ่นตัว เจาะลึกลงไป ก็เจอแต่น้ำเลือดน้ำเหลืองน้ำหนองเหมือนๆ กัน แล้วคุณจะไป
หลงใหลได้ปลื้ม อะไรกันนักหนา กับรูปที่ไม่กี่วันก็เหี่ยวเฉาลงไป
6. อย่าแต่งงานเพราะทรัพย์สมบัติและเงินในบัญชีของเขา
ผู้หญิงหลายคนแต่งงานกับผู้ชายที่ร่ำรวย เพราะขี้เกียจไปกัดก้อนเกลือกินกับใคร ความจริงเรื่อง
ความ รวยนั้นใครๆ ก็ชอบ เป็นคุณสมบัติในทางที่น่าพิสมัยของผู้ชายด้วยซ้ำไปแต่ถ้าผู้ชายที่มีแต่
ความรวยให้คุณเพียงอย่างเดียว แต่เขาไม่มีเวลาให้คุณ หรือเขาให้คุณเสวยสุข อยู่บนกองเงินกอง
ทองของเขา แต่เขาไม่ซื่อสัตย์กับคุณ แอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยให้คุณช้ำใจอยู่เสมอ คุณจะทนได้
หรือ ต่อให้เขามี เงินล้นฟ้า คุณก็จะน้ำตาเช็ดหัวเข่า และคิดว่าสู้เขาไม่ร่ำไม่รวยแต่มีเวลาและความ
รักให้คุณจะดีกว่าเป็นไหนๆ ดังนั้น เมื่อรู้จักผู้ชายที่ร่ำรวยควรศึกษาเขาให้ดี ว่าเขาทำมาหากินอะไร
อย่าให้ความรวย มาทำให้คุณตามืดมัวไปกับวัตถุสำเร็จรูปที่เขาสรรหามาให้ มากกว่าความรักและ
ความจริงใจของเขา
7. อย่าแต่งงานเพราะอยากหนีตนเอง
คนบางคนแต่งงานเพราะไม่ต้องการเผชิญกับความรู้สึกสับสนว้าวุ่นและขาดเป้าหมายของชีวิต
ตนเอง ใช้การแต่งงานเป็นการแสวงหาความหมายให้ชีวิต อยากให้คู่สมรสมาเติมความ "ขาด" ใน
ชีวิตที่เขาควรจะเติมให้ตนเองผู้หญิงบางคนไม่ใคร่ชอบตนเอง ไม่ใคร่เชื่อหรือไว้วางใจว่าจะมีใคร
ที่รักเธอจริง เมื่อมีความสัมพันธ์กับใครก็มักจะต้องการให้ผู้ชายนั้นมาเติมให้ชีวิตของเธอเต็มขึ้นมา
ซึ่งเธอก็มักจะพบกับความผิดหวัง เพราะเธอไม่ได้รักผู้ชายคนนั้นเธอต้องการแต่งงานเพื่อหลีกหนี
บางสิ่งบางอย่าง ของชีวิต ที่เธอไม่อยากเผชิญกับมันเท่านั้น
8. อย่าแต่งงานเพราะคิดว่าจะเปลี่ยนนิสัยเขาได้
นิสัยคนเรานั้นจะเปลี่ยนได้หรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ แต่ขึ้นอยู่ที่ตัวของเขาเองอย่าคิดว่าคนเราจะ
เปลี่ยนนิสัยกันได้ง่ายๆ เพราะเรามักจะมีความเคยชินดั้งเดิม ที่ได้รับการปลูกฝังมาเป็นสิบๆ ปี การ
เปลี่ยนความเคยชิน ต้องใช้ความพยายามและความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยว
อย่าแต่งงานเพราะคิดจะเปลี่ยนนิสัยใคร เพราะถ้าเขาไม่อยากเปลี่ยนตัวของเขาเอง
คนที่เสียใจที่สุดก็คือคุณ
9. อย่าแต่งงานเพราะความเหงา
คนเราทุกคนล้วนมีความเหงาอยู่ภายในจิตใจ มากบ้างน้อยบ้าง ถ้าคุณเป็นคนขี้เหงามองหน้าตัวเอง
ในกระจกก็เบื่อ มองไปรอบๆ ห้องก็เจอแต่สิ่งเก่าๆ เฟอร์นิเจอร์เดิมๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นในชีวิตและ
คุณก็คิดอยากจะได้ใครสักคนมาแก้เหงา คุณก็เลยแต่งงานไป กับคนที่คุณรู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่เหมาะกับ
คุณ แต่คุณคิดว่า "ดีกว่าอยู่เปล่าๆ คนเดียว" เขาคงมาช่วยบำบัดความหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวในจิต
วิญญาณ คุณได้ละก็ ขอบอกว่าคุณคิดผิด เพราะเมื่อความเหงาเข้าจู่โจมจิตใจนั้น คนเรามักขาด
การกลั่นกรอง เห็นผิดเป็นชอบ คุณอาจจะไปคว้าใครก็ไม่รู้มาบำบัดความเหงาของคุณและคนคนนั้น
อาจจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งในชีวิตภายภาคหน้าของคุณก็ได
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มิได้หมายความว่าคุณไม่ควรแต่งงาน หรือถ้าคุณแต่งงานโดยไม่มีข้ออ้าง ทั้ง 9
ข้อนี้ชีวิตคู่คุณจะปลอดโป่งโล่งใจตลอดไป การแต่งงานจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวขึ้นอยู่
กับตัว แปรมากมาย 9 ข้อนี้ เป็นเพียงข้อควรระวังว่า ถ้าคุณแต่งงานด้วยเหตุผลเหล่านี้โอกาสที่คุณ
จะผิดหวังในชีวิตคู่นั้นอาจจะมีสูงกว่าคนอื่น
การแต่งงานที่ประสบความสำเร็จ มักจะเริ่มจากความรัก ความเข้าใจเป็นพื้นฐานแต่ก่อนที่ความ
สัมพันธ์ของคุณจะพัฒนาไปสู่การแต่งงานนั้น คุณอาจจะใช้วิจารณญาณใคร่ครวญสักนิดว่าคุณรัก
เขา หรือไม่ คุณอยากแต่งงานกับเขาเพราะเหตุใด อย่าเพิ่งให้อารมณ์โรแมนติกเข้ามาเกาะกุมหัวใจ
ของคุณก่อนการใช้สมอง ถ้าคุณเข้าไปสู่ความสัมพันธ์อย่างมีสติและวิจารณญาณที่ดี คุณอาจจะ
ป้องกันตัวเองจากการผิดหวัง และเจ็บปวดที่ไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย โชคดีนะคะสาวๆ