การกลับสู่สมดุลคือการปล่อยทุกอย่างให้ ผ่านไปทั้งการกระทำในแง่ลบและรากเหง้าของ
ความกลัว แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องยืนอยู่กลางถนนและให้รถคันเดิมพุ่งชนซ้ำอีก คุณอาจถูก
หลอกถ้าไว้ใจมากเกินไปแต่คุณจะอยู่อย่างทรมานหากคุณยังเชื่อใจไม่ พอ คราวหน้าหากคุณสูญ
เสียความเชื่อใจสำหรับใครบางคนไป ลองปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อให้ตัวเองใจเย็นลงและเพื่อ
หลีกเลี่ยง สถานการณ์ที่แย่ไปกว่าเดิม
ปล่อยให้ความรู้สึกของการถูกหักหลังท่วมท้นอย่างเต็มที่ แต่อย่าคิดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำๆมาก
เกินกว่า 3 ครั้ง
ลองเข้าไปอยู่ในมุมมองของคนอื่นและดูว่านี่คือพฤติกรรมของเขาที่มีต่อคุณหรือเป็นความผิดปกติกัน
แน่?
พิจารณาเจตนาด้านบวกของบุคคลนั้นโดยเฉพาะตอนที่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ เกี่ยวข้องกับ
สถานการณ์นั้น คุณจะเห็นภาพรวมได้อย่างสงบและชัดเจนยิ่งขึ้น
ยกย่องพฤติกรรมของบุคคลนั้นที่คุณต้องการสนับสนุนให้ก้าวหน้า นี่คือหนึ่งในวิธีการป้องกันตัวที่
เหมาะสมมากที่สุดในช่วงเวลาแบบนี้
หากคุณต้องการรักษามิตรภาพ จงหาเวลาพูดคุยแต่อย่ากล่าวโทษกัน ให้อธิบายเฉพาะพฤติกรรมที่
กวนใจคุณตามด้วยความรู้สึกของคุณแล้วก็รอคำตอบ
จงรอฟังคำตอบอย่างเปิดใจ หากคุณมองเห็นการกระทำของเธอชัดเจนและเธอไม่แสดงท่าทีใดๆว่า
จะเปลี่ยนแปลง พฤติกรรม งั้นก็ถือว่าคุณได้บทเรียนเยอะแล้ว
หากใครทำลายความเชื่อใจของคุณถึงสองครั้งก็มีแนวโน้มสูงว่าจะมีครั้งที่ สามตามมา กุญแจสำคัญ
ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา คือการตระหนักถึงระยะห่างที่
เหมาะสมในการเกาะกุมพวกเขาไว้ ที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นการกระทำของอีกฝ่ายหรือของเราเอง ทุก
อย่างล้วนเปลี่ยนแปลงระยะห่างนั้นได้
จงกะระยะห่างของตัวเองให้ดีขณะที่ดึงเอาด้านดีของอีกฝ่ายออกมา พูดคุยถึงเจตนาด้านบวกของ
พวกเขาโดยเฉพาะตอนที่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีเลย อย่าลืมว่าคุณมักจะมี 3 ตัวเลือกในทุกๆ
สถานการณ์ได้แก่ 1.เปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติต่อบุคคลนั้น 2.ยอมรับพฤติกรรมของบุคคลนั้น หรือ
3.ออกจากความสัมพันธ์
การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้ ไม่ช้าก็เร็วคุณจะสามารถฟื้นฟูความสมดุลทางอารมณ์มากกว่าที่จะยึด
ติดอยู่กับ การหักหลัง จงเลือกสิ่งที่สามารถทำได้ในทางบวกเพื่อตัวคุณเองแทนที่จะต่อต้านบุคคล
อื่น ยิ่งคุณออกมาจากสถานการณ์ในแง่ลบนั้นได้เร็วเท่าไหร่ชีวิตของคุณก็ยิ่งคืน สู่ความสมดุลและ
มั่นคงได้เร็วเท่านั้น
