สเก็ตบอร์ดแนวใหม่ พกพาง่าย น้ำหนักเบา ขนาดกระทัดรัด

Favorites_Compare_x_8_sports_skatecycle_with maxresdefault SPECTRUMSKETCH_SC_1000

สเก็ตบอร์ดแนวใหม่ที่ว่านี้ใช้พลังงานไฟฟ้าแล่นได้ระยะทางประมาณ 16-20 กิโลเมตร ทำความเร็วได้ประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว (เครดิต : www.brooklynskate.com.au, www.lunartik.com

มาฟังความคิดเห็นของสาวๆมหาวิทยาลัยกันว่าจะรู้สึกยังไงกับสเก็ตบอร์ดแนวใหม่นี้

1-ยีนส์

(1) ยีนส์-ธฤตวรรณ สินไพบูลย์พล

“น่าสนุกดีนะคะ มีก็แปลกๆ ดี ต่างไปจากเดิมเล็กน้อย จากสเก็ตบอร์ดที่เป็นกระดานแผ่นเดียว ดูเล่นยากๆ บังคับยาก พอมาเป็นแบบนี้แล้วดูเหมือนจะทำให้สามารถบังคับได้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม รูปแบบก็ดูเท่ดีด้วยค่ะ ถือไปไหนก็สะดวกด้วยนะ ดูไม่ได้ใหญ่เกินไป”

2-ใบเตย

(2) ใบเตย-สินีรัตน์ ชิดเชื้อ

“อย่างแรกคงเป็นความเท่มั้งคะที่เห็นคือมันดูเรียบๆ แต่เท่ แถมถ้าเราเอามันออกไปเล่นตอนกลางคืนก็ยังมีแสงไฟรอบวงตรงที่วางเท้าอีก เหมือนหนัง IRON MAM อะไรแบบนั้น ไม่รู้ว่าเล่นยากรึเปล่านะ แต่คือยังไงเราก็ไม่กล้าเล่น สเก็ตบอร์ดธรรมดายังไม่โอเคเลย ต้องใช้การทรงตัวสูงอยู่เหมือนกันกีฬาพวกนี้ ใครที่เล่นเป็นอยู่แล้วคงจะสนุกแน่ๆ”

3-บี

(3) บี-มลฑิรา ตระการเกตุ

“เคยเห็นที่มันดูเท่กว่านี้อ่ะค่ะ ที่มีล้อเดียว อันนั้นดูทรงตัวยากๆ ดี ในซีรี่ส์เกาหลีมีเล่นให้เห็นด้วย แต่ว่าอันนี้ก็ดูดีนะคะ คนที่จะเล่นได้คงต้องฝึกฝนอยู่สักพักเลย ด้วยความที่เป็นไฟฟ้าคงช่วยทุ่นแรงได้เยอะแหละมั้ง อาจจะเล่นได้ง่ายกว่าสเก็ตบอร์ดทั่วๆ ไปก็ได้ แต่แบบเดิมก็เท่นะค่ะ มันยังดูคลาสสิกดี”

4-นิว

(4) นิว-ปุญญิศา ลาภศิริวงศ์

“น่าจะประหยัดเวลาได้เยอะเลย ไถๆ เล่นบนฟุตบาทกำหนดทิศทางได้ตามใจ แต่บ้านเราไม่เหมือนต่างประเทศหาที่เล่นยากกว่าต่างประเทศเยอะเลย ถ้ามีพื้นที่เล่นได้บ่อยๆ นะ ซื้อมาเล่นเลย ราคาก็ไม่ได้แพงด้วย พกพาง่าย เป็นสเก็ตบอร์ดที่เล่นได้สนุกๆ แล้วก็ออกกำลังกายไปในตัว เพราะมันต้องทรงตัวดีๆ ใช่มั้ย”

 

ชีวิตติดสปีดของหนุ่มคนนี้สมเกียรติวงป็อบร็อกจากค่ายสมอลล์รูม

NON THANON SANGLEK

_MG_2831 _MG_9831 IMG_0885 IMG_0886

“Somkiat (สมเกียรติ)” กับการเดินทางที่ยาวนานตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย ของเด็กดนตรีมหิดล เรื่องราวมันส์ๆ ฮาๆ ของหนุ่มทั้ง 5 ที่หนึ่งในความฝันนั้น รวมหนุ่มอารมณ์ดี มือกีต้าร์ของวงอย่างนนท์-ธนญ แสงเล็ก เข้าไปในเส้นทางสายนั้นด้วย  

000ค้นพบไอดอลคนดนตรีวงพาราด็อกซ์

ผมชอบดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ เลย ประมาณป.5 ได้มั้ง มีไอดอลเป็นวงพาราด็อกซ์ ตอนนั้นก็เริ่มหัดเล่น แล้วก็มีรุ่นพี่ๆ มาช่วยสอนด้วย จนช่วงที่จะเข้ามหาวิทยาลัย ก็รู้เลยว่าอยากเป็นนักดนตรี ก็ตัดสินใจเข้ามาสอบที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ เอกดนตรีสมัยนิยม มหิดล ซึ่งกว่าจะสอบได้นี่ค่อนข้างยาก ผมได้เข้าตอนรอบที่สอง เพราะคนสอบเป็นพันคน แล้วยังต้องสอบสัมภาษณ์ ไปนั่งเล่นกีต้าร์ให้อาจารย์ 5-6 คนดูอีก แต่ก็สอบติดจนได้

เจอเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกัน 

พอเข้ามาก็มาเจอเพื่อนในวง Somkiat ที่เรียนมอเดียวกันหมด ชื่อวงมาจากชื่ออู่ซ่อมรถหน้าหอมหิดลครับ 55 ชีวิตของเด็กดนตรีก็เฮ้วๆ มันส์ๆ นะ จริงๆ ตอนเรียนก็เครียด เพราะว่าการเล่นดนตรีมันกลายเป็นการเล่นเพื่อสอบไป คือเรียนก็ต้องพยายาม แต่เวลาเล่นก็สุดขั้ว อย่างพวกผมชอบไปท้าผีในมอ อย่างเรือนไทยในศาลายา เคยไปกันทั้งวงมาแล้ว ถามว่ากลัวผีกันมั้ย กลัวกันทุกคน 55 เดินจับมือกันไป ดีไม่เจออะไรนะ

ความฝันติดสปีดเล็กๆ

ตอนปี 2 เราได้มีโอกาสประกวดโค้กมิวสิกอวอร์ด เลยได้เข้ามาในค่ายสมอลล์รูม ช่วงนั้นก็เรียนไปด้วย ทำเพลงไปด้วย แต่ก็จบ 4 ปีตามเกณฑ์ ช่วงจบแรกๆ รู้สึกเคว้งนิดๆ ก็ไปเป็นอาจารย์สอนดนตรีอยู่พักหนึ่ง แล้วก็เข้ามาทำโปรดักชั่นกับสมอลล์รูมด้วย อย่างซิงเกิ้ลล่าสุด ซิงเกิ้ลที่ 5 ชื่อ “นิสัย” เนื้อหากระแทกกระทั้น แล้วก็เป็นซิงเกิ้ลเพลงเร็วที่สุดเท่าที่เคยทำมา ก็ถือเป็นความท้าทายใหม่ อยากให้คนฟังชอบครับ

รถตู้ของครอบครัวแสงเล็ก

                ผมว่าชีวิตตอนนี้ของผมเหมือนรถตู้ฮุนได คือไม่ได้สปีดเร็วมาก ไปช้าๆ แต่ก็มั่นคงอะ เพราะว่าเรามีทั้งเพื่อนในวงแล้วก็ครอบครัวคอยเป็นกำลังใจให้เสมอ จริงๆ ผมว่าการเรียนจบปริญญาก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้คุณประสบความสำเร็จ เพราะอย่างของวงผม ที่สมอลล์รูมไม่ได้ถามเลยว่าผมจบที่ไหนมา เขามองที่ผลงานมากกว่า แต่ว่าก็อยากจะฝากน้องๆ ที่อยากจะเป็นศิลปินว่า สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความพยายามครับ ตอนที่ผมเรียนผมก็เขียนเพลง 50 กว่าเพลงนะ กว่าจะได้ออกซิงเกิ้ลแรกน่ะ จนมาถึงตอนนี้ ผมก็คิดว่ายังต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เพราะเส้นทางมันไม่ได้หยุดแค่นี้ มันยังมีอะไรให้เราเรียนรู้อีกเยอะ แค่เราทำทุกอย่างให้เต็มที่ก็พอแล้ว