สื่อผู้ดีเลยนำสถิติการเล่นของ ราฮีม สเตอร์ลิง ในฤดูกาลก่อนกับ ลิเวอร์พูล มาเปรียบเทียบกับบรรดาผู้เล่นแนวรุกของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้ง ดาบิด ซิลบา, ซามีร์ นาสรี่, เฆซุต นาบาส ดูจากสถิติแล้วทั้งสี่คนคงจะมีจุดเด่นกันไปคนละแบบ ถ้าหากมีการย้ายทีมจริงก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่ สเตอร์ลิง จะเบียดขึ้นมาเป็นตัวจริงในทีมเรือใบสีฟ้าฤดูกาลหน้า

สเตอร์ลิง – ลงสนาม 35 เกม 7 ประตู 7 แอสซิสต์ ผ่านบอลสำเร็จ 81% เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จ 44%
ซิลบา – ลงสนาม 32 เกม 12 ประตู 7 แอสซิสต์ ผ่านบอลสำเร็จ 86% เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จ 740%
นาสรี่ – ลงสนาม 24 เกม 2 ประตู 6 แอสซิสต์ ผ่านบอลสำเร็จ 90% เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จ 73%
นาบาส – ลงสนาม 35 เกม 0 ประตู 8 แอสซิสต์ ผ่านบอลสำเร็จ 85% เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จ 65%

ไม่รู้ว่าจะรุ่งหรือร่วง? สำหรับการเสริมทัพครั้งใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในรายของเจ้าหนู ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่พวกเขาทุ่มเม็ดเงินมหาศาลถึง 49 ล้านปอนด์ เพื่อกระชากปีกดาวรุ่งวัย 20 ปี รายนี้มาร่วมทัพ โดยทาง สกาย สปอร์ตส์ นำเอาสถิติการกระชากนักเตะสัญชาติอังกฤษ นับตั้งแต่ กลุ่มทุนอาบูดาบี เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร(ปี2008)ซึ่งใช้เม็ดเงินไปกับการคว้าแข้งเลือดผู้ดีมาเพิ่มโควต้านักเตะในประเทศไปแล้วเกือบ 100 ล้านปอนด์

ก่อนหน้านี้ “เรือใบสีฟ้า” ในยุคกลุ่มทุนจาก อาบูดาบี จัดการคว้านักเตะในประเทศเข้ามาค้าแข้งในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม 7 ราย ทว่า 2 รายหลังอย่าง แจ็ค ร็อดเวลล์ และสก็อตต์ ซินแคลร์ กลับมีโอกาสลงสนามในฐานะตัวจริงรวมกันเพียง 9 นัดเท่านั้น สุดท้ายก็แจ้งเกิดไม่สำเร็จจนต้องเก็บข้าวของย้ายออกไปในที่สุด โดยปัจจุบัน แมนฯซิตี้ จำเป็นต้องมีนักเตะฝีเท้าเยี่ยมสัญชาติอังกฤษอยู่ในทีมเนื่องจากเพิ่งปล่อย แฟรงค์ แลมพาร์ด(ส่งคืนจากการยืมตัว) และเจมส์ มิลเนอร์ เพื่อเพิ่มโควต้านักเตะในประเทศตามกฏของพรีเมียร์ลีก

7 นักเตะสัญชาติอังกฤษที่ แมนฯซิตี้ ซื้อเข้ามาเสริมทัพด้วยเม็ดเงิน 95 ล้านปอนด์ นับตั้งแต่ยุคกลุ่มทุนจาก อาบูดาบี เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรเมื่อปี 2008

เวย์น บริดจ์
– 12 ล้านปอนด์ จาก เชลซี
– ลงเล่นเกมลีกในฐานะ 11 ตัวจริง 40 นัด
– ค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4 ฤดูกาล

อดัม จอห์นสัน
– 6 ล้านปอนด์ จาก มิดเดิลสโบรห์
– ลงเล่นเกมลีกในฐานะ 11 ตัวจริง 39 นัด
– ค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3 ฤดูกาล

โจลีออน เลสค็อตต์
– 24 ล้านปอนด์ จาก เอฟเวอร์ตัน
– ลงเล่นเกมลีกในฐานะ 11 ตัวจริง 92 นัด
– ค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 5 ฤดูกาล

แกเร็ธ แบร์รี่
– 12 ล้านปอนด์ จาก แอสตัน วิลล่า
– ลงเล่นเกมลีกในฐานะ 11 ตัวจริง 123 นัด
– ค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4 ฤดูกาล

เจมส์ มิลเนอร์
– 18 ล้านปอนด์ จาก แอสตัน วิลล่า
– ลงเล่นเกมลีกในฐานะ 11 ตัวจริง 89 นัด
– ค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 5 ฤดูกาล

สก็อตต์ ซินแคลร์
– 8 ล้านปอนด์ จาก สวอนซี
– ลงเล่นเกมลีกในฐานะ 11 ตัวจริง 2 นัด
– ค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3 ฤดูกาล

แจ็ค ร็อดเวลล์
– 15 ล้านปอนด์ จาก เอฟเวอร์ตัน
– ลงเล่นเกมลีกในฐานะ 11 ตัวจริง 7 นัด
– ค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 ฤดูกาล

เว็บไซต์ทางการของสโมสร ลิเวอร์พูล ประกาศเปิดตัว แดนนี่ อิงส์ ดาวยิงตัวใหม่ถอดด้ามที่กระชากมาจาก เบิร์นลีย์ หลังจากโชว์ฟอร์มหรูให้กับต้นสังเก่าไปเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา โดยจะสวมเสื้อเบอร์ 28 ให้กับ “หงส์แดง” ลุยศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015/16

ดาวยิงวัย 22 ปี ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกที่ได้ย้ายมาเป็นหนึ่งในสมาชิกใหม่ของสโมสร ลิเวอร์พูล “มันเป็นความรู้สึกที่วิเศษมากๆ แน่นอนก่อนหน้านี้ผมได้ไปพักร้อน แต่ตลอดเวลาผมตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเข้ามาเจอและพบปะกับทุกๆคน”

และเมื่อถูกถามถึงความรู้สึกหลังรับเสื้อหมายเลข 28 มาสวมใส่ในซีซั่นแรกกับ “หงส์แดง” แดนนี่ อิงส์ เผยว่า “ผมได้คุยกับทางเอเยนต์ส่วนตัวและเพื่อนอีก2-3คน พวกเขาบอกว่าการที่ย้ายมาอยูกับสโมสรที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ คุณจำเป็นต้องเอาความกดดันที่มีทั้งหมดออกไปจากตัวคุณ ผมคิดบรรดานักเตะที่ได้หมายเลขเสื้อต่ำๆมาสวมใส่คือบรรดาแข้งระดับซุปเปอร์สตาร์หรือระดับโลก เพราะฉะนั้นสำหรับผมมันถึงสำคัญมาก ที่จะสวมเสื้อเบอร์สูงๆลงเล่นไปก่อน และเมื่อไหร่ที่ผมประสบความสำเร็จ จะขอเอาเสื้อพวกนั้นมาสวมใส่ แต่ตอนนี้ผมขอสวมหมายเลข 28 และก้มหน้าก้มตาฝึกซ้อมอย่างหนักไปก่อน”

ทั้งนี้ แดนนี่ อิงส์ จะเดินทางมาโชว์ฝีเท้าในสีเสื้อแดงเพลิงของ ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการที่แมตช์ที่จะพบกับ ทรู ออลสตาร์ วันที่ 14 กรกฎาคม นี้ ซึ่งทางนักเตะและทีมงานจะบินมาถึงกรุงเทพในวัน อาทิตย์นี้