วันนี้เรามีคำแนะนำมาบอกกันค่ะว่าเราควรจะทำตัวอย่างไร เมื่อต้องเจอหน้าคนคนนั้น
ใครพร้อมบำบัดสภาพจิตใจกันแล้ว เลื่อนลงมาอ่านกันโลด
1. ตั้งสติ นึกดี ๆ ว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง
อันดับแรก ตั้งสติและนึกดูดี ๆ ว่าวันนี้เรามาทำอะไร หน้าที่และความรับผิดชอบสำคัญกว่า
อะไรทั้งหมด อย่างเช่น ในเวลาที่คุณและแฟนเก่าต้องไปเรียนในคลาสเดียวกัน จงตั้งใจฟังในสิ่งที่
อาจารย์สอน จดจ่ออยู่กับตำราตรงหน้า ทำความเข้าใจกับบทเรียนให้แตกฉาน อาจจะดูเครียด ๆ แต่
เราคิดว่ามันได้ผลนะ ถ้าคุณละความสนใจจากคนคนนั้นไปได้ เขาก็จะกลายเป็นเพียงอากาศ
ธาตุ หรือส่วนประกอบเล็ก ๆ ในช่วงระยะเวลาหนึ่งของคุณเท่านั้น ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย
ฉะนั้นมันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะให้ความสนใจกับสิ่งใดมากกว่ากันเท่านั้นเอง
2. ทำตัวเสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าคุยกันได้ก็ทักทายกันตามปกติ
ถ้าทำใจที่จะมองหน้ากันได้ พูดคุยกันได้ ก็ขอให้ทำตัวตามปกติค่ะ หมายถึงทักทายกัน
ตามมารยาทปกตินะคะ ไม่ใช่ปกติเหมือนตอนที่เป็นแฟนกัน ไม่งั้นฝ่ายที่ยังคิดอะไรอยู่จะยิ่งคิดไป
ไกลค่ะ เรารู้ว่ามันยาก ฉะนั้นถึงเตือนไว้แต่แรกว่า " ถ้าทำใจได้ " เพราะถ้าทำไม่ได้แต่แรก การไม่
เจอหน้ากันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าค่ะ
3. หากได้คุยกัน พยายามอย่าคุยเรื่องที่ทำให้มันร้าวฉานไปมากกว่าเดิม
คำพูดคำจาอาจไม่มีอะไร แต่สายตานั้นไปหมดแล้ว
การที่พวกคุณคุยกันได้ ย่อมเป็นสัญญาณที่ดีว่าพวกคุณสามารถกลับมาเป็นเพื่อนกันได้
แต่ในการพูดคุยกันนั้น มันต้องมีขอบเขตของมันอยู่นะคะ ความหมายของคำว่า " เพื่อน " มันชัดเจน
อยู่แล้วว่าต้องเป็นเพื่อนจริง ๆ ไม่ใช่ " เพื่อนสนิท ( อดีตแฟน ) คิดไม่ซื่อ "
เรื่องที่พูดคุยกันควรเป็นเรื่องสัพเพเหระธรรมดา อาจจะเป็นเรื่องงาน เรื่องขำขัน เรื่องเบาสมอง อย่า
เอาเรื่องที่มันจบไปแล้ว ( ของพวกคุณทั้งคู่ ) อย่างเช่น จำเรื่องที่เคยสัญญากับเราได้ไหม? หรือ เธอ
มีคนใหม่หรือยัง? ฯลฯ Topic ต่าง ๆ เหล่านี้ควรเก็บมันเข้าลิ้นชักปิดตายไปเลยค่ะ เพราะมันจะยิ่ง
บั่นทอนจิตใจกันทั้งคู่ คุณอาจจะไม่ได้คำตอบที่คุณถามไป หรืออาจจะได้คำตอบเสียดแทงใจกลับ
มาว่า " จำได้สิ แต่คงในฐานะเพื่อนเท่านั้น เพราะตอนนี้อะไร ๆ มันก็เปลี่ยนไปแล้ว "
ในระยะแรกของการเปลี่ยนสถานะจากแฟนเป็นแค่ " เพื่อน " หรือ " คนรู้จักกัน " มันก็ทรมานใจแบบนี้
แหละ ดังนั้นพยายามอย่าทำอะไรที่มันจะเป็นการทำร้ายตัวเองเลยนะ :)
4. แสดงออกว่าคุณสบายดี ไม่มีเขา คุณก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
การแสดงออกของคนเรานั้นแตกต่างกัน เวลาที่เราต้องเจอสภาวะของการ " อกหัก " หรือ "
ถูกทิ้ง " เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะเศร้าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น คุณอาจพร่ำเพ้อละเมอหาแฟนเก่าของ
คุณทั้งในโลกโซเชียล ผ่านตัวอักษรมากมาย หรืออาจแสดงออกมาด้วยการร้องห่มร้องไห้ อดข้าวอด
น้ำ ไม่เป็นอันกินอันนอน สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นผลดีอะไร มันเป็นการแสดงออกว่า " คุณไม่รักตัวเอง
" เลย นอกจากมันจะเป็นการทรมานตัวเองแล้ว คนที่คุณต้องการให้เขามาสนใจไยดี เขาอาจจะไม่
อยากจะรู้เรื่องของคุณด้วยซ้ำไป
แล้วถ้าหากว่าเขาคนนั้นจะต้องมาพบคุณในสภาพที่ยังช้ำรักแบบนี้ เขาจะยิ่งทำตัวลำบาก
และยิ่งเป็นการให้เขาไม่อยากเข้าใกล้คุณ เพราะอาจกลัวว่าจะเป็นการให้ความหวัง ร้ายไปกว่านั้น
คุณจะกลายเป็น " คนไร้ค่า " สำหรับเขาเลยก็ได้
ทางที่ดีคุณควรทำตัวให้เป็นปกติที่สุดค่ะ การที่คุณยังยิ้มแย้ม ยังหัวเราะได้ มันจะทำให้เขา
สบายใจ กว่าการเห็นคุณเศร้า แม้จะไม่เหลือเยื่อใยต่อกันแล้ว แต่เขาก็คงไม่อยากให้คุณต้องเศร้า
เพราะมีเขาเป็นต้นเหตุ มันก็คงเหมือนโจทก์กับจำเลย ไม่มีใครอยากตกเป็นจำเลยหรอกค่ะ จริง
ไหม?
การคิดที่จะรีเทิร์นกลับมาคบกันใหม่ เป็นเรื่องธรรมดาสามัญมากสำหรับคนที่ยังมีใจกันอยู่
แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นฝ่ายที่คิดไปเองฝ่ายเดียว แล้วตั้งใจลงทุนลงแรงทำอะไรให้เขามากมาย เพื่อให้
เขากลับมารักคุณ ตัวเขาอาจจะซาบซึ้งในน้ำใจ ในความรักที่คุณมีให้ แต่เขาอาจจะไม่กลับมาก็ได้
บอกเลยว่าคุณควรทำใจไว้แต่แรกเลยค่ะ เพราะแก้วที่แตกไปแล้ว ต่อให้เอามาต่อติดได้ใหม่ รอย
แตกร้าวมันก็ยังคงอยู่ ?สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดที่เขาจะให้คุณได้คือความเป็นเพื่อนที่ดี ซึ่งถ้าคุณได้รับสิ่ง
นั้นมา เราอยากให้คุณพอใจกับสิ่งนั้น แล้วคุณจะมีความสุขมากกว่าที่จะต้องมาคาดหวังในสิ่งที่ไม่
อาจชี้ชัดได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด
มีคู่รักหลายคู่ที่จบกันแบบไม่สวย ไม่อาจกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ แต่ก็มีอีกหลายคู่ที่
สถานการณ์บังคับ มีความจำเป็นที่จะต้องเจอกัน ไม่ผิดที่คุณยังรักเขาอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ผิดที่เขาไม่
ได้รักคุณแล้ว ยังไงก็ตามชีวิตเราก็ต้องดำเนินต่อไปนะคะ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เราก็หวังให้
คุณผู้อ่านทุกท่านได้พบกับทางออกที่ดีกันทุกคน สำหรับวันนี้ขอจบเรื่องเพียงเท่านี้ แล้วกลับมาพบ
กันใหม่คราวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
