เปิดคำอวยพรจาก ป๋าเต็ด ในงานแต่งก้อย-ตูน

ป๋าเต็ด ยุทธนา ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเผยความรู้สึกหลังได้รับหน้าที่สำคัญในงานแต่งก้อย-ตูน ว่า กดดันที่ได้รับหน้าที่นี้เป็นอย่างมากเพราะต้องพูดบนเวทีต่อหน้าคนเยอะมาก และยังได้บอกว่าแก้ไขคำอวยพรจนวินาทีสุดท้าย อีกด้วย

“ได้รับเชิญไปงานแต่งงานที่สำคัญที่สุดงานหนึ่งในรอบปี และที่สำคัญยิ่งขึ้นไปอีกก็คือการที่ต้องไปในฐานะเถ้าแก่ฝ่ายเจ้าสาว ที่มีหน้าที่มากมายแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน หนึ่งในหน้าที่สำคัญนั้นคือการขึ้นกล่าวอวยพรบ่าวสาว

จริงๆการพูดบนเวทีไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินที่จะเอาตัวรอดได้ แต่การพูดบนเวทีงานแต่งงานที่ทุกคนรอคอยแบบนี้ แขกเหรื่อมากมายแบบนี้ ความกดดันสูงมาก จึงต้องร่างคำอวยพรไว้ค่อนข้างละเอียด เพื่อจะได้มั่นใจว่าจะไม่ตกหล่นอะไรที่อยากจะพูดไป และต้องรักษาสมดุลย์ระหว่างความน่าเชื่อถือ และความสนุกไว้แบบพอดีพอดี

จึงได้ร่างคำอวยพรนี้ล่วงหน้ากว่าครึ่งเดือน ดัดแปลงแก้ไขมาตลอดจนวินาทีสุดท้ายเพื่อจะได้กล่าวได้อย่างมั่นใจ ก่อนขึ้นเวทีซ้อมแล้วซ้อมอีกเพื่อให้มั่นใจยิ่งขึ้น และถึงแม้เมื่อถึงเวลาพูดจะเปิดสคริปต์ดูจากมือถือ แต่จริงๆแล้วไม่ได้อ่านเลย ไม่ใช่เพราะจำเก่ง

แต่เป็นเพราะมันเป็นสิ่งที่เขียนมาจากใจจริงๆ เมื่อพูด มันจึงหลุดออกมาจากใจทั้งหมด แทบไม่มีตกหล่นเลย จึงอยากจะโพสต์สิ่งที่ร่างเอาไว้ เพื่อบันทึกไว้ว่า นี่คือครั้งหนึ่งในชีวิตที่ตื่นเต้นจนแทบจะเป็นลม นี่คือคำอวยพรที่ร่างไว้ครับวันพิเศษในที่สุดวันนี้ก็มาถึง หลังจากเพื่อนพี่น้องทั้งก้อยและตูนลุ้นกันมานาน

และวันนี้เราก็โล่งใจ ยิ้มกันได้เสียที เมื่อได้รู้ว่า… เป๊กวงซีลมางานวันนี้ไม่ได้ เช็คล่าสุดอยู่เชียงรายแน่นอน จริงๆแล้ววันนี้คือวันดีจริงๆของน้องทั้งสองคน ก้อยกับตูนอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญในชีวิตผมมาตลอด จัด Hotwave Music Awards ตูนอยู่ในวงที่ได้แชมป์ครั้งแรก

ทำรายการ แฟตเรดิโอ ก้อยก็มาเป็นดีเจซึ่งในที่สุด แฟตเรดิโอก็ทำให้ทั้งคู่ได้เจอกัน ไม่แน่ใจว่าใครใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด ก้อยในฐานะดีเจ ตูนในฐานะศิลปิน แต่มันก็ทำให้เกิดเรื่องดีดีในวันนี้และเพราะทั้ง Hotwave Music Awards ก็เป็นการประกวดวงดนตรีที่ไม่เหมือนใคร

ให้โอกาสกับคนรุ่นใหม่แฟตเรดิโอก็เป็นคลื่นวิทยุที่ไม่มีใครเหมือน เปิดเพลงอินดี้ ที่คนอื่นเขาไม่เปิดกัน จึงทำให้เราได้เห็นความรักที่พิเศษของทั้งคู่ ตลอดเกือบสิบปีที่ผ่านมา คนที่วิ่งเคียงข้างกันตลอดเส้นทางจากใต้สุดไปยังเหนือสุดของประเทศไทยไม่เรียกพิเศษ จะให้เรียกอย่างไร

อินดี้สุดๆตูนเป็นรุ่นน้องผมที่สวนกุหลาบ ซึ่ง ทุกคนที่จบที่นี่จะต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุษสวนกุหลาบ และพวกเราซีเรียสมากในเรื่องนี้ ก้อยจึงสบายใจได้ว่า สุภาพบุรุษคนนี้ จะดูแลก้อยเป็นอย่างดีก้อยก็เช่นกัน

ไม่ใช่ครับ ก้อยไม่ได้จบสวนกุหลาบ ก้อยก็เป็นรุ่นน้องผมที่นิเทศ จุฬาฯ ซึ่งทุกคนที่จบที่นี่จะได้ชื่อว่าเป็น เป็ด อาจจะว่ายน้ำไม่เก่งเท่าปลา หรือบินได้สูงเท่านก แต่ขอให้ตูนมั่นใจ ไม่ว่าตูนจะไปขึ้นฟ้า หรือลงน้ำที่ไหน ก้อยจะตามไปอยู่เคียงข้างเสมอวันนี้

อยากให้ตูนเดินขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว และให้ก้อยเดินตามมาหนึ่งก้าว อยากให้ตูนจำความรู้สึกนี้ไว้ เพราะนี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่ก้อยจะตามใจตูนเชื่อพี่ พี่โดนมาแล้วอยากให้ตูนจำคำพี่ไว้ให้ดี อันนี้ซีเรียสเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้ว่าคุณผิด คุณต้องยอมรับผิด และก้มหน้าฟังภรรยาแต่เมื่อไหร่ที่คุณมั่นใจว่าคุณถูก…. คุณก็ต้องยอมรับผิด และก้มหน้ารับฟังภรรยาอยู่ดี

เพลงชีวิตยังคงสวยงามอาจจะใช้ไม่ได้อีกแล้ว สิ่งที่อยากจะบอกกับทั้งคู่อีกอย่างก็คือชีวิตคู่คือการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่วิ่งร้อยเมตร มันไม่ใช่การวิ่งให้เร็วที่สุด แต่วิ่งกันยาวๆให้ถึงปลายทางชีวิตคู่ไม่ใช่วิ่งข้ามรั้ว ที่เราจะรู้ได้ว่ามีรั้วให้เราต้องโดดข้ามทุกๆสิบเมตร

แต่มันมีเรื่องที่เราคาดเดาไม่ได้รอเราอยู่ข้างหน้าตลอดเวลาชีวิตคู่ไม่ใช่การวิ่งผลัดสี่คูณร้อย คุณไม่ได้ผลัดกันวิ่ง แต่คุณต้องวิ่งไปด้วยกันตลอดเส้นทางชีวิตคู่คือการวิ่งมาราธอน มันต้องการความอดทน ถ้อยทีถ้อยอาศัย ผ่อนหนักผ่อนเบา วิ่งด้วยกันไปยาวๆ

และเมื่อเรารู้ว่าชีวิตคู่คือการวิ่งมาราธอนด้วยกันไปยาวๆ คนสองคนที่วิ่งเคียงข้างกันวันละร้อยกิโลไปทั่วประเทศมาแล้วแบบคู่นี้ จะต้องมีอะไรให้เราได้ห่วงอีก หน้าที่ของเราทุกคนในวันนี้ก็คงเพียงแค่ร่วมกันแสดงความยินดี กับวันสำคัญของทั้งคู่ในวันนี้ และช่วยกันทุกวิถีทางที่จะป้องกันไม่ให้ เป๊กวงซีลกลับจากเชียงรายมาที่งานนี้ได้ทัน ขอแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวครับ”

ทบ.โต้ข่าวเกณฑ์ทหารเป็น IO

ทวิตเตอร์ @armypr_news รายงานว่า กองทัพบกได้ออกมาชี้แจงกรณีที่โลกออนไลน์เผยแพร่ภาพทหารกำลังใช้โทรศัพท์มือถือ โดยอ้างว่าเป็นการเกณฑ์มาเป็น IO ว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพที่หน่วยฝึกทหารใหม่ให้เวลาทหารได้ใช้โทรศัพท์ติดต่อกับครอบครัวในช่วงการฝึกทหารใหม่

โดย พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกได้ตรวจสอบกับส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว ขอเรียนในประเด็นข้อเท็จจริงว่า กองทัพบก/หน่วย ไม่ได้มีการว่าจ้างบริษัทเอกชนไปดำเนินการปฎิบัติการข่าวสารตามที่มีความพยายามกล่าวหาโดยใช้การตีความจากเอกสารที่ถูกนำมาเผยแพร่ดังกล่าว เพราะวัตถุประสงค์ในการสื่อสารทางโซเชี่ยลมีเดียของกองทัพบกนั้นมุ่งเน้นการสื่อสารสร้างการรับรู้ อย่างสร้างสรรค์ เท่าทันสถานการณ์

อย่างไรก็ตามในยุคสื่อสังคมออนไลน์ ทหาร/กองทัพเองก็ต้องมีการเรียนรู้พัฒนาเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มต่างๆให้ทันกับสภาพสังคม โดยมีการจัดอบรมบรรยายและให้ความรู้ในเรื่องดังกล่าวกับกำลังพลในทุกระดับให้มีความเข้าใจในการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม

สาหรับภาพและข้อมูลในสื่อโซเชียลที่ปรากฎนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับการอบรมกำลังพลของหน่วย(พล.ร.2รอ.)ในการใช้แอพพลิเคชั่นทวิตเตอร์ สนับสนุนงาน ประชาสัมพันธ์ของหน่วยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีกลุ่มเครือข่ายภาคประชาชนที่มีทักษะความรู้ด้านการตลาดดิจิทัลและในการใช้สื่อออนไลน์ที่ทันสมัย มาเป็นผู้ให้คำแนะนำการใช้งาน โดยไม่มีการว่าจ้างแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ซอฟต์แวร์ที่นำมาใช้กระจายข้อมูลเชิงบวกก็เป็น “ฟรีซอฟต์แวร์” ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น Tweet Broadcast และ Free Messenger เป็นต้น

สำหรับผังโครงสร้างที่ปรากฎก็เป็นการจัดหน่วยประชาสัมพันธ์ เพื่อทดลองกระจายข้อมูลเชิงบวกให้กับบัญชีทวิตเตอร์ด้วยแอพพลิเคชั่นดังกล่าว และมีการลงทะเบียนใช้งานอย่างเปิดเผย ระบุตัวตนได้ ส่วนเนื้อหาที่นำลงก็เป็นการประชาสัมพันธ์เชิงบวก กิจกรรมเทิดทูนสถาบัน การสร้างภาพลักษณ์ ภารกิจกองทัพบกและการช่วยเหลือประชาชน

ในขณะเดียวกันหากมีผู้ไม่หวังดีนำข้อมูลที่ไม่ถูกต้องบิดเบือน หรือข่าวเท็จ(ข้อมูลที่เป็นสีเทาหรือสีดำ)ที่ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานก็จะมีการตรวจสอบและเร่งเผยแพร่ข้อเท็จจริงในสื่อสังคมออนไลน์อย่างทันท่วงที เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ โดยไม่ได้มีลักษณะที่บ่งบอกถึงการนำเอาแพลตฟอร์มดังกล่าวไปดำเนินการเพื่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่บุคคลหรือองค์กรใด หรือทำให้เกิดผลกระทบในทางลบต่อสังคมโดยรวม

นอกจากนี้ ข้อมูลที่ปรากฏเป็นข่าว ก็เป็นข้อมูลที่ผู้หนึ่งผู้ใดสามารถ download ได้ สะท้อนให้เห็นว่าทางกองทัพและผู้พัฒนาโปรแกรม ไม่มีเจตนาปกปิด หรือกระทำสิ่งใดที่ผิดกฎหมาย จึงเป็นสิทธิที่กองทัพบกสามารถดำเนินการ แสดงออกและกระจายข้อมูลเชิงบวกเข้าสู่ระบบสังคมออนไลน์ได้ตามเจตนารมณ์

ขอเรียนยืนยันอีกครั้งว่ากองทัพบกใช้โซเชียลมีเดียโดยเฉพาะแพลตฟอร์ม Twitter เพื่อสนับสนุน งานการประชาสัมพันธ์ของหน่วยระดับต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์การช่วยเหลือประชาชนการสื่อสารกับกำลังพลในพื้นที่ประสบภัยและเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับสาธารณะชนเท่านั้น

ด้าน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้รีทวีตข้อความดังกล่าวผ่านทวิตเตอร์ @Thanathorn_FWP พร้อมระบุว่า “เดี๋ยวเจอกัน”

จอมขวัญ ทวีตสั้น ๆ หลังเจอกระแสดราม่าจัดรายการ

จากรายการ ถามตรง ๆ กับจอมขวัญ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ออกอากาศ ระหว่าง ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) และ รุ้ง ปนัสยา แกนนำม็อบราษฎร ตอน ถก พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ 2561

ทั้งนี้ หลังรายการออกอากาศไป ก็ได้กลายเป็นที่พูดจำนวนมาก โดยเฉพาะกรณีที่ ผศ.ดร.อานนท์ สามารถพูดได้เยอะ ส่วน รุ้ง พูดได้น้อย ซึ่งทาง จอมขวัญ ยอมรับว่า ผู้ชุมนุมหรือแขกที่มีแนวคิดทางเดียวกับการชุมนุม จะถูกกรอบจำกัดการพูดมากกว่า ตามนโยบายของกสทช./ข้อจำกัดของสถานี นั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2563 จอมขวัญ ได้ทวีตข้อความสั้น ๆ ว่า “เราไม่ได้อยู่ในสังคมที่ทุกคนพูดได้เท่ากัน” ซึ่งหลังผ่านไปไม่นานได้มีผู้รีทวีตไปแล้วกว่าหมื่นครั้ง

ขณะเดียวกันมีผู้เข้ามาคอมเมนต์วิจารณ์ใจความว่า ทำไมจึงปล่อยให้เกิดกรณีที่ไม่เท่าเทียมกันในการสัมภาษณ์ คนนึงพูดถึงประเด็นได้เต็ม 100 ส่วนอีกคนพูดได้แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง จอมขวัญ ตอบว่า “พยายามเพื่อให้ได้เพิ่มขึ้นจาก 0 ค่ะ ก่อนหน้านี้มีการทวงให้สื่อให้พื้นที่ทุกฝ่าย รายการก็พยามยามเท่าที่ทำได้ และคิดว่าดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”