หนุ่มลูกครึ่งชื่อย๊าวยาวววว ‘อลัน-อแลง ฟาเนียง แมกซิม ฮูซี่’ จาก มหาวิทยาลับชยอัสสัมชัญ

(1) เลือดอัสสัมชัญเข้มข้น
ผมจบจากโรงเรียนในเครือเดียวกันกับม.อัสสัมชัญ ก็เลยมาเรียนต่อที่นี่ ผมมองว่ามหาลัยที่ผมเรียนเนี่ยเป็นหลักสูตรอินเตอร์มีภาษีเรื่องภาษาที่ดีมาก มันจะได้เปรียบกว่ามหาลัยอื่นๆ ด้านนี้โดยตรง และก็ที่นี่ก็เป็นมหาลัยที่มีชื่อเสียงที่ดีด้วย

(2) อลันในมหาลัย
จะเป็นคนที่รับผิดชอบเรื่องการเรียนดีมา จะเข้าเรียนไม่ค่อยขาดเลย แต่ผมจะมีปัญหาเรื่องจัดการเวลาทบทวนการเรียนของตัวเอง ทีนี้ผมก็จะเน้นเรียนให้ห้อง จำสิ่งที่อาจารย์สอนในห้องให้ได้มากๆ แทน เวลาใกล้สอบเราก็จะได้ไม่ต้องอ่านเยอะ สามารถทบทวนก่อนสอบได้ง่ายขึ้น

(3) อลันในมุมมองของเพื่อนๆ
ตั้งแต่สมัยมัธยมผมเป็นคนกวนตีนมาก คือค่อนข้างสร้างความรำคาญให้เพื่อนมากๆ 555 พูดมาก พูดเก่ง แล้วก็เล่นมุก 5 บาท 10 บาทก็เล่นตลอด จะเพื่อนจะแบบว่า เล่นอะไรอะ มุกลาวว่ะหรั่ง จนได้ฉายามาว่า หรั่งลาว

(4) เที่ยวต่างประเทศสไตล์เด็กลูกครึ่ง
ผมว่ามันดีตรงที่ไปแล้วได้ประสบการณ์ชีวิต และเปิดมุมมองใหม่ๆ ผมเคยไปฝรั่งเศส เพราะเป็นบ้านของคุณพ่อ แล้วก็ไปญี่ปุ่น ไต้หวัน ที่น่าไปที่สุดในเอเชีย คือ ญี่ปุ่น หลายๆ คนกลัวว่าจะสื่อสารไม่รู้เรื่อง แต่จริงๆ แล้วไม่ต้องกลัวเลย เพราะเขาเป็นประเทศที่พร้อมช่วยเหลือเรา บางทีไปถามทาง เขาอธิบายไม่ได้ก็จูงมือเราไปเลย อาหารบ้านเขาก็ดี อร่อยมาก

(5) แฟชั่นของหนุ่มลูกครึ่ง
ผมจะไม่ค่อยชอบเสื้อแบบมีลายเยอะๆ ชอบใส่สีเดียว ลายเดียวไปเลย พยายามแมทท์ชุดให้มันเข้ากัน ไม่ให้ดูลายตา ปกติก็ใส่แบบนี้เลยครับที่ใส่มาถ่ายวันนี้

(6) สเปกสาวก็ต้องลูกครึ่งด้วย?
ผมจะไม่โฟกัสที่หน้าตาเท่าไหร่ แต่ก็จะมีเรื่องความสูงที่ขอไว้ ถ้าเดินด้วยกันก็ไม่อยากให้เตี้ยมากไปอะไรแบบนั้น ขอให้เป็นผู้หญิงที่สูง 150 ซม.ขึ้นไป ที่ชอบมองๆ ก็จะเป็นแนวต่างชาติครับ แต่ถ้าได้คุยกันจริงๆ คุยกันรู้เรื่อง ถูกคอ ความชอบคล้ายๆ กันก็โอเคแล้วครับ

ชื่อ : อแลง ฟาเนียง แมกซิม ฮูซี่
การศึกษา : ปี 4 คณะบริหารธุรกิจ สาขาการเงินการธนาคาร ม.อัสสัมชัญ
วันเกิด : 20 มิถุนายน 2540
ส่วนสูง : 182 ซม.
หนัก : 69 กก.
กิจกรรมยามว่าง : อ่านหนังสือ, ฟังเพลง, ออกกำลังกาย
ความสามารถพิเศษ : แบดมินตัน, ฟุตบอล, เทนนิส
คติประจำใจ : จะกลัวทำไม ถ้าเรายังไม่ได้ลองทำมันเลย
ผลงาน : เดินแบบ
IG : alainfabien

 

Posted in Uncategorized

จากสาวน้อยวัยใสที่ได้รับตำแหน่งมิสทีนไทยแลนด์ 2005 ด้วยความไม่ได้คาดหวัง ไอซ์-อธิชนัน ศรีเสวก เข้าวงการบันเทิงตั้งแต่เด็ก

จากสาวน้อยวัยใสที่ได้รับตำแหน่งมิสทีนไทยแลนด์ 2005 ด้วยความไม่ได้คาดหวัง ไอซ์-อธิชนัน ศรีเสวก เข้าวงการบันเทิงตั้งแต่เด็ก ต้องแบ่งเวลาเรียนในคณะมนุษยศาสตร์ มศว ไปพร้อมๆ กับการทำงาน แม้ว่าจะต้องผ่านช่วงวัยรุ่นที่ไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่เธอก็ไม่เสียดายเวลาที่มันแสนคุ้มค่าจนถึงทุกวันนี้

ชีวิตนักศึกษาเอกภาษาไทย มศว
เรียนคณะมนุษยศาสตร์ มศว สาขาวิชาภาษาไทยตอนม.ปลายเรียนศิลป์ฝรั่งเศส ด้วยคะแนนของเราก็สามารถยื่นสายฝรั่งเศสได้เลย แต่ด้วยความที่เราเข้าวงการตั้งแต่ช่วงนั้น ก็กลัวว่าถ้าหยุดไป ภาษาพวกนี้ไม่ใช่ภาษาอังกฤษที่เราเรียนตั้งแต่เด็ก กลัวเรียนไม่ทันเพื่อน ก็เลยเอ้ย เอาภาษาไทยล่ะกัน แล้วโทเป็นภาษาอังกฤษ พอเข้ามาเรียนปีหนึ่ง ที่ต้องไปเรียนที่คลอง 16 ไปอยู่หอ ก็รู้สึกเฮ้ย ดีจริงๆ มันคือชีวิตมหา’ลัยจริงๆ ขึ้นปีสอง เริ่มเข้าวิชาสาขาก็ดีกับเรา เพราะตอนนั้นทำงานพิธีกรด้วย ได้เรียนทักษะการพูด มันตรงสายงานเรา เพื่อนๆ ก็น่ารักนิสัยดี แต่เราอาจจะไม่ได้มีชีวิตมหา’ลัยเต็มที่เหมือนคนอื่น ด้วยความที่ทำงานไปด้วย เรียนเสร็จต้องรีบกลับไปถ่ายละคร ตอนปีสี่ทำธีสิส ไปถ่ายละครต่างจังหวัดก็ต้องหิ้วงานไปทำด้วย แต่เกรดออกมาคือ 3.5 เกือบได้เกียรตินิยม แต่ด้วยความที่คลาสอาจารย์ดุนิดหนึ่ง เพื่อนก็เสียดายแต่เราก็โอเค ไม่เป็นไร ถือเป็นความรับผิดชอบของเราเอง เพราะเราต้องหยุดคลาสนั้นเยอะเกิน

ากตำแหน่งที่ได้มาด้วยความบังเอิญ
ตั้งแต่เด็กไม่เคยคิดว่าจะเกี่ยวข้องกับการประกวดความสวยความงามละคร ตอนประกวดมิสทีน มันมาจากตอนเรียนราชินีบน เขาจะไม่ให้เด็กที่เกรดต่ำกว่า 2.5 ผ่านไปเรียนม.ปลายได้ แล้วเพื่อนสนิทม.ต้นอยู่ต่อไม่ได้ ทีนี้พอแยกย้ายกัน พอเพื่อนโทรมาเฮ้ย ไปประกวดกันมะ เราก็ยังเด็ก อยากเจอเพื่อน เผื่อเกิดฟลุ๊คได้เก็บตัว ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดก็เออ ดีๆ ไป แต่วันที่เราเข้าไปสมัคร เพื่อนดันโทรมาบอกว่าไม่ไปแล้ว แล้วเรายื่นใบสมัครกรอกเสร็จแล้ว แล้วทางมิสทีนโทรมาให้ไปรอบวันสมัครสื่อมวลชนด้วย ด้วยความกลัวของเด็กอายุ 15-16 ปี ว่าเราให้ข้อมูลเขาไปหมดแล้ว ถ้าเราไม่ไป มันจะผิดมั้ย ก็เลยไปขำๆ สุดท้ายดันได้ที่ 1 เป็นเรื่องเลย เพราะกฎทางรร.ไม่ให้ประกวด เราก็ไม่อยากให้รร.เดือดร้อน เลยตัดสินใจขอลาออก แล้วก็ไปต่อที่ศึกษานารี เพราะต้องเซ็นสัญญากับทางค่ายที่ประกวด

นักแสดงอิสระกับบทที่ท้าทายขึ้น
ได้รับโอกาสแรกจากคุณแดง ให้เล่นละครสองเรื่องควบ เรื่องที่สามก็บทร้ายเลย เหมือนคุณแดงให้โอกาสให้เราได้เล่นอะไรที่หลากหลาย ที่ผ่านมาถามว่าเหนื่อยมั้ย ก็เหนื่อยกว่าเพื่อน เสียดายโอกาสมั้ยที่ไม่ได้ใช้ชีวิตเที่ยวเล่นดูหนังเหมือนเด็กทั่วไป ก็ไม่เสียดายเลย มันเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับเรามาก ทำให้เรามีความรับผิดชอบกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน สามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้ในอายุที่ค่อนข้างน้อย จนมาตอนนี้เป็นนักแสดงอิสระ ก็ได้รับบทมีความเป็นชีวิตจริงมากขึ้น อย่าง “มนตรามหาเสน่ห์” ทางช่อง PPTV ก็เล่นเป็นทาสในบ้านที่ต้องไปเป็นเมียลูกชายแม่ครูที่เจ้าชู้ มันต้องร้ายเพราะไม่อยากให้เขาไปได้กับผู้หญิงคนอื่นรักผู้ชายคนนี้มากๆ แต่ผู้ชายไม่ได้รักเราเลย ก็มีมุมที่น่าสงสารอยู่ การเล่นร้ายแรกๆ ก็ยาก เพราะเป็นคนนิ่งๆ ไม่ชอบตวาดหรือทะเลาะกับคนอื่น เล่นตอนแรกไม่กล้ากรี๊ด กรี๊ดไม่เป็น แต่ด้วยประสบการณ์ ด้วยครูหลายๆ ท่านก็พัฒนาเราไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็ถือว่าเอนจอยกับงานแสดง ถ้าผู้ใหญ่ยังเอ็นดูเราให้เราทำงานก็ยังเอนจอยกับมันอยู่ รู้สึกกระตือรือร้นทุกครั้งที่ต้องตื่นมาไปกองถ่าย ได้รับบทใหม่ได้เจอทีมงานใหม่ๆ และเพื่อนร่วมงานใหม่ๆ

Posted in Uncategorized