ทำความรู้จัก น้องพลอย ญาณิศา ไมเยอร์จากโรงเรียนสตรีนนทบุรี สาวสวยที่พกพาความมั่นใจเต็มร้อย มาแสดงความสามารถและเรื่องราวที่อยากให้ทุกคนได้รู้จัก^^

“ศูนย์พัฒนาการพูดรามคำแหง” มหาวิทยาลัยรามคำแหง

 การพูดสามารถสร้างความประทับใจให้ผู้คนได้ และการพูดก็สามารถทำร้ายผู้คนได้เช่นกัน การพูดให้ได้ดี หรือพูดอย่างสร้างสรรค์ไม่ใช้ว่าทุกคนจะทำได้ แต่เราสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงการพูดของตัวเองได้ 

ประวัติความเป็นมา

คณะนักศึกษากลุ่มหนึ่งได้เล็งเห็นคุณค่าและความสำคัญของการพูดจึงได้ร่วมกันจัดตั้งกลุ่มกิจกรรมขึ้นเป็น “ศูนย์พัฒนาการพูดรามคำแหง” ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2522 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดกิจกรรมด้านการพัฒนาการพูด และจัดกิจกรรมที่สร้างสรรค์เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ซึ่งได้แต่งตั้งให้ คุณเอกกฤษ อุณหกานต์ เป็นประธานศูนย์พัฒนาการพูดรามคำแหงคนแรก และได้เรียนเชิญ ท่านรองศาสตราจารย์ เรืองยศ แสนภักดี อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา จากนั้นศูนย์พัฒนาการพูดรามคำแหงได้จัดอบรมศิลปะการพูดในชื่อ “โครงการพัฒนาบุคลิกภาพและการพูด” ขึ้นจำนวน 2 รุ่นต่อปีสืบมาจนถึงปัจจุบัน

กิจกรรมเด่นของศูนย์

1.อบรมพัฒนาบุคลิกภาพและการพูด

2.ศูนย์สัมพันธ์

สิ่งที่จะได้รับจากการเรียนกับศูนย์พัฒนาการพูดรามคำแหง

ในชีวิตประจำวันของคนเรานั้นบุคลิกภาพและการสื่อความหมายด้วยการพูดนั้นมีความจำเป็นอย่างมาก การพูดอย่างมีประสิทธิภาพย่อมก่อให้เกิดผลดีแก่ผู้พูด ผู้ฟัง และส่วนรวม ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการศึกษาหาความรู้  และฝึกฝนด้านทักษะให้มีความชำนาญ และรู้สึกโอกาสในการพูดเมื่อมีการฝึกฝนหรือใฝ่เรียนรู้มากเท่าใดย่อมทำให้ผู้เรียนได้รับความรู้เพิ่มมากขึ้น ก่อให้เกิดเทคนิคและศิลปะในการพูดที่ดี

ผลงานเด่น

นายตรัย นุ่มแก้ว หรือ “แม็กซ์ เดี่ยวดวลไมค์ไทยแลนด์” จากรายการที่เฟ้นหาสุดยอดนักพูดฝีปากกล้า

• จบการศึกษาจาก ม.รามคำแหง ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ 2 ปีครึ่ง ปีการศึกษา 2554
• ปริญญาโท สาขาบริหารงานยุติธรรมรุ่น 23
• เป็นประธานโครงการพัฒนาบุคลิกภาพและการพูดรามคำแหง รุ่นที่ 65
• เป็นประธานศูนย์พัฒนาการพูดรามคำแหง ปี 2555
• ปัจจุบัน รับราชการ ตำแหน่งพนักงานคดีปกครองประจำศาลปกครอง
• ผู้ประกาศข่าวทางช่องเวิร์คพอยท์

ฝากถึงนิสิตนักศึกษา และบุคคลภายนอกที่สนใจ

ศูนย์พัฒนาการพูดรามคำแหง ยินดีที่จะจัดอบรมให้ท่านได้ความรู้และฝึกฝนตนเองด้านการพูด การนำเสนอ เพื่อที่จะให้ท่านได้นำทักษะไปใช้ประโยชน์ในอนาคต ซึ่งได้รับความรู้และเทคนิคจากท่านวิทยาการระดับประเทศหลายๆท่าน

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ เพจ facebook  : ศูนย์พัฒนาการพูดรามคำแหง

วาทการนี้เป็นเช่นของสูง        เป็นเครื่องจูงใจคนดั่งมนต์ขลัง

เป็นทั้งศิลป์ทั้งศาสตร์ทรงพลัง        อีกเป็นทั้งศาสตราและอาภรณ์

เราจะใช้วิชาล้ำค่านี้              เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีเป็นนุสรณ์

เพื่อเทิดธรรมพัฒนาประชากร       เพื่อบ้านเกิดเมืองนอนแผ่นดินไทย

                                                                                                     ปฏิญญา

                                                                                    ศูนย์พัฒนาการพูดรามคำแหง

(1) KAT

                วีรกรรมเจ็บตัวเกือบเสียโฉมของ แคท-นภวรรณ ทั่งรอด ปี 3 คณะศิลปกรรมศาสตร์ ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

                “วีรกรรมของหนูจะเป็นช่วงมัธยม ตอนม.6 เลยค่ะ คือตอนนั้นช่วงที่มีกีฬา เป็นปีแรกที่มีให้เล่นฟุตซอลหญิง หนูก็ได้รับไปเล่น แล้วได้เป็นโกลเพราะว่าตัวสูงมากกว่าใครเพื่อน ระหว่างก่อนวันแข่งก็ซ้อมรับลูก ตัดลูก แต่พอวันแข่งจริงแมตแรกสบายมาก แมตที่สอง หูย เกมนี่มันยากอะ หนูก็พยายามบอกเพื่อนให้ออกไป ให้ระวังลูกด้วยนะ คอยดูฝั่งนู้นด้วย จนเขาวิ่งเข้ามาแล้วบอลมันก็เข้ามาจะถึงหนูแล้ว ไม่มีใครเข้ามาสกัด หนูก็เลยจะวิ่งออกไปรับเอาบอลเอง สุดท้ายคือฝั่งตรงข้ามเขาสไลด์มา เข่าเขากระแทกเข้าเบ้าตาหนูเต็มๆ หลับไปเลย ต้องไปหาหมอ ตื่นมาเจ็บมาก ถามเพื่อนหน้าหนูเป็นยังไงบ้าง กลัวมากตอนนั้น ก็เป็นแผล แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่เข็ดอีก กลับไปเล่นกีฬาให้อีกเป็นแชร์บอลแทน”

(2) MINE

                มาย-ธัญญเรศ วงษ์สวัสดิ์ ปี  3 คณะดนตรีและการแสดง ม.บูรพา แอบชอบเขามาตั้งนาน พอจะเชื่อความสัมพันธ์ดันมีเหตุซะได้

“หนุเรียนการแสดง ที่เอกก็จะต้องมีการเล่นละคร ทีนี้หนูก็ได้รับเลือกให้เล่นละครของเอก ได้เล่นคู่กับพี่ผู้ชายอีกคนหนึ่งที่หนูแอบปลื้มพี่เขามากๆ คือชื่นชอบเขาในด้านการแสดง หน้าตา หุ่นเขา คือเห็นเขาเล่นกีฬาทุกอย่างเลยนะ เขาก็ดูหล่ออะ ถ้าถามคนอื่นก็ต้องบอกว่าเขาหล่อมากๆ แบบหนูก็แอบปลื้มๆ เขามานานมาก แต่ว่ามีอยู่วันหนึ่ง หนูให้เพื่อนสนิทที่เป็นเกย์ไปขอเบอร์พี่ผู้ชายคนนั้น สรุปจ้า พี่เขาก็เป็นเกย์เหมือนกัน! หนูก็อึ้งไปเลย พี่เขาหล่อมากอะ แต่สุดท้ายก็ไม่อะไรนะ ก็แค่หนูต้องผิดหวังจากพี่เขาเท่านั้นเอง”

(3) MIMI

                มีมี่-กัลยรัตน์ ขัติยะ ปี 3 คณะการท่องเที่ยวและการบริการ ม.รังสิต กระโปรงพลีทจ๋าลาก่อน

                “เรื่องความเปิ่นของมี่ล่าสุดก็ตอนปี 2 คือมี่เรียนการบิน แล้วการบินจะมีตึกแยกของตัวเองออกมา มี่เรียนที่ตึกการบินก็จะเป็นตึกที่ลมพัดแรงดีมาก แล้ววันนั้นลมก็พัดแรงมากเช่นกัน วันที่มี่เดินผ่านมี่ดันใส่กระโปรงพลีทด้วย กระโปรงก็เปิดสิคะ คือไม่ต้องคิดเลยลมแรงขนาดนั้นยังใส่พลีทมา ที่ซวยไปกว่านั้นคือระหว่างนั้นมีแก๊งนักบินเดินมาเป็นกลุ่มเลยค่ะ เป็นกลุ่มใหญ่เลยนะ มือก็ถือหนังสือ อีกมือถือกระเป๋า ไม่มีมือจะปิดกระโปรงแล้ว มี่เลยทิ้งทุกอย่างลงพื้นเลยค่ะ แล้วเอามือมาปิดกระโปรง ทีนี้ก็มีคนหันมามองเต็มเลยค่ะ มี่เชื่อว่าทุกคนเห็นแน่ๆ คนรอบๆ ที่อยู่วันนั้น หลังจากนั้นคือไม่ใส่กระโปรงพลีทอีกเลย กระโปรงพลีทเราตัดขาดกันไปเลยนะ ไม่อยากจะเจอเหตุการณ์แบบนั้นอีก”

(4) PLOY

                พลอย-มีนา ห้วยสวัสดิ์ ปี 1 คณะวิทยาลัยการท่องเที่ยวและการบริการ ม.ศรีปทุม เรื่องน่าอายที่จะไม่มีวันทำอีกแน่นอน

                “เรื่องนี้เพิ่งผ่านมาเลย คือ ตอนนั้นไปเมเจอร์รัชโยธิน ทีนี้ห้องน้ำชั้น 1 กับชั้น 2 ฝั่งผู้ชายกับผู้หญิงมันจะสลับฝั่งกัน แต่หนูลืมไง เดินเข้าห้องน้ำอย่างมั่นใจเลย เดินตรงเข้าไปตรงทางเดิน เปิดประตูเข้าไปแล้วเจอผู้ชายยืนอยู่ ตอนนั้นก็ปวดเบา จะเข้าห้องน้ำแล้ว ไม่ไหวแล้วต้องเข้าให้ได้ แต่พอเปิดเข้าไปเจอผู้ชายยืนเต็มเลยหนูก็งงอะ หนูก็เลยหันหลังจะเดินกลับ แต่ก็มีผู้ชายคนหนึ่งยืนทำหน้านิ่งใส่ แล้วถามแบบ เป็นใช่มั้ย ด้วยความที่หนูเขิน หนูก็เลยทำเป็นเสยผม แล้วพยักหน้าเบาๆ ไปค่ะ จากนั้นก็ก้มหน้ารีบเดินมุดๆๆ ออกไปจากตรงนั้นเลยค่ะ ไม่เข้าแล้วห้องน้ำตรงนี้ เป็นเรื่องที่อายมากจริงๆ จะไม่ทำอีกอย่างแน่นอน จะดูให้ดีก่อน”

(5) YUEING

                เทรนด์ฮิตชาวมอของสาว ยุอิ๋ง-สิริภัสสร บุญทอง ปี 4 คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม ม.ธุรกิจบัณฑิตย์

                “อัพเดทเทรนด์แฟชั่นของคณะ ที่ฮิตกันน่าตอนนี้จะเป็นเสื้อคณะค่ะ เพราะมีการปรับเปลี่ยนใหม่ เสื้อคณะเลยเป็นสิ่งที่ทุกคนน่าจะมีกัน เพราะถ้าใครไม่มีก็น่าจะเรียกได้ว่าตกเทรนเลยก็ว่าได้ เป็นเสื้อโปโลที่สามารถใส่ในมหา’ลัยได้และถูกระเบียบด้วยค่ะ นอกจากเรื่องเทรนด์ฮิตของคณะแล้ว ตัวคณะเองก็เป็นเทรนด์อีกเช่นกัน ที่เลือกมาเรียนคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม เพราะว่าจุดเด่นของคณะนี้คือ การได้เรียนควบคู่ไปกับการลงมือทำ และเน้นให้นักศึกษามีความรู้คู่กับคุณธรรมไปด้วย ส่วนตัวจะชอบวิชาที่เกี่ยวกับอาหาร เช่น การดำเนินงานครัว งานบริการอาหารและเครื่องดื่ม ได้ฝึกทำอาหารที่เป็นสูตรเดียวกับสถาบันชื่อดัง ยังมีการฝึกการบริการลูกค้าที่ถูกต้องซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ในการทำงานจริงๆได้ด้วยค่ะ เป็นคณะที่เรียนสนุกมากๆ”

(6) COOKIE

                คุกกี้-วณัชญา เจริญศิลาวาทย์ ปี 3 คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ อยากจะเชียร์ให้น้องๆ มาเรียนด้วยกัน

“คือสาขาที่คุกกี้เรียนเป็นสาขาการโรงแรม คุกกี้คิดว่าสมัยนี้งานบริการเป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้สูงขึ้นเรื่อยๆ และยังเป็นที่ต้องการมากในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รับรองได้ว่าเรียนจบแล้วมีงานรองรับ 100% และยังสามารถทำงานในสายอาชีพอื่นได้อีกด้วย ส่วนตัวคิดว่าสีสันของคณะคือการดูแลเอาใจใส่ของอาจารย์ผู้สอน และการได้เรียนแบบลงมือปฏิบัติจริง ที่เราสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เกือบทุกอย่างเลย เช่น งานครัว การจัดการบาร์ งานแม่บ้าน การบริการอาหารและเครื่องดื่ม แถมตอนนี้ยังมีได้ออกทริปไปดูงานนอกสถานที่ด้วย ทำให้มีโอกาสได้เห็น ได้ฟังของจริงเรื่องจริงเกี่ยวกับธุรกิจการบริการในแหล่งท่องเที่ยว รวมไปถึงการเรียนภาษาต่างประเทศ นอกจากการเรียนแล้วกิจกรรมก็เด่นไม่แพ้กัน คือเรียนคณะนี้ได้ความรู้ ความสามารถติดตัวไปใช้ได้ในชีวิตจริงหมดเลยค่ะ”

(7) MUAY

                หมวย-จริยา เจริญสุขเส็ง ปี คณะนิเทศศาสตร์ ม.กรุงเทพธนบุรี จะมาบอกว่าคำพูดติดปากของเด็กคณะนิเทศฯ ตอนนี้เขาฮิตอะไรกันบ้าง

                “ช่วงนี้คำพูดติดปากของเด็กนิเทศฯ ม.กรุงเทพธนบุรีก็จะเป็นคำว่า ‘ว้าย ตายแล้ว!’ ก็จะเล่นเสียงหน่อย คำพูดนี้ก็จะมาจากซีรีส์ ไดอารี่ตุ๊ดซี่ค่ะ เด็กที่คณะก็จะชอบดูกัน แล้วก็ได้ยินคำนี้จากซีรีส์ก็เลยเอามาใช้ ส่วนหนูที่ติดคำนี้เหมือนกัน ชอบใช้คำนี้เพราะว่า สำเนียงของการพูดมันใช้จริตดีมาก มันก็ตลกด้วย พอมีคนพูด คนนั้น คนนี้ก็ไปพูดต่อ กลายเป็นว่า เฮ้ย ติดปาก มันสนุกดี ฟังแล้วตลกเนอะก็เลยกลายเป็นคำพูดติดปากของทุกคนในคณะไป”

(8) SUGUS

เรื่องเล่าตอนเด็กๆ ของ ซูกัส-อรวีณ์ เหลืองวิบูลย์พร ปี 4 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาประชาสัมพันธ์ ม.กรุงเทพ

“หนูเป็นลูกคนกลางค่ะ มีพี่สาวแล้วก็น้องชาย แล้วพ่อแม่เล่าว่าจะเป็นเด็กที่ไม่เรียบร้อย ชอบแอบฟังคนอื่นพูด (หัวเราะ) แต่ตอนนั้นก็ไม่รู้เรื่องนะ จำไม่ได้ แต่พอโตขึ้นหน่อย ก็จะเป็นเด็กร่าเริง ชอบทำกิจกรรมของโรงเรียนตลอด แต่ก็คือจำได้ว่าช่วงก่อนมัธยม เป็นเด็กที่ขี้เล่นมาก แล้วก็ติดเล่นมาก เล่นอย่างเดียว เรียนไม่ค่อยสนใจ โดนครูตีบ่อยๆ แต่ก็มาพลิกผันตอนขึ้นม.ต้นนี่แหละ คือ เจอคุณครูภาษาอังกฤษท่านหนึ่ง ตอนนั้นเราไม่ชอบเรียนอังกฤษ ชอบเรียนวิชาคอมฯ กับพละ คอมฯ ได้เล่นเกมไง เกรียนๆ พละก็ได้ใช้กำลัง แต่ครูเขาก็พยายามพูดให้เราตั้งใจเรียนนะ โตขึ้นก็จะได้หางานดีๆ ทำ บอกว่า..หนูเป็นคนฉลาด แต่แค่เธอไม่สนใจเอง ถ้าเธอสนใจ เธอจะเก่งกว่าคนอื่น หลังจากนั้นเลยทำให้เรียนหนักจนได้เกรด 4 มาตลอด ^^”