THE LAND OF HAPPINESS by Team Art Gallery

คว้ารางวัลชนะเลิศจากการประกวดหนังสั้น สนุก มหัศจรรย์ ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ Amuse & Amaze Short Film Contest (Season 1) ผลงานสื่อประชาสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์จากกลุ่มนักสร้างรุ่นใหม่

ชื่อผลงาน : THE LAND OF HAPPINESS

รางวัลที่ได้รับ : รางวัลชนะเลิศ หนังสั้น Amuse & Amaze Short Film Contest (Season 1)

ชื่อทีม : Art Gallery

สมาชิกในทีม : นักศึกษาสาขาวิชาภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล คณะนิเทศศาสตร์

• นายปวรุตม์ โล้กรุด ชั้นปีที่ 3
• นายณัฐรินทร์ สาหินกอง ชั้นปีที่ 3
• นายอภิวัฒน์ พูลนิล ชั้นปีที่ 3
• น.ส.นิภาดา เรืองนุ้ย ชั้นปีที่ 3
• น.ส.สิรินภา เที่ยงตรง ชั้นปีที่ 2

เรื่องราวจากคลิปหนังสั้น :

หนังสั้นนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวๆ หนึ่ง ซึ่งมีผู้ชายคนหนึ่งเป็นพ่อคน แล้วประกอบอาชีพเป็นวินขับมอเตอร์ไซค์ แต่ทีนี้ลูกของเขาก็อยากได้ของเล่นชิ้นหนึ่ง แต่ตัวเขาที่เป็นพ่อเนี่ย ไม่มีตังค์ที่จะซื้อของเล่นชั้นนั้นให้ลูก ตัวเขาเองก็พยายามที่จะเก็บเงินเพื่อที่จะซื้อของเล่นชิ้นนั้นให้ลูกของเขาให้ได้ อยู่มาวันหนึ่งเขาก็เดินไปเจอกับโบรชัวร์ เป็นใบโบรชัวร์ของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมันเป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ เขาก็เอามาคิดว่า เขาจะเลือกสิ่งไหนดี สิ่งไหนจะดีกับลูกของเขาระหว่างของเล่นชิ้นนั้น กับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่มีทั้งของเล่นและความรู้ให้แก่ลูกของเขา สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกที่จะพาลูกไปที่พิพิธภัณฑ์

แรงบัลดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน :

เนื้อเรื่องเริ่มมาจากที่ตัวผู้กำกับ (นายปวรุตม์ โล้กรุด) ได้เคยพบกับประสบการณ์ตรง เคยเจอพี่วินมอเตอร์ไซค์คนหนึ่งที่เขามีลูก เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว เพราะว่าแม่ของเด็กเขาเสียไปแล้ว ในหนังสั้นก็จะไม่ได้กล่าวถึงตัวคนเป็นแม่เช่นกัน จะเน้นไปที่ความสุขของพ่อกับลูก ซึ่งตัวพี่วินในชีวิตจริงที่เจอเวลาได้เห็นเขาทีไร เขาก็จะมีความสุข สนุกสนานตลอด เห็นภาพเขาแล้วทำให้นึกถึงเนื้อเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ จนเอามาผูกเป็นเนื้อเรื่องของหนังสั้นได้ในที่สุด

จุดเริ่มต้นในการสร้างสรรค์ผลงาน :

จุดเริ่มต้นคือมีท่านอาจารย์ในสาขามาบอกว่ามีการประกวดนี้อยู่นะ มันน่าสนใจ ก็เลยได้ฟอร์มทีมกัน ทีมที่ส่งไปมี 5 คน แต่ว่าจริงๆ แล้วทีมที่ทำงานก็มีกัน 14 คนช่วยๆ กันทำ เป็นกองถ่ายกองหนึ่งเลย ก็จะทั้งตั้งแต่ Research หาข้อมูลว่าเราจำดำเนินเรื่องยังไง Premise เขียน Script เรียกว่าช่วยกันทำทุกขั้นตอน ซึ่งทั้ง 5 คนที่ได้ส่งชื่อไปก็จะมีตำแหน่งหลักที่หนักหน่อย แต่ก็ได้ทั้งเพื่อนๆ เข้ามาช่วย อาจารย์เข้ามาช่วยดูผลงานด้วย

จุดเด่นของผลงาน :

จุดเด่นน่าจะอยู่ที่ Content ของงาน เป็นเนื้อหาที่ตอบโจทก์ของการประกวดได้ดี มีความน่าสนใจ และความ Feel Good ของเรื่อง คือถ้าใครได้ดูหนังสั้นตัวนี้จะเห็นตัวละครพ่อกับลูกเวลาอยู่ด้วยกัน ดูแล้วต้องยิ้มตามแน่ๆ หนังที่ตัดออกมา การเรียบเรียงทำให้ดูไปได้เรื่อยๆ ไม่มีสะดุดอารมณ์อะไร อาจจะเป็นจุดเด่นที่ทำให้ได้รับรางวัลมาจากคณะกรรมการ

ความยากง่าย และอุปสรรคของการทำงาน :

อุปสรรคหลักๆ ของงานเรื่องนี้เลย คือ เรื่องของดินฟ้าอากาศ จะต้องเจอกับฝนตลอดเวลา เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ อีกหนึ่งอุปสรรค คือ เด็ก น้องที่มาเล่นหนังสั้นให้เรา ซึ่งถือเป็นอุปสรรคอยู่บ้างเช่นกัน ตัวน้องอายุ 9-10 ปีจะมีความเป็นตัวของตัวเองสูง แต่ก็ยังพอสามารถควบคุมได้ ให้คุณแม่น้องช่วยบ้าง ทีมงานช่วยๆ กันบ้าง ใช้กลยุทธ์หลอกล่อด้วยไอศกรีมบ้าง เล่นเสร็จแล้วจะให้กินอะไรก็ว่าไป ก็ถือว่าสำเร็จ เพราะตัวน้องเขาเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว

ฝากถึงน้องๆ ที่สนใจในการทำภาพยนตร์ :

ในวงการภาพยนตร์ของไทยยังจะไปได้อีกไกล น้องๆ ที่สนใจด้านนี้ก็อยากจะให้เตรียมตัว อาจจะไม่ต้องขนาดค้นหาตัวเอง แต่ให้คิดว่าชอบที่จะทำอะไร ชอบทำแบบนี้มั้ย เช่น ชอบทางด้านสื่อ อยากอยู่เบื้องหน้า หรือเบื้องหลัง ทำได้ทั้งโฆษณาและภาพยนตร์ เป็นวงการเดียวกันหมดเลยซึ่งถ้ามาเรียนสาขานี้ที่นี่ ที่ม.ศรีปทุมน้องจะได้เรียนรู้ทุกอย่าง หรือจะเป็นสาขาอื่นๆ ในคณะนิเทศศาสตร์ ก็ได้เรียนแบบเจาะลึกเช่นกัน ถ้าน้องๆ ชอบด้านสื่อ แนะนำให้มาเรียนเลย

(1) ชอบสังคม ม.รังสิต

ด้วยความที่อยากเรียนนิเทศฯ แล้ว ม.รังสิตก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วเลยตัดสินใจเลือกเป็นที่นี่ค่ะ ชอบสังคมที่ม.รังสิต เพราะอยู่มาตั้งแต่ ม. 4 แล้วด้วย ส่วนเรื่องสาขา IMC สื่อสารการตลาดเป็นสาขาที่คนคิดว่าเรียนง่าย แต่ที่จริงๆ ก็ไม่ง่ายนะคะ เบนซ์ว่ามันได้คิด ได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง ท้าทายดีค่ะ

(2) บอกความเป็นตัวเบนซ์

เป็นคนอารมณ์ดีคะ เป็นคนไม่เรื่องมาก อะไรก็ได้ แต่จะมีมุมที่เป็นคนคิดมาก แล้วก็ใจร้อนมากอยู่ด้วย

(3) เวลาที่เบนซ์เจอปัญหา

ในทุกๆ ครั้งที่เจอปัญหา เบนซ์ก็จะคิดอยู่เสมอว่า ทุกปัญหามีทางออก ประโยคนี้อาจจะดูเป็นประโยคธรรมดาแต่มันคือเรื่องจริงค่ะ ที่บอกว่าทุกปัญหามีทางออกมันมีอยู่จริงๆ นะ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกแบบไหน ทางไหนในการแก้ปัญหา เมื่อมีปัญหาย่อมมีทางแก้ ก็ค่อยๆ แก้กันไป

(4) แฟชั่นของเบนซ์

เบนซ์จะชอบแต่งตัวแนวชิลๆ เพราะเป็นคนตัวเล็กเลยใส่อะไรมากไม่ได้นอกจากกางเกงขาสั้น แล้วก็เสื้อคอปอะไรสั้นๆ ซึ่งสไตล์นี้คิดว่าเข้ากับตัวมากที่สุด คือเบนซ์จะแต่งแนวเดียวกะพี่กิ๊บซี่ (Girly Berry) เลยค่ะ เพราะตัวเล็กเหมือนกันเลยแต่งเป็นสไตล์เดียวกัน

(5) Accessory เพิ่มความเท่

เบนซ์เลือกหมวกค่ะ เพราะหมวกมันเท่ดี กันแดดร้อนๆ ได้ด้วย แล้วก็ดูไม่จงใจจะกันแดดมากเกินไป

(6) สถานที่เที่ยวสุดชิคของเบนซ์

ตัวเบนซ์จะชอบญี่ปุ่นค่ะ เบนซ์ว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นอะไรที่ต้องไปให้ได้สักครั้ง ควรไปจริงๆ เขาเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรม และแฟชั่น ของกินก็ดี คือดีทุกอย่างเลยค่ะ

(7) ตั้งสเปกไว้เผื่อมอง

สเปกของเบนซ์จะชอบคนขาว สูง แต่งตัวเก่ง ตามใจเราอะไรแบบนี้ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว จะเป็นใครก็ได้นะที่เราคุยแล้วเป็นตัวเอง ไม่ต้องมานั่งแอ๊บ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ถ้าเจอคนแบบนี้เบนซ์ก็ทิ้งสเปกที่ตั้งไว้ทั้งหมดเลยค่ะ

ชื่อ : เบนซ์-ข้าวขวัญ กฤษณโสภา

การศึกษา : ปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาสื่อสารการตลาด ม.รังสิต

วันเกิด : 4 เมษายน 2539

ส่วนสูง : 160 ซม.

หนัก : 40 กก.

กิจกรรมยามว่าง : ดูหนัง, เล่นเกม

ความสามารถพิเศษ : ร้องเพลง, เต้น

ฉายา : ข้าวแง

คติประจำใจ : อนาคตจะเป็นยังไงอยู่ที่เราทำปัจจุบัน

ผลงาน : ละคร กุหลาบไฟ ช่อง 3, ภาพยนต์ ฯลฯ

IG : Benzkhaokhwan

MODEL : KHAOKHWAN KRISANASOPHA

PHOTOGRAPHER : CHAIMONGKOL PAWASUTTIKARN

PLACE : Wild&Co. @Soi Farmwattana, Rama IV Road