สำนักข่าว เอเอฟพีได้ออกมาชี้แจงกรณีที่บรรดาผู้ใช้โซเชียลมีเดียของไทยทั้งในเฟสบุ๊ก และทวิตเตอร์ต่างแชร์ ข่าวปลอม ซึ่งเป็นคำพูดของนายไฮโก มาส รัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนี ที่กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 26 ต.ค.63 ที่ผ่านมา ที่มีการพูดถึงใช้พระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงไม่ได้กระทำการใดๆที่ผิดกฎหมาย ขณะทรงประทับในเยอรมนี”

โพสต์คำพูดดังกล่าวมีการแชร์อย่างแพร่หลายในโลกโซเชียล พร้อมกับคำบรรยายว่า พระมหากษัตริย์ไทยไม่ได้ทำผิดกฎหมายเยอรมัน และทางการเยอรมนีก็ดูแลอยู่แล้ว

เยอรมนี แจงชัด กษัตริย์ไทยไม่ได้ละเมิดข้อห้ามปฏิบัติภารกิจทางการเมือง

เยอรมนียืนยัน พระมหากษัตริย์ไทยไม่ได้ละเมิดข้อห้ามปฏิบัติภารกิจการเมืองระหว่างเสด็จประทับ

อย่างไรก็ดี ทางเอเอฟพีได้ตรวจแล้ว และพบว่าคำกล่าวของรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ที่นำเผยแพร่ในโลกโซเชียลไทยไม่เป็นความจริง เป็นการทำบิดเบือน และทำให้เข้าใจผิด โดยคำแถลงที่แท้จริงของรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี มีใจความว่า “กระทรวงต่างประเทศกำลังตรวจสอบการปฏิบัติภารกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรัฐบาลเยอรมนีจะดำเนินการทันที หากพบการกระทำผิดกฎหมาย” พร้อมกับได้แชร์คลิปภาพการแถลงข่าวของรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีด้วย

ราษฎร ประกาศยุติการชุมนุม! หลังยื่นแถลงการณ์ 3 ภาษาต่อสถานทูตเยอรมนี

ทั้งนี้ ในแถลงของรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีระบุว่า “เราติดตามสถานการณ์ในไทยอย่างใกล้ชิด ที่มีผู้ประท้วงออกชุมนุมเรียกร้องสิทธิ์ตามท้องถนน แน่นอนว่าผมติดตามความเคลื่อนไหวกษัติย์ไทยขณะทรงประทับในเยอรมนี เรากำลังตรวจสอบว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่ หากพบว่ามีการละเมิดกฎหมายขึ้นมาจะย่อมมีผลตามมาอย่างแน่นอน”

สำนักข่าวเอเอฟพี มีรายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นที่ประเทศกรีซและตุรกี ทำให้อาคารต่าง ๆ พังทลายลงมา และมีคลื่นจากทะเลท่วมทั่วท้องถนน ที่เมืองอิซเมียร์ ในตุรกี

สื่อท้องถิ่นของกรีกระบุว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้ก่อให้เกิดสึนามิขนาดเล็กบนเกาะซามอสของกรีซ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับอาคารอีกด้วย

ขณะที่สำนักงานธรณีวิทยาของสหรัฐฯ รายงานว่าแผ่นดินไหวดังกล่าวมีขนาด 7.0 ขณะหน่วยงานด้านภัยพิบัติของรัฐบาลตุรกีรายงานว่าเป็นแผ่นดินไหวขนาดต่ำกว่า 6.6 ส่วนหน่วยงานแผ่นดินไหวของกรีซระบุว่าขนาด 6.7

ทั้งนี้มีรายงานเกี่ยวกับอาคารถล่มหลายแห่งในอิซเมียร์ และมีประชาชนจำนวนมากที่ติดอยู่ในซากปรักหักพัง ขณะเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งช่วยเหลือผู้คนจากเหตุดังกล่าว

จากกรณีมีกระแสข่าว ช่อง 3 ประกาศปลดพนักงานอีกครั้ง ตั้งเป้าลดจำนวนพนักงานกว่า 30% จากจำนวนพนักงาน 1,200 คน ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและแนวทางธุรกิจ และลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน

พร้อมยกเลิกบางแผนกที่ไม่จำเป็น โดยจะเริ่มมีผลหลังเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งพนักงานที่ถูกปลดออกในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นพนักงานรุ่นเก่า ที่อยู่มานาน แต่ไม่มีหน้าที่งานที่ชัดเจน ไม่ได้ปฏิบัติงานจริงนั้น

มีรายงานคำชี้แจงกรณีเลิกจ้าง จากฝ่ายสื่อสารองค์กร บมจ. บีอีซี เวิลด์ โดยระบุว่า บมจ. บีอีชี เวิลด์ ผู้ประกอบกิจการสถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้มีการประกาศเลิกจ้างพนักงานครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งเนื่องจากความจำเป็นที่บริษัทจะต้องปรับลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายของบริษัทที่มีจำนวนมากลง

โดยหนึ่งในการดำเนินงานที่สำคัญที่จะสามารถทำให้ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สามารถลดลงได้ บริษัทเล็งเห็นแล้วว่าการปรับขนาดองค์กรให้มีความเหมาะสมสำหรับการประกอบธุรกิจของบริษัทที่ขณะนี้เหลือเพียงช่อง 33 ดิจิทัลเพียงช่องเดียวเท่านั้น

เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องดำเนินการในเวลานี้ เพื่อให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ถดถอย และปัจจัยแวดล้อม รวมถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เผชิญอยู่ในขณะนี้ ซึ่งการปรับตัวครั้งนี้จะทำให้บริษัทสามารถก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงต่อไป

ด้วยเหตุผลดังกล่าว บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องปรับลดและเลิกจ้างพนักงานในทุกส่วนลง ซึ่งจะมีผลสิ้นเดือนธันวาคม 2563 อย่างไรก็ตาม ค่าชดเชยและสิทธิประโยชน์ที่พนักงานจะได้รับจากการดำเนินการในครั้งนี้ จะเป็นไปตามกฎหมายและอยู่บนหลักของความถูกต้องและเป็นธรรมทุกประการ