ช่วยไม่ได้นี่นา บางครั้งก็โมโหจนอยากกรี๊ดให้บ้านกระเจิง เก็บกดอัดไว้ในอกเพราะ
ต้องการรักษาน้ำใจอีกฝ่ายมาก็มาก คราวนี้ทนไม่ไหวจริงๆ ขอเปิดศึกสักตั้ง แต่เพื่อไม่ให้
ถึงขั้นแตกหัก ควรดำเนินการอย่างชาญฉลาดเพื่อให้ความสัมพันธ์ยืนยาวต่อไป
ขั้นแรกของการราวีอย่างได้ผลคือ ต้องทะเลาะแบบให้เกียรติกัน ไม่ใช่ขุดโคตรเหง้าวงศ์
ตระกูลสาวไส้กันถึงบรรพบุรุษเจ็ดชั่วโคตร หลีกเลี่ยงการดูถูกดูแคลน การดุด่าว่ากล่าวตำหนิติ
เตียน หรือการทำให้อีกฝ่ายอับอายขายหน้าประชาชี เพราะการฟาดฟันกันตัวต่อตัวแบบนี้
มักเป็นจุดเริ่มต้นของความเสียหายย่อยยับ ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น และห่างไกลจากคำว่าติเพื่อก่อ
แทนที่จะกล่าวประนามสาดเสียเทเสีย สู้หาเรื่องยกยอสรรเสริญเวลาเขาทำดีจะสวยกว่า เช่น เวลา
เขามาสาย ทั้งที่เราอยากจิกกัดเขาให้สาแก่ใจ เราควรระงับอกระงับใจ แล้วเอ่ยชมอย่างปลาบปลื้ม
เวลาเขามาตรงเวลา กลเม็ดแบบนี้จะช่วยให้เขาชอบมาทันเวลาเพราะอยากได้คำชม แทนที่จะฝืน
ใจมาให้ทันเพราะกลัวถูกด่า
พูดให้ตรงจุดอย่าเลื่อนเปื้อนไปเรื่องอื่น
ตอนแรกก็พูดกันดีๆ ไปๆมาๆชักเครื่องร้อน เพราะเริ่มเอ่ยประโยคต้องห้ามอย่างเช่น “คุณ
ไม่เคยอย่างโน้น…..อย่างนี้” ประโยคแบบนี้มีแต่พาให้บรรยากาศตึงเครียดเปล่าๆ เคล็ดลับมี
ง่ายๆ เหนือสิ่งอื่นใด ควรระลึกเอาไว้ให้ขึ้นใจว่า อดีตก็ควรทิ้งไว้ในอดีต อย่าเอามามั่วกับปัจจุบัน
ทันทีที่เริ่มเปิดศึกก็ควรจดจ่ออยู่แต่เหตุการณ์เฉพาะหน้าและเรื่องที่ตั้งใจสะสางเท่านั้น ห้ามเผลอ
เจาะเวลาหาอดีตให้บรรยากาศลุกลามใหญ่โตเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ การถกกันหลายหัวข้อ รังแต่จะฉุด
ให้เราออกนอกลู่นอกทาง ไกลจากหนทางแก้ปัญหาจนกู่ไม่กลับ
การตั้งกฎหรือตั้งขอบเขตเป็นการดับไฟแต่ต้นลม ช่วยให้เรื่องราวไม่ลุกลาม บางคู่ตั้งกฎไว้
น่ารัก อย่างเช่น ทุกครั้งที่ร่ำๆจะทะเลาะกันก็จะออกไปเดินเล่นด้วยกัน หรือใช้วิธีหลีกลี้หนี
หน้ากันไปสักชั่วโมงสองชั่วโมง แล้วค่อยกลับมาเจอหน้ากันเมื่อรู้สึกว่าอารมณ์ค่อยลดความระอุลง
แล้ว ลองคิดหาวิธีดูก็แล้วกัน รักชอบแบบไหนเลือกดู ขอรับรองว่าเคล็ดลับนี้ไม่มีอันตรายใดๆทั้งสิ้น
ควบคุมความโกรธ
ต้องยอมรับว่า เราทุกคนมิใช่นางฟ้านางสวรรค์ หรือนางเอกละครบางช่องที่ไม่เค้ยไม่เคย
แสดงอารมณ์โกรธ เอาแต่สะอื้นฮักๆ ร่ำไห้กระซิกๆ เราคือปุถุชนคนธรรมดาที่บางครั้งเผลอน็อต
หลุด หมดความอดทนจนระเบิดอารมณ์เข้าใส่กัน หากศึกครั้งนี้เริ่มด้วยการตะเบ็งเสียงว้ากเข้า
ใส่กัน คงต้องท่องเอาไว้ในใจว่า ให้รีบปลีกวิเวกหามุมสงบ ก่อนที่จะเผลอพูดสิ่งที่ทำให้เสียใจ
ในภายหลัง แล้วค่อยกลับมาเจอหน้ากันใหม่ โปรดจำเอาไว้ว่า สิ่งที่ตามมาหลังเสียงกรี๊ดคือตัวการ
สร้างความเจ็บช้ำให้ทุกฝ่าย
สิ่งที่ควรทำ
- เวลาอีกฝ่ายเริ่มขึ้นเสียง รีบบอกเขาไปเลยให้รู้ตัว เพราะบางครั้งความโกรธทำให้คนลืมตัวได้ง่ายๆ
- พยายามแตะเนื้อต้องตัวเขาบ้าง รสสัมผัสที่สื่อตรงจากใจจะช่วยบรรเทาความเครียดและ
ความแรงของบรรยากาศลงได้เยอะเลยเชียว
- เมื่อยุติศึกเสร็จสิ้น ลองถามอีกฝ่ายว่า ก่อนหน้านี้เราได้ทำหรือพูดอะไรที่ทำให้บรรยากาศเลว
ร้ายลงไปหรือเปล่า
- หันมาจี๋จ๋าคืนดีกันให้โลกรู้ไปเลย โดยเฉพาะควรทำต่อหน้าลูกๆอย่างยิ่ง เด็กๆจะได้สบายใจ
เมื่อเห็นว่าพ่อแม่หันมาประนีประนอมกันหลังระเบิดศึกบ้านแทบแตก
สิ่งที่ไม่ควรทำ
- อย่าทะเลาะกันข้ามวันข้ามคืน บางครั้งการเข้านอนทั้งที่ยังโกรธก็ยังดีกว่านั่งถ่างตาเถียงกัน
ปาวๆ ยิ่งเหนื่อยอ่อนก็ยิ่งขาดสติ เราจะแสดงความไร้เหตุผลและหยาบคายมากขึ้นทุกที
สถานการณ์สามารถลุกลามกลายเป็นเรื่องร้ายได้ทุกวินาที หนีไปนอนเอาแรงดีกว่า แล้วค่อยกลับ
มาถกกันหลังจากพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว
- อย่าดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวด้วย ปัญหาสามารถแก้ไขได้ลุล่วงด้วยคนสองคนเท่านั้น โปรดจำไว้
ว่าอย่าใช้ลูก เพื่อน หรือญาติพี่น้องเข้ามาเป็นเครื่องมือในการโต้เถียง
- ห้ามลงไม้ลงมือโดยเด็ดขาด! ไม่ว่าจะโกรธจนอยากฆ่าอีกฝ่ายให้ตายคามือก็ตาม การลงไม้
ลงมือทำร้ายร่างกายมีแต่ผลเสียร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้ารู้ตัวว่ากำลังทำแบบนี้รีบไปหาทางบำบัดซะ ก่อน
ที่อีกฝ่ายจะตายคามือไปเสียก่อน
ทั้งนี้ทั้งนั้นทางที่ดีอย่าทะเลาะกันประเสริญที่สุด หาทางหลีกเลี่ยง แล้วพยายาม
ทำความเข้าใจอีกฝ่าย สื่อสารกันให้ดี ถนอมน้ำใจกันไว้ มีปัญหาก็หันหน้าปรึกษาหาทาง
แก้ไข คนรักกันย่อมต้องประสานใจร่วมมือกัน…จริงไหม