Monthly Archives: July 2019
สวย นิ่ง กวนสไตล์ แคท-สุชาดา ปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ ม.รังสิต
สวย นิ่ง กวนสไตล์ แคท-สุชาดา ประมวลการ ปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาสื่อสารการตลาดดิจิทัล ม.รังสิต
(1) เจอแนวที่ใช่จากการเรียน
จริงๆ แคทซิ่วมาจากมออื่นในสาขาที่อยากเรียน แต่มามาเรียน IMC สื่อสารการตลาดแบบดิจิตอล ของม.รังสิตแทน ตอนแรกก็ยังไม่ใช่ ไม่ได้เป็นแนวทางที่ชอบหรือว่าถนัด กะแค่ว่าเรียนให้จบ แต่พอเรียนไปเริ่มตั้งใจเรียน เริ่มคิดถึงอนาคตว่าอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เรียนแล้วรู้แนวนางที่อยากทำในอนาคต
(2) คณะที่เปรี้ยวที่สุด
ที่คณะฮิตพูดคำว่า “เปรี้ยวอ่ะ” คือมันเป็นสไตล์เด็กคณะเราด้วย พูดถึงใครแล้วแบบสไตล์การแต่งตัวเขามันโดน มันรู้สึกว่า เออ คนนี้แต่ตัวเปรี้ยวดี แต่จริงๆ ก็คือเขาแต่งตัวออกแนวเผ็ดๆ แต่ทุกคนก็จะชมว่า เปรี้ยวอ่ะ
(3) รู้จักแคทได้ง่ายๆ
แคทเป็นคนอารมณ์ดี ชอบเฮฮาบ้าๆ มั้งคะ คุยกับคนอื่นได้ง่ายๆ พูดกันได้ทุกเรื่อง แต่มันก็กลายเป็นข้อเสียไปด้วยค่ะ เวลาเครียดแคทกลับไม่กล้าแสดงออก อดทนเก็บไว้ในใจไม่ให้ใครรู้ ก็จะเป็นคนที่เฮฮาร่าเริงต่อไป
(4) ชอบอวัยวะส่วนไหนของตัวเองมากที่สุด
แคทชอบตาของตัวเองค่ะ เพราะเวลาถ่ายรูปออกมาทุกครั้งคิดว่ามันดูมีเสน่ห์
(5) แต่งหน้า แต่งตัวแบบแคท
เป็นคนชอบแต่งตัวแบบวัยรุ่นอเมริกันค่ะ จะเป็นออกแนวสตรีทผสมกับวินเทจเท่ๆ สไตล์การแต่งหน้าของแคทก็เลยจะเป็นลุคเกาหลี อินเตอร์ แต่งตาเป็นธรรมชาติ คิ้วเป็นธรรมชาติ แก้มแดงเลือดฝาด ปากเด่นๆ
(6) หน้าตาไม่มีผลกับความชอบ
ไม่มีสเปกหน้าตาเลยค่ะ ถ้ารู้สึกชอบก็คือชอบเลย ไม่เกี่ยวกับหน้าตาเลยค่ะ มันจะสปาร์คกันเองแหละ อิอิ ไอดอลที่คิดว่าตรงสเปกไม่พ้นหนุ่ม K-pop คือ ไค EXO ค่ะ แคทไม่ได้คิดว่าเขาหล่อนะคะ แต่ที่ชอบเพราะว่าเขาเป็นคนดูมีเสน่ห์ ดูน่าค้นหา เวลาเห็นแล้วรู้สึกหลงค่ะ
ชื่อ : แคท-สุชาดา ประมวลการ
การศึกษา : ปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาสื่อสารการตลาดดิจิทัล ม.รังสิต
วันเกิด : 5 มีนาคม 2540
ส่วนสูง : 160 ซม.
หนัก : 47 กก.
กิจกรรมยามว่าง : เล่นเกม, นอน
ความสามารถพิเศษ : แกะสลักผลไม้
คติประจำใจ : ซื่อสัตย์กับตัวเองและคนอื่น
ผลงาน : MV เพลง อ่อนแอก็แพ้ไป วง MEAN, ภาพยนตร์ Net I Die #สวยตายล่ะมึง, ภาพยนตร์ รักเราสองปี
IG : catsudsoi
ไปดูความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่สมัยเรียนด้านบริหาร ม.เอแบค จนกระทั่ง ณ ปัจจุบัน ของโต๋-ศักดิ์สิทธิ์
โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร กับการเดินทางครั้งใหม่ ในซิงเกิ้ล “เขตห้ามหวง” สังกัด BEC-TERO MUSIC ไปดูความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่สมัยเรียนด้านบริหาร ม.เอแบค จนกระทั่ง ณ ปัจจุบัน จากโต๋หนุ่มน้อยเด็กเนิร์ดสมัยเรียน ได้กลายเป็นศิลปินนักดนตรีที่ได้ทำในหลากหลายบทบาทที่ท้าทายมากยิ่งขึ้น
เรียนบริหารเพื่อมาจัดการทางดนตรี
ผมจบนานาชาติเอกมัย ก็ได้ทุนเรียนต่อที่เอแบค ผมเลือกคณะบริหารธุรกิจ ระหว่างประเทศ อินเตอร์ หลายคนถามว่าทำไมไม่เรียนดนตรี เพราะผมอยากให้ดนตรีเป็นแค่งานอดิเรกของเรา ไม่อยากให้เป็นเรื่องซีเรียสในชีวิต แล้วอีกอย่างคืออยากเรียนบริหารธุรกิจไว้เพื่อซัพพอร์ตความเป็นศิลปินของเรา พูดง่ายๆ ชีวิตมันมีหลายด้าน เราเป็นนักดนตรี แต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต คุณต้องรู้จักบริหารชีวิตในหลายด้านด้วย
หนุ่มน้อยบริหารสุดเนิร์ด
ยอมรับเลยว่าตอนเรียนเป็นเด็กเนิร์ด เทอมแรกเข้ามาได้ 4.00 ตั้งใจมาก อยากทำให้ได้ดี แต่สิ่งที่หายไปก็คือ มุมกิจกรรมกับมุมเที่ยวกับเพื่อนน้อยมาก ตอนนั้นก็เริ่มเข้าวงการแล้ว แต่การเรียนบริหารกับความเป็นศิลปิน มันลิงก์กันนะ เอาทฤษฎีง่ายๆ ของวิชาบริหารเรื่อง SWOT Analysis มาใช้ คือคุณต้องประเมินจุดแข็งของคุณ จุดอ่อนที่สามารถพัฒนาได้ ต้องรู้โอกาสที่เราจะโตไปในทางไหน สุดท้ายข้อควรระวังมีอะไรบ้าง ซึ่งมันใช้ในเรื่องการทำเพลงก็ได้ ทำให้เราอยู่ตรงกลางระหว่างศิลปะกับบริหาร บาลานซ์ตัวเองได้ทั้งสองฝั่ง ส่วนเทคนิคการเรียน ตอนนั้นผมใช้วิธีเข้าไปนั่งฟังในห้องเรียน แล้วทำความเข้าใจกับมัน ที่สำคัญคือก่อนเข้าห้องสอบ เราจะต้องเขียนเลกเชอร์เป็น Mind Map ให้เราลิงก์เรื่องต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ถึงแม้เราจะมั่วก็มั่วอย่างมีหลักการ (หัวเราะ) เพราะเราจะรู้ว่ามันลิงก์กับอะไรบ้าง อยู่ดีๆ คุณจะไปมั่วเรื่องอื่นไม่ได้ อันนี้คือเคล็ดลับในการเรียนของผม
ประสบการณ์ครั้งหนึ่งในมหา’ลัย
ผมได้วินัยในการใช้ชีวิต เราเห็นคุณค่าของเวลาและเพื่อน เพราะมันเดินทางตลอด แต่เป็นสี่ปีที่โคตรสนุกและมีความสุขผมว่ามันเป็นช่วงเดียวในชีวิตที่คุณจะสามารถเอนจอยกับมันได้ คุณจะไม่มีโอกาสจะได้กลับใช้ชีวิตแบบนี้ได้อีกแล้วเมื่อคุณจบมหา’ลัย เวลามีคนมาถามว่าให้ทริกอะไรเด็กๆ หน่อย ผมจะไม่บอกว่าให้ตั้งใจเรียน คุณต้องได้สี่นะ ไม่จำเป็น คุณเลือกเองว่าคุณจะเอาไง คุณอยากจะทำกิจกรรมเยอะหน่อย เรียนน้อยหน่อย ก็แล้วแต่คุณ แต่ใช้ให้มันดีที่สุด เป็นสี่ปีในชีวิตครั้งเดียวที่คุณได้เลือก มันผ่านไปแล้ว มันจะผ่านกลับมาอีกไม่ได้แล้ว
จากบทบาทเดียว เปลี่ยนมาเป็นโต๋ในหลายบทบาทที่ท้าทาย
จบใหม่ๆ ความรู้เยอะ มหา’ลัยสอนทฤษฏีเป็นอาวุธให้คุณพร้อมออกไปรบในสนามจริง แต่พอคุณออกรบในสนามชีวิตจริง มันไม่เหมือนในสนามซ้อม สุดท้ายก็ต้องอาศัยประสบการณ์ที่จะสอนให้คุณเติบโตแข็งแกร่งขึ้น อย่างเรื่องงานเพลง ใครที่ติดตามผมจะรู้ว่าผมมียุคสมัยตั้งแต่ผมทรงนี้ๆ จากเล่นเปียโนเบาๆ ไปจนหนัก จนไม่เล่นเปียโน มาเดินร้อง มีเต้น จนทุกวันนี้เห็นผมเล่นละครด้วย เป็นคอมเมนเตเตอร์ด้วย พูดคุยเก่งขึ้น อย่างซิงเกิ้ลล่าสุด มันก็เป็นซาวด์ใหม่ ซาวด์ที่เด็กสมัยนี้เขาฟังกัน ผมว่าการบ้านของศิลปินเดี๋ยวนี้คือ ทำยังไงให้เรายังอยู่ในยุคปีนี้ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่คุณหลุด คุณจะกลายเป็นศิลปินเรโทรไปในทันทีตอนนี้ผมเลยรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมาก มีช่วงหนึ่งที่ผมหายไป แล้วผมขอหยุด จนผมรู้สึกว่าเราต้องก้าวออกมาจากกรอบ เริ่มต้นจากก้าวแรกที่คุณต้องกล้าออกมาจากเซฟตี้โซน เราต้องกล้าท้าทายตัวเอง เริ่มก้าวออกมาก่อน แล้วมาลอง คุณจะอ่อ เราทำอย่างนี้ก็ได้นี่นา ผมรู้สึกเหมือนผมกลับมาเป็นศิลปินหน้าใหม่อีกครั้ง พูดไปก็คนอาจจะคิดอะไรขนาดนั้น แต่จริงๆ คือเหมือนเราได้กลับมาเป็นศิลปินคนใหม่ที่ได้ลองทำมาหมดทุกอย่างแล้ว
























