มาทำความรู้จัก อีกหนึ่งสาวดาวโรงเรียน สาวแพรว จิราภรณ์ ทองย้อย จากโรงเรียนรักษ์วิทยา เดินทางมาจากประจวบคีรีขันธ์ เพื่อมาถ่าย High School Girl โดยเฉพาะแบบนี้ ปลื้มสุดๆ วันนี้เราได้รู้เรื่องราวของเธอกัน
Monthly Archives: May 2017
มาเป็นนางงามกันสักวันกับคำถามที่ว่า
‘ถ้ามีโอกาสได้ช่วยเหลือปัญหาสักด้านหนึ่งในสังคม หรือในประเทศ’ สาวๆ ชาวมอจะเลือกช่วยเหลือด้านไหนกันบ้าง?
(1) แจน-ชนิภา รักวนิชย์ ปี 2 วิทยาศาสตร์ จุฬาฯ
“อยากช่วยเหลือสุนัขค่ะ เพราะน้องหมาก็เป็นสัตว์ที่มีชีวิตจิตใจ แต่บางคนชอบไปดูถูก แล้วก็ทำร้ายเขา โดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรเรา อยากรณรงค์ในเรื่องไม่ให้คนไปทารุณกรรมน้องหมา”
(2) มิล-ชยุตรา ธาตุวิเศษ ปี 1 วิศวกรรมศาสตร์ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีฯ
“การศึกษาแก่เด็กยากไร้ค่ะ คือเรารู้สึกได้ว่า เด็กด้อยโอกาสมีเยอะมากขึ้น แล้วหลายๆ คนก็ถูกปล่อยปะละเลย ได้รับการศึกษาบ้าง ไม่ได้รับบ้าง ก็อยากที่จะให้เขาได้เรียนแบบเท่าเทียมกันค่ะ”
(3) นิ-ณิชา โลหะยืนยงสุข ปี 2 จิตวิทยา จุฬา
“อยากจะช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาดาวน์ซินโดรม เพราะว่าเขาไม่สามารถเรียนหรือใช้ชีวิตร่วมกับคนธรรมดาได้ถ้าไม่มีความรู้ จริงๆ เขาก็สามารถเรียนรู้ได้ถ้ามีคนเข้าใจให้โอกาส เลยอยากจะสร้างศูนย์การเรียนรู้ให้เขา”
(4) แอนนา-สุชาดา คาเมยาม่า
“อยากจะช่วยเหลือสัตว์ค่ะ เพราะว่าเป็นคนรักสัตว์อยู่แล้ว คือเราก็เห็นกล่องรับบริจาคเกี่ยวกับสัตว์น้อย เวลาบริจาคทีเขาก็จะระบุเป็นที่ๆ ไป แต่ถ้าเป็นเราก็อยากจะทำกล่องขึ้นมา แล้วนำเงินนั้นไปกระจายช่วยเหลือให้ทั่วๆ”
(5) ฟ่ง-ธนาภา เดชาทวีกุล
“ช่วยเหลือสัตว์ที่อยู่ในสวนสัตว์ ถ้าอยู่ด้านนอกเรายังช่วยเหลือได้ง่ายกว่า แต่สัตว์ที่อยู่ในสวนสัตว์มันเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้ง่ายๆ อยากจะให้คนหันมองตรงนี้ให้มากขึ้น เพราะมีข่าวสวนสัตว์หลายที่ที่ละเลย ปล่อยทิ้งร้าง ทอดทิ้งสัตว์ในนั้นไม่ดูแล”
(6) เนอส-พุธธิดา เพิ่มพรสกุล ปี 4 เภสัชศาสตร์ จุฬาฯ
“เป็นการช่วยเหลือผู้บริโภคทั่วๆ ไปค่ะ เรื่องสื่อโฆษณา อาจจะไม่ได้ดูน่าเห็นใจเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้สื่อมันไปไกล มันทำให้เกิดปัญหาได้ง่าย เราไม่อยากให้ผู้ใหญ่หรือเด็กถูกชักจูงไปง่ายๆ อยากให้มีการรณรงค์”
“.ONCE” ผลงานแบรนด์คุณภาพที่ช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา
นักศึกษาหนุ่มไฟแรง จุ้ย–จิระ ชนะบริบูรณ์ชัย ปี 2 คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ ม.กรุงเทพ ที่ผลิตมาเพื่อช่วยสังคมโดยเฉพาะ
แรงบันดาลใจ :
จุดเริ่มต้นมาจากคุณลุง คุณป้าของผมเอง คือ ท่านเป็นผู้พิการทางสายตาครับ ผมอยู่กับท่านมาตั้งแต่เด็ก สังเกตุเขาหลายๆ อย่าง เช่นเรื่องเสื้อผ้า เขาก็จะเลือกสีด้วยตัวเองไม่ได้ แต่สามารถเลือกเสื้อตัวไหนเป็นคอกลมคอวีได้ บางทีเสื้อมันเต็มตู้ไปหมดเลยก็ต้องเรียกคนตาดีมาช่วยเลือก บางทีเราก็ต้องไปช่วยเขาตลอด เลยทำให้ผมเริ่มต้นว่าจะทำอะไรเพื่อเขาได้บ้าง ก็เลยทำนวัตกรรมตัวนี้ขึ้นมา ทำให้เขาสามารถเลือกสี เลือกไซส์เองได้ คือ มันเป็นธุระกิจที่มันไม่ใช่แค่ธุรกิจ เป็นการตอบแทนพระคุณที่ท่านเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กด้วย ก็เป็นแรงบันดาลใจทำให้ผมเริ่มทำตรงนี้มาตั้งแต่ต้น
จุดเด่น :
จุดอยู่ที่นวัตกรรมครับ เป็นนวัตกรรมที่เราทำให้ผู้พิการเลือกสี แล้วก็ไซส์เองได้ ใช้เทคนิคพิเศษที่ทำให้ผู้พิการสามารถสัมผัสอักษรเบลล์บนวัตถุ ทำให้สามารถรู้ได้ว่าสิ่งของชิ้นนี้คืออะไร สีอะไร ไซส์อะไร แล้วสิ่งที่เราทำเพื่อสังคมอันนี้ คือ โมเดลโซเชียลเอ็นเตอร์ไพรส์ที่ทำให้เราเดินมาได้จนถึงทุกวันนี้ครับ คือเราทำอย่างจริงใจ เราให้ไปก่อน เราก็ได้รับความจริงใจกลับมา
การดำเนินงาน ผลตอบรับ :
ผมก็จะมีเพื่อนจาก ม.ศิลปกรคนหนึ่งมาช่วยดูเรื่องของการออกแบบดีไซน์ครับ แล้วก็มีอาจารย์ทางคณะมาช่วยดูเรื่องการบริหารให้ เมื่อไม่นานมานี้ได้ไปทำ MOU กับสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ที่เราจะพัฒนามูลนิธิคนตาบอด ก็ได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ คน ซึ่งธุรกิจนี้ผมเริ่มต้นมาตั้งแต่อายุ 18 ปี ตอนนี้ก็อยู่ปี 2 และยังได้ร่วมโครงการชื่อ ‘พอแล้วดี’ โครงการนี้จะคัดเลือกธุรกิจพอเพียงมาเป็นต้นแบบ ธุรกิจของเราทำเพื่อสังคม แต่ว่าสิ่งที่เราทำเราเอาความพอเพียงที่ในหลวงเราสอนมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจด้วย มันทำให้เติบโตไปอย่างยั่งยืนและมั่นคง ตัวแบรนด์ได้รับผลตอบรับที่ดี มีคนไปบอกต่อๆ ว่า เราทำอะไร สำหรับผมนวัตกรรมและการทำอย่างจริงใจ 2 อย่างนี้คือสิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จ
อุปสรรค และการแก้ไข :
ตอนเริ่มคือมันเหนื่อยมาก ตอนแรกมีทีม 4 คน แล้วด้วยความที่เกิดความขัดแย้งกันนิดหน่อยความคิดเห็นไม่ตรงกันเค้าก็ออกไป ก็กว่าจะล้มลุกคลุกคลานมาได้ แต่โชคดีที่ทีมที่เหลือเอาเสื้อไปส่งกับโครงการ ‘ไอเดียแรกร้าน’ ของ ม.กรุงเทพ ที่นี้ผมก็ได้ทุนมาพัฒนานวัตกรรมตรงนี้ พอเสร็จแล้วเราก็เริ่มฟอร์มทีม คือช่วงนั้นเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตเลย เพราะว่าครูก็เริ่มไม่เข้าใจว่าเราทำอะไร เพื่อนก็ดันหนีไปอีก พ่อแม่ก็ไม่เข้าใจว่าเราทำอะไร พ่อแม่ก็พูดว่าจะทำเหรอ จะทำได้เหรอ แต่เราก็สู้ไม่ถอย ตอนนั้นพยายามหาแรงบันดาลใจ หากำลังใจ นั่งเปิดดู Facebook พวกคำปลอบใจ แคปชั่นอะไรพวกนี้ (หัวเราะ) โชคดีที่ไปสอนรุ่นน้องที่โรงเรียนคนตาบอด สิ่งที่เราเห็นคือ น้องๆ เขารอเราอยู่ ผมก็เลยสู้ต่อไป จนถึงวันนี้ที่มันสำเร็จขึ้นมาได้ ทุกคนก็เริ่มยอมรับ คุณพ่อคุณแม่ก็เริ่มเห็นด้วย แล้วเขาก็เข้ามาช่วยในหลายๆ ส่วนเลย ครูก็เข้ามาช่วยจนผ่านมากได้
ฝากถึงน้อง :
อยากฝากให้น้องๆ ให้กล้าคิดกล้าที่จะทำสิ่งที่สำคัญเลย คือ เราจะทำอะไรก็แล้วแต่ ให้เรานึกถึงคนอื่นด้วย เพราะการทำที่ไม่นึกถึงคนอื่นมันก็จะไม่มีความสำเร็จ และก็จะไม่มีความยั่งยืนในการทำอะไรใดๆ ทั้งสิ้น


















