นางแบบหน้าหวานหุ่นดีแห่งบ้าน THE FACE THAILAND SEASON 2 กวาง-วรรณปิยะ ออมสินนพกุล

เรื่องราวชีวิตในมหา’ลัยที่เธอต้องใช้ความดับเบิ้ลสตรองกว่าในรายการหลายๆ เท่ากว่าจะผ่านมันมาได้จนมีวันนี้

กวาง7

เลือกเข้ามหาวิทยาลัยแผนสอง

                ตอนเอนส์ช่วงแรกอยากเรียนด้านแฟชั่นดีไซน์ที่ธรรมศาสตร์เหมือนพี่สาวอีกสองคน แต่คือคุณแม่ไม่มีคนอยู่บ้านเป็นเพื่อน ก็เลยตัดสินใจเอนส์ที่ใกล้บ้าน (จ.เลย) ดีกว่า เลยมีแผนสอง ซึ่งกวางมองว่าเวลาเราจะวางแผนทำอะไรสักอย่าง เราควรจะมีแผนสองไว้ด้วย ก็เลยเลือกคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เอกภาษาจีน ม.ขอนแก่นแทน เพราะว่าตอนนั้นก็มีความใฝ่ฝันอยากเป็นแอร์ด้วยค่ะ  

นักศึกษาภาษาจีนสุดสตรอง

การเรียนภาษาจีนยากนะ เพราะว่าภาษาจีนเป็นภาษาที่ถ้าขาดขีดไปแค่ตัวหนึ่ง ความหมายมันก็เปลี่ยนแล้ว เราก็ต้องใช้ความเข้าใจพอสมควร ช่วงที่สตรองสุดๆ คงเป็นช่วงที่ทำธีสิสใกล้จบ ก็แก้หลายรอบ ธีสิสหนา 200 หน้าแก้ให้เหลือ 100 หน้า พรีเซนต์ก็ไม่ผ่านซะที ก็เครียดสุดๆ เพราะธีสิสคือตัวกำหนดของเราเลยว่าจะทำให้เราจบพร้อมเพื่อนหรือเปล่า แต่ระหว่างที่เครียดก็พยายามคลายเครียดด้วยการแอบไปนั่งในห้องสมุดหรือตามคาเฟ่ เพราะถ้าเราไม่ผ่อนคลาย เราก็จะทำอะไรต่อไม่ได้ เราต้องไม่เอาความเครียดมาทำให้เรากดดัน

กวาง5

บัณฑิตหน้าใสที่อาจไม่ได้ใช้ในชีวิตจริง

สำหรับกวาง ความหมายของบัณฑิตจบใหม่มันอาจจะเป็นการเรียนสูตรคูณหรือท่องสแควร์รูทแล้วไม่ได้ใช้ในชีวิตจริงก็ได้ อย่างกวางเองตอนนี้ก็ไม่ได้ทำด้านที่จบมาเหมือนกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราได้มากกว่านั้น คืออย่างน้อยเราก็ได้เรียนไง ได้ฝึกสมองในระดับที่ยากขึ้นไปอีก แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรที่ยากเกินไปหรอกที่เราจะทำได้

ก้าวกระโดดเข้ามาในวงการบันเทิง

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงหลังจากจบมาแล้ว คือ การโตขึ้นในหลายระดับ เพราะตอนเราเรียนก็เป็นหนึ่ง พอเรียนจบก็เป็นสอง พอตอนนี้ได้มีโอกาสก้าวเข้ามาในวงการก็ต้องขึ้นเป็นห้าหรือหกเลย แล้วเราก็ต้องปรับตัวให้มีวินัย มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และต้องจัดการตัวเองให้ได้ว่าเราควรดำเนินชีวิตไปในทิศทางไหนต่อไป กวางว่าเราทุกคนมีด้านไฟลท์ของตัวเองไม่ว่าจะต้องเจออุปสรรคอะไรเราก็ต้องสู้แล้วล่ะ เราต้องแก้ไขปัญหามันไปให้ได้ เพราะปัญหามันจะมีมาให้เราแก้ทุกวัน

กวาง3 P9480115

มารูจัก เต๋อ-รัฐนันท์ จรรยาจิรวงศ์ จากไดอารี่ตุ้ดซี่และพิธีกรช่องmono29

หนึ่งในอาชีพยอดนิยมของบัณฑิตจบใหม่ กับความเป็นพิธีกรมาดมั่นดูดี บุคลิกเฮฮา ในรายการ ENTAINMENT NOW ช่อง MONO29 เต๋อ-รัฐนันท์ จรรยาจิรวงศ์ ด้วยประสบการณ์การทำงานสายสื่อสารมวลชนมากว่า 7 ปี มุมมองคมๆ กึ่งติสท์ของเขาน่าจะเป็นข้อคิดเจ๋งๆ สำหรับคนทำงานรุ่นใหม่ให้นำแนวคิดไปคลิกต่อเพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป

DSC_0017

มันเป็นไปไม่ได้ที่ภารโรงคนหนึ่งจะบอกตัวเองว่าเป็นภารโรงเพียงเพราะตัวเองมีไม้กวาด มีชุดภารโรงให้ใส่ แต่ภารโรงควรจะต้องรู้ว่าฝุ่นแบบนี้ใช้ไม้กวาดแบบไหน คราบหมากฝรั่งควรจะทำความสะอาดยังไงให้พื้นมันกลับมาในสภาพผิวเดิมให้มากที่สุด

DSC_0032 IMG_6264

INSPIRATION

พิธีกรหนุ่มตี๋เริ่มต้นการเรียนที่มหาวิทยาลัยเอแบค ในสาย Communication Art, Advertising จากช่วงมัธยมปลายที่ได้เรียนแลกเปลี่ยนยังต่างประเทศ จนกระทั่งหนุ่มเต๋อได้ก้าวเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยอินเตอร์ของไทย ได้ออกค้นหาในสิ่งที่ตัวเองชอบ แม้ว่าเต๋อจะค้นพบการเรียนเอกฟิล์มซึ่งถือเป็นความชอบของตัวเองอย่างที่สุด แต่เขาก็ค้นพบว่าการได้เรียนรู้ในสายใหม่ๆ ก็เป็นอะไรที่ท้าทายไม่แพ้กัน ความชอบที่ต้องเจอกับขีดจำกัดบางอย่าง ในโลกแห่งความเป็นจริงที่บางครั้งสิ่งที่เราชอบ เราอาจจะทำได้ไม่ดีจริงๆ นี่คือทางเลือกในมหาวิทยาลัยที่หลายๆ คนอาจต้องพบเจอ

IMPORTANT IN A CAREER

“ผมเริ่มทำงานตอนใกล้จะเรียนจบแล้ว ก็ทำทุกอย่างที่ได้เงินนะ เพราะอยากได้เงินโดยไม่ต้องขอคนอื่นใช้ มันเจ๋งนะ ตอนนั้นเลยเริ่มทำตั้งแต่ MC งานอีเว้นท์ต่างๆ จนกระทั่งได้มาเริ่มจริงจังกับงานพิธีกรตอนจบใหม่ๆ เพราะได้ไปประกวดพิธีกรรายการหนึ่ง แล้วก็ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานเป็นพิธีกรในรายการ ENTERTAINMENT NOW ช่วงแรกของการทำงานปัญหาที่เจอคือเราอยู่ในโลกส่วนตัวมากเกินไป แล้วนิสัยเราจะค่อนข้างหักก็คือหัก แต่พอได้ทำงานไปสักพัก เราก็เริ่มเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองมากขึ้น งานในวงการบันเทิงมันค่อนข้างเซ็นซิทีฟกว่างานในออฟฟิศ ยิ่งถ้ามีชื่อเสียง ความอ่อนไหวระดับแรงหลายริกเตอร์ทีเดียว เพราะฉะนั้น การเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้อยู่ได้เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ถ้าถามแนวคิดในการทำงานของผมตั้งแต่ผมจบมาใหม่ๆ เลยมีสามข้อ คือ หนึ่ง เรียนรู้พื้นฐานของสิ่งที่เราทำ สอง คือ การทำซ้ำ และสาม นั่นคือพอทำซ้ำแล้วก็ต้องพัฒนาต่อไป ผมว่าเป็นเรื่องง่ายมาก ทุกคนสามารถเอาไปลองใช้ได้เลย สำหรับผมตอนนี้งานอะไรที่เกี่ยวข้องความเป็นศิลปะ ผมชื่นชอบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการพูด ศิลปะการทำอาหาร ศิลปะการแสดง อย่างการเป็นนักแสดงใน Diary Tootsies The Series ก็ยากมากในการที่เราจะเลียนแบบทักษะธรรมชาติของมนุษย์ให้เป็นธรรมชาติ ผมรู้แล้วว่าความฝันของผมคืออะไร ผมชอบงานพิธีกร ผมชอบดูหนัง ชอบการแสดง ทุกอย่างที่เราได้ทำมันเก็บเกี่ยวได้หมด และในอนาคตต่อไปถ้ามีโอกาส ก็อยากจะลองทำธุรกิจของตัวเอง เป็นรางวัลแด่คนช่างฝันที่คิดเยอะ แต่ตอนนี้คงยังไม่ได้ทำนะ 55”

THINKING TO GRADUATION

“ตอนที่จบใหม่ๆ ผมรู้สึกแค่เราได้รับความรู้บางอย่างที่คนอื่นอาจจะไม่มี แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นอะ คือชีวิตเราต้องเดินต่อไป มันตลกนะที่จะบอกว่าวันนี้ฉันถือดีกรีออกมา ชั้นจบปริญญาตรีแล้ว ชั้นพร้อมที่จะไปสู้โลก มันไม่ใช่ มันเป็นการตอกย้ำความเชื่อที่ว่ากระดาษมันเป็นสิ่งของที่ทำให้เราหลงในอัตตาของตัวเอง ทุกอย่างหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับความพยายาม ความฉลาด ความรอบรู้ของคนมากกว่า เพราะชีวิตจริงเราไม่มานั่งพกใบปริญญาให้ใครดูหรอกว่าเราจบ  ด็อกเตอร์มา แต่เราจะรู้ปัญญาของคนๆ นั้นจากการที่เราได้คลุกคลีกับเขา ผมรู้สึกนะว่าเด็กยุคนี้โตมากับความรวดเร็ว ยังมีอะไรให้เราได้เจออีกเยอะ อยากให้น้องๆ ลองสังเกตแล้วปรับเปลี่ยนมันให้ได้ อย่างงานพิธีกร สิ่งที่พิธีกรทุกคนควรจะมีก็คือใจที่อยากเรียนรู้ เดือนๆ หนึ่งผมซื้อนิตยสารเยอะมาก คือต้องอ่านเพื่อหาความรู้ให้เยอะๆ แต่ว่าโดยรวมทักษะทุกอย่างมันก็ฝึกฝนกันได้ แต่สิ่งหนึ่งที่น่าจะสอนกันยากก็คือเราต้องให้ความเคารพในสิ่งที่เราทำ ถ้ามันเป็นหน้าที่ของเรา ก็ต้องทำให้ดีที่สุด มันเป็นไปไม่ได้ที่ภารโรงคนหนึ่งจะบอกตัวเองว่าเป็นภารโรงเพียงเพราะตัวเองมีไม้กวาด มีชุดภารโรงให้ใส่ แต่ภารโรงควรจะต้องรู้ว่าฝุ่นแบบนี้ใช้ไม้กวาดแบบไหน คราบหมากฝรั่งควรจะทำความสะอาดยังไงให้พื้นมันกลับมาในสภาพผิวเดิมให้มากที่สุด”

4 ความงามของผู้หญิง ที่ผู้ชายไม่ปลี้ม!

รู้รึเปล่า ความงาม เครื่องสำอางค์ที่เราเติมแต่งกันอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็น คอนแทค ขนตาปลอม อายไลเนอร์ ลิปสติกสีสดๆแจ่ม!! มันอาจจะทำให้ ผู้ชาย ยี้เอาก็เป็นได้นะ เพราะอะไร? ต้องตาม มาดู

large (6)

ขนตาปลอม แต่งหน้าหนาเตอะ ถ้า ไม่ใช่คนที่ใส่ขนตาปลอมเก่งๆ อย่าเพิ่งใส่เวลาอยู่กับแฟนดีกว่านะคะ มันดูไม่ธรรมชาติเอามากๆ สาวๆบางคนใส่ขนตาปลอมทั้งหนาทั้งยาว สำหรับสาวๆที่ชอบการแต่งหน้าเป็นชีวิตจิตใจ แต่งให้อย่าเกินงาม จนปกปิดความงามที่แท้จริง หรือปกปิดสิ่งที่คุณไม่มั่นใจแต่เขาไม่เคยที่จะแคร์เสียด้วยซ้ำ ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงที่เป็นธรรมชาติมากกว่าแต่งเกินงามค่ะ

กลิ่นน้ำยาทาเล็บ ผู้หญิง เราน่ะ จะร้อน จะเจ็บ จะเหม็นแค่ไหน เราก็ทนได้เพื่อความงาม แต่เขาน่ะไม่หรอกค่ะ ถ้าจะทาเล็บ ก็อย่าทาตอนอยู่ด้วยกัน หรือแม้แต่ตอนล้างน้ำยาก็เถอะ มันจะเหม็นจนเขาปวดหัว และพาลหงุดหงิดไปเลยก็ได้

กลิตเตอร์ ข้อ นี้สำหรับสาวๆที่มักไปปาร์ตี้และชอบที่จะมีกลิตเตอร์วิบวับๆบนเรือนร่างหรือ เส้นผม แต่ถ้าวันปกติที่ไปเดทกันหรืออยู่ด้วยกัน อย่าใช้จะดีกว่าค่ะ เพราะมันทิ้งร่องรอยไว้กับเสื้อผ้าและบนตัวเขาที่เขารู้สึกว่ามันไม่แมน และน่ารำคาญเสียด้วย

บีบสิว เรา เองก็ไม่ชอบเห็นผู้ชายบีบสิวเหมือนกัน บางคนถึงขั้นขยะแขยง ฉะนั้นเราเองก็ไม่ควรทำ แม้จะเป็นเม็ดเล็กๆ สิวเสี้ยนหรืออะไรก็ตาม เอาไว้ทำเวลาอยู่คนเดียวดีกว่า สบายใจกว่าเยอะ