วิธีครองเรือนแบบโบราณที่ทันสมัยตลอดกาล

 

                           

 

เรือนแรก คือ  เรือนผม

เป็นผู้หญิงต้องหมั่นดูแลรักษาผมเผ้าให้สะอาดหมดจด ปราศจากกลิ่น โดยคอยหวีให้เรียบร้อยไม่

ปล่อยเป็นกระเซิง จะช่วยให้บรรดาเมียๆ น่ามองยิ่งขึ้น อีกทั้งตอนหวีผม คนเราก็ต้องดูกระจก จะได้

ใช้เวลานั้นผัดหน้าทาแป้ง ให้สดชื่นสวยงาม ซึ่งสาวๆ พอได้แต่งหน้าทาปาก ก็จะรู้สึกว่าตัวสวยขึ้น

เกิดความมั่นใจ ขณะเดียวกันเมื่อสามีเห็น ก็พลอยสบายตาไปด้วย

 

เรือนที่สอง คือ เรือนกาย

การรักษาทรวดทรงองค์เอว ให้น่ามองอยู่เสมอ ก็จะเป็นเสน่ห์ผูกใจสามีได้อีกทางหนึ่ง เพราะเวลา

พาเมียไปไหนๆ คนชมว่าเมียว่าหุ่นดี ภรรยาก็หน้าบาน สามีก็ภูมิใจ

 

เรือนที่สาม คือ เรือนนอน

หมายถึง  ที่อยู่อาศัยการรู้จักดูแลบ้านช่อง จัดข้าวของในเรือนให้ดูสะอาดเรียบร้อย ไม่สกปรก

รกรุงรัง เพราะบ้านที่สกปรก และไม่เป็นระเบียบ แสดงว่าเมียบ้านนั้นมีนิสัยขี้เกียจ ไม่เป็นแม่บ้านแม่

เรือน หากมีแขกใครไปมา ก็จะขายหน้าถึงสามี อีกทั้งสุขอนามัยของบ้านนั้นๆ ก็จะไม่ดีไปด้วย

ทำให้คนในบ้านเจ็บป่วยได้ง่าย

น้ำแรก คือ น้ำมือ

หมายถึง ฝีมือปรุงอาหาร  ต้องรู้จักหัดทำข้าวปลาอาหารอร่อยๆ ให้สามีรับประทาน ซึ่งสมัยโบราณ

หญิงสาวไม่ว่าจะชาวบ้าน หรือชาววังต่างก็ทำอาหารเป็นทั้งนั้น เพราะสมัยก่อน ไม่มีร้านอาหาร

สำเร็จรูปให้ซื้อ มีแต่วัตถุดิบที่ต้องนำไปปรุงเอง ดังนั้น หญิงสาวส่วนใหญ่ จึงถูกฝึกให้ทำกับข้าวกับ

ปลา มาแต่เด็กๆ เสมือนหนึ่งหัดวิชาชีพติดตัว ที่สำคัญ คนรุ่นก่อนมีคติว่าเสน่ห์ปลายจวัก ผัวรัก

จนตาย”  สำหรับผู้หญิงสมัยนี้  ถึงแม้จะทำกับข้าวเข้าครัวไม่เก่ง  แต่สำหรับสาวๆ ยุคเตา

ไมโครเวฟ หรือแม่บ้านถุงพสาสติก แม้จะทำอาหารไม่เป็น แต่ก็ควรจะรู้จักเลือกซื้ออาหาร จากร้าน

เจ้าอร่อยและสะอาด หรือของโปรด มาดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่อง

 

น้ำที่สอง คือ น้ำใจ

การมีน้ำใจเอื้อเฟื้อ และโอบอ้อมอารี ไม่เห็นแก่ตัว หรือทำใจดำ รู้จักช่วยเหลือเกื้อกูลสามี ทั้งใน

หน้าที่การงาน และจิตใจ  ซึ่งการมีน้ำใจนี้ มิใช่มีต่อสามีคนเดียว แต่ควรเผื่อแผ่ถึงญาติพี่น้องของ

สามีด้วย เพราะนอกจากจะทำให้สามีสบายใจแล้ว ยังช่วยให้ภรรยาเป็นที่รักใคร่ และเป็นที่เกรงใจ

อีกด้วย เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขยังไงล่ะคะ

 

น้ำที่สาม คือ น้ำคำ

การใช้คำพูดที่สุภาพ ไพเราะหู ไม่กระโชกโฮกฮากหรือด่าทอ รู้จักเจรจาปราศรัย รู้ว่าเมื่อไรควรพูด

เมื่อไรควรเงียบ เมื่อไรควรให้กำลังใจ หรือปลอบประโลม อันที่จริงแล้ว การพูดจาดีต่อกัน โดยไม่

ด่าทอ บ่นว่าหรือจู้จี้จุกจิก จะทำให้รู้สึกว่าบ้านร่มเย็น น่าอยู่ ไม่ร้อนหูร้อนใจ ซึ่งการพูดจาไม่ระคาย

หูนั้น จริงๆ แล้วควรจะใช้พูดกับทุกคนทั้งในบ้าน และนอกบ้าน ไม่เฉพาะแต่กับสามีเท่านั้น เพราะ

นอกจากผู้ฟังจะรู้สึกสบายหูแล้ว ยังจะรู้สึกดีๆ กับผู้พูดด้วย

 

น้ำสุดท้าย คือ น้ำเต้าปูน 

หมายถึง การดูแลคอยเติมน้ำในเต้าปูนมิให้แห้ง ในสมัยก่อนคนกินหมาก จึงต้องมีเต้าปูน เป็น

ภาชนะใส่ปูนแดงไว้ป้ายใบพลู เพื่อกินกับหมาก ซึ่งถือว่าเป็นของรับแขก ดังนั้น หากแม่บ้านบ้าน

ไหน ปล่อยให้น้ำในเต้าปูนแห้ง จนไม่สามารถควักออกมาป้ายได้ แสดงว่าทำหน้าที่บกพร่อง แม่

บ้านที่ดีจึงต้องคอยดูแลเติมน้ำในเตาปูนอยู่เสมอ

 

แม้จะเป็นเรื่องที่คนโบราณสอนไว้ แต่ถือได้ว่าเป็น “เคล็ดลับการครองเรือน” ที่สาวๆ สมัยนี้

สามารถนำไปใช้ได้ และยังเป็นวิธี ผูกใจ” สามีที่ไม่ล้าสมัย หากจะรู้จักประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมอีก

ด้วยนะคะ



SOCIAL NETWORK

Mono Mobile

แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์

Mono Technology

อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007

TAGS

บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา