ความฝันในวัยเด็กของนักร้องสาวเหนือเสียงสวยคนนี้
หนิม-คนึงพิมพ์ ธนพิชชาภรณ์ หรือ หนิม AF5 คือการ
ได้เป็นนักร้อง และเข้าสู่วงการบันเทิง จวบจนกระทั่งเธอ
ได้เข้าสู่บ้านทรูแฟนตาเชียและได้มีโอกาสเดินตามความ
ฝันที่วาดไว้ แต่ในด้านการเรียน ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เธอไม่เคยทิ้ง
จนกระทั่งสามารถต่อยอดการเรียนจนถึงระดับปริญญาโท
ได้สำเร็จ และมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยใจรักทั้งใน
เสียงเพลงและการเรียนรู้ ที่ทำให้เธอมีความสุขอยู่ปัจจุบันนี้
ความฝันวัยเด็กที่เกือบจะท้อ
หนิมชอบการร้องเพลงตั้งแต่เด็ก คือคุณพ่อเห็นเราชอบ
ร้องเพลง ก็เลยตั้งวงดนตรีให้ ก็เริ่มร้องเพลงมาตั้งแต่ม.2
เลยค่ะ ตอนนั้นก็ทำงานรับจ้างเล่นตามอำเภอ ตามหมู่บ้าน
ตอนแรกเรียนร้องเพลงเอง แต่มันยากมากค่ะ โชคดีมีอาจารย์
สอนร้องเพลงท่านหนึ่งได้เห็นเราประกวดร้องเพลง ท่านก็มี
โปรเจคจะตั้งโรงเรียนที่เชียงราย ก็เลยชวนเราไปร้องเพลง
แล้วก็สอนให้เราฟรี เราก็ต้องนั่งรถจากบ้านที่เชียงใหม่ไป
เชียงราย ทำแบบนี้อยู่ 2 ปี ก็ฝึกฝน และเริ่มเข้าประกวด
มาเรื่อยๆ มีช่วงที่ท้อเหมือนกัน ว่าทำไมเรายังไม่ได้เข้า
วงการซะที แต่ก็พยายามทำมาตลอด จนตอนเข้าเรียน
มหาวิทยาลัย แล้วมาประกวด AF นี่แหละ ที่เหมือนกับ
เราได้หลุดมาอีกประตูหนึ่ง มันคุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ
จากสาวเหนือสู่สังคมเพื่อนหลากเพศใน ม.กรุงเทพ
ช่วงนั้นจากที่เรียนอยู่ที่ราชภัฎเชียงใหม่ คณะวิทยา-
การจัดการ ก็เลยต้องดร็อปเรียนไป แล้วก็มาเข้าที่คณะ
นิเทศศาสตร์ เอกโฆษณา ม.กรุงเทพ แทนค่ะ ก็อยาก
เรียนรู้ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของงานบันเทิง แต่การ
เรียนที่เชียงใหม่กับกรุงเทพฯ ก็ค่อนข้างต่างกันนะ ที่นี่
เพื่อนๆเก่งกันทั้งนั้น เพื่อนๆก็มีหลายกลุ่มด้วยค่ะ ยิ่งอย่าง
เพื่อนๆเพศที่สามนี่เก่งกันเยอะมาก ถือเป็นความสามารถ
พิเศษของพวกเขาเลย แต่เพื่อนๆก็น่ารัก คอยช่วยเหลือ
และจริงใจกับเรามาก แต่ปัญหาของ หนิมตอนเรียนน่าจะ
เป็นเรื่องเวลามากกว่า ต้องแบ่งเวลาเรียนกับทำงานให้ดี
แล้วบางครั้งก็มีต้องทำงานกลุ่มกับเพื่อนๆ ก็ต้องพยายาม
เข้าไปช่วยงานกลุ่มให้ได้ ก็โชคดีที่มีโซเชียลมีเดีย
ทำให้งานต่างๆ มันสำเร็จได้ง่ายขึ้น
จากบัณฑิตตรีสู่นักศึกษา ป.โท
พอเรียนจบแล้วตอนนั้นอยากเรียนต่อ ก็คิดว่าไม่ยาก
ก็เลยเลือกนิเทศฯ เอกโฆษณาเหมือนเดิม ก็ได้ทุนจาก
คณะมาด้วย แต่การต่อโทก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนมากค่ะ
เพราะการเรียนโทกินเวลาไปทั้งหมดเลย แล้วเพื่อนๆ
เขาก็เป็นผู้ใหญ่กันเยอะ มีมุมมองที่โตกว่าเรา ตอนแรก
ก็ต้องปรับตัวมาก หนังสือที่เรียนก็เป็นภาษาอังกฤษหมด
ก็ปรับตัวเป็นเทอมเลย ตอนนี้ก็กำลังเข้าสู่การทำ Thesis
อยู่ แต่มันได้ประโยชน์มากๆ หนิมว่าการเรียนตรงนี้สอน
ให้เราเรียนรู้ในหลายๆเรื่อง อย่างเรื่องการพูด การสื่อสาร
ก็ดีขึ้น เหมือนเราต้องกลั่นกรองความคิดก่อนจะพูดอะไร
ออกไป อย่างวิชาวิจัยที่ทำ ก็ทำให้เรารู้เรื่องการตลาด
รู้ว่าเราเป็นศิลปิน เราควรจะโพสช่วงเวลาไหนที่คนจะ
ติดตามเรามากที่สุด เราสามารถจะหยิบทุกๆ วิชามา
ใช้ในประสบการณ์ชีวิตได้หมดเลยค่ะ
เป้าหมายที่อยากลองกับการเกษตรพอเพียง
ในส่วนของงานบันเทิง อย่างร้องเพลงก็คงทำตรงนี้ไป
เรื่อยๆ อย่างล่าสุดก็มีซิงเกิลใหม่ ชื่อ “โปรดจีบฉันที”
เป็นการกลับมาร้องเพลงช้าในรอบ 4-5 ปีเลยค่ะ เพราะ
แฟนๆก็เรียกร้องกันมาเยอะ แล้วก็มีอีกสิ่งที่อยากทำคือ
การเล่นละคร บทดราม่า และมีโอกาสได้แสดงศิลปะการ
ฟ้อนรำด้วย เพราะตอนเด็กๆเคยเรียนมา สำหรับเป้าหมาย
ในอนาคต หนิมอยากจะกลับไปอยู่บ้านแล้วทำเกษตร
แบบพอเพียง เปิดโอกาสให้คนได้ไปเที่ยว เยี่ยมชม
แล้วก็ทำข้าวคุณภาพดีมาขายกระจายรายได้สู่ชุมชน
นี่เป็นความฝันอีกอย่างที่เคยคิดอยู่ในหัวมานานมากแล้ว
หนิมว่า ชีวิตเราควรมีเป้าหมายที่ชัดเจนนะ และมีกำหนด
เวลาที่แน่นอน เพราะนั่นมันจะเป็นสิ่งที่คอยผลักดัน
ตัวเองเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่ตัวเองฝันไว้ได้เร็วขึ้น
