พักที่ อิมม์ โฮเทล ท่าแพ เชียงใหม่ สมาชิก Travel Guru รับฟรีทันที ส่วนลด 500 บาท

พักที่ อิมม์ โฮเทล ท่าแพ เชียงใหม่ สมาชิก Travel Guru รับฟรีทันที ส่วนลด 500 บาท

image001

image002

image003

โรงแรม อิมม์ ท่าแพ มีจุดเด่นที่ทำเลที่ตั้ง ที่อยู่ใจกลางเมือง ประตูท่าแพ ติดถนนใหญ่ เป็นโรงแรมในกลุ่ม อิมม์ โฮเทล จุดเด่นของที่ตั้งโรงแรม อิมม์ โฮเทล ท่าแพ คือ ตั้งอยู่หน้าลานเอนกประสงค์ประตูท่าแพ ศูนย์กลางแห่งความเจริญที่ควบคู่ไปกับอารยธรรมเก่าแก่ของเมืองเชียงใหม่ ประตูท่าแพนี้เป็นประตูที่ชาวเชียงใหม่นิยมใช้เป็นที่จัดกิจกรรมต่างๆ มาตั้งแต่โบราณ เช่น เทศกาลไม้ดอกไม้ประดับ ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีลอยกระทง ซึ่งขบวนแห่ต่างๆ จะเดินผ่านประตูท่าแพแห่งนี้ทุกขบวน หากเป็นช่วงที่ไม่มีเทศกาลใดๆ ทุกวันอาทิตย์บริเวณประตูท่าแพ ท่านจะเจอกับถนนคนเดินเชียงใหม่ซึ่งจัดเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นทั้งแหล่งบันเทิงและงานวัฒนธรรมตลอด ทั้งปี ทำให้ อิมม์ โฮเทล ท่าแพ เชียงใหม่ เป็นที่พักในใจของผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางทุกท่าน

image004

image005

image006

image007

image008

มีห้องพักให้บริการทั้งหมด 106 ห้อง มีห้องให้เลือก 4 แบบ ได้แก่ ห้องซูพีเรียร์ ห้องดีลักซ์ ห้องทริปเปิ้ล และห้องแฟมิลี่สำหรับครอบครัว

Superior Room จำนวนทั้งหมด 76 ห้อง มีพื้นที่ห้องพักประมาณ 22-29 ตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น แอลซีดีทีวี ฝักบัวในห้องน้ำ อุปกรณ์อาบน้ำในห้องน้ำ แอร์ น้ำดื่มบรรจุขวด โทรศัพท์ ตู้เซฟ โคมไฟ อินเตอร์เน็ตไร้สายฟรี ตู้เย็นไม่มีมินิบาร์

Deluxe Room จำนวนทั้งหมด 26 ห้อง มีพื้นที่ห้องประมาณ 31 ตารางเมตร ภายในห้องพักประกอบด้วย เตียงเดี่ยวสองเตียง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ แอลซีดีทีวี ฝักบัวในห้องน้ำ อุปกรณ์อาบน้ำในห้องน้ำ แอร์ น้ำดื่มบรรจุขวด โทรศัพท์ ตู้เซฟ โคมไฟ ตู้เย็น มินิบาร์ อินเตอร์เน็ตไร้สายฟรี

Triple Room จำนวนทั้งหมด 2 ห้อง มีพื้นที่ห้องประมาณ 31 ตารางเมตร ประกอบด้วย เตียงเดี่ยว 3 เตียง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น แอลซีดีทีวี ฝักบัวในห้องน้ำ อุปกรณ์อาบน้ำในห้องน้ำ แอร์ น้ำดื่มบรรจุขวด โทรศัพท์ ตู้เซฟ โคมไฟ โต๊ะทำงาน อินเตอร์เน็ตไร้สายฟรี ตู้เย็นไม่มีมินิบาร์

Family Room จำนวนทั้งหมด 2 ห้อง มีพื้นที่ห้องประมาณ 31 ตารางเมตร ประกอบด้วย เตียงเดี่ยว 2 เตียงและเตียงสองชั้น 1 เตียง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ฝักบัวในห้องน้ำ อุปกรณ์อาบน้ำในห้องน้ำ แอร์ น้ำดื่มบรรจุขวด โทรศัพท์ ตู้เซฟ โคมไฟ โต๊ะทำงาน อินเตอร์เน็ตไร้สายฟรี ตู้เย็นไม่มีมินิบาร์

สอบถามเพิ่มเติมโทร : 02-100-8009

 

 

 

น้ำตกเอราวัณ มรกตเม็ดงามแห่งอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จังหวัดกาญจนบุรี

image001

สำหรับใครเป็นคอละครที่เคยดูละครชุดเรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอนคุณชายรณพีร์ ในฉากที่ชายพีร์-เพียงขวัญ หรือในฉากที่พระ-นางพบกันครั้งแรก ไหนจะในตอนคุณชายรัชชานนท์ที่ยกกองมาถ่ายฉากกระโดดหน้าผาแล้วล่ะก็ หลายท่านคงเกิดความสงสัยว่า ฉากน้ำตกที่มีความสวยงาม เสมือนฉากใดฉากหนึ่งในนวนิยายแฟนตาซี นั้นคือที่ใด? ในประเทศไทยมีน้ำตกที่สวยขนาดนี้ด้วยหรือ? วันนี้เรามีคำตอบมาไขข้อสงสัยนี้กันค่ะ

เพราะถ้าจะพูดถึง น้ำตกเอราวัณ หรือจะเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า น้ำตกสะด่องม่องลาย แล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักน้ำตกอันงดงามแห่งนี้แน่ๆ

น้ำตกเอราวัณนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ของ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีระยะทางยาวติดต่อกัน มีทั้งหมดด้วยกันถึง 7 ชั้น เป็นระยะทางประมาณ 1,500 กิโลเมตร ซึ่งดูเหมือนว่าจะไกล แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ตลอดทางที่เดินนั้นบอกได้เลยว่าเดินกันเพลิน (หรือเพลียกันไปเลยทีเดียว) เพราะ นอกจากจะมีแมกไม้นานาพรรณที่ทั้งอุดมสมบูรณ์และให้ความร่มรื่นแล้ว ละอองน้ำที่กระเด็นมาโดนใบหน้าหรือตัวขณะที่เดินผ่านสายน้ำในแต่ละชั้นนั้นยังช่วยเพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดี

image002

เคยมีหลายท่านสงสัยและถามบ่อยๆ ว่าทำไมน้ำตกแห่งนี้ถึงชื่อว่า เอราวัณ วันนี้เราจะไปหาคำตอบด้วยกันนะคะ อย่างที่บอกไปแล้วว่าน้ำตกเอราวัณนี้มีด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้น และแต่ละชั้นนั้นจะมีชื่อเรียกและความสวยงามแตกต่างกันไป แถมชื่อเรียกยังคล้องจองกัน ไหลคืนรัง วังมัจฉา ผาน้ำตก อกนางผีเสื้อ เบื่อไม่ลง ดงพฤกษา ภูผาเอราวัณ เรามาเริ่มทำความรู้จักกันตั้งแต่ชั้นแรก

image003

ในชั้นแรก ไหลคืนรัง เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเข้าสู่อ้อมกอดของธรรมชาติ สายน้ำในชั้นแรกนี้ จะไหลลดหลั่นกันเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการนั่งรับลมและพักผ่อน ในชั้นนี้นั้นยังมีที่นั่งให้ผู้ที่มาเที่ยวได้นำอาหารมานั่งรับประทานร่วมกัน รวมทั้งยังมีร้านขายอาหารและน้ำดื่มที่ทางอุทยานมีให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการด้วยค่ะ

image004

ไปต่อกันที่ชั้นที่ 2 วังมัจฉา แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามัจฉา แน่นอนว่าชั้นนี้จะต้องเป็นที่อยู่ของเจ้ามัจฉามากหน้าหลายตัวทีเดียว และเดินจากชั้นแรกมาแค่นิดเดียวเท่านั้น รับประกันได้เลยว่าชั้นนี้สวยและน่าเล่นกว่าชั้นแรก แต่ไม่รับประกันเรื่องคนเยอะนะคะ เมื่อเดินไปอีกหน่อยจะพบกับกองอำนวยการ สำหรับท่านใดที่ต้องการจะเดินขึ้นไปชั้นสูงกว่านี้จะต้องมีการลงทะเบียนขวดน้ำและจ่ายเงินมัดจำเสียก่อนถึงจะนำขวดน้ำดื่มติดตัวไปได้ ระหว่างทางที่จะเดินต่อไปที่ชั้นที่ 3 จะต้องเดินตัดข้ามลำธารกันซะก่อน แต่บอกเลยว่าการเดินตัดข้ามลำธารนี้ไม่มีเปียก เพราะ ทางอุทยานได้ทำสะพานแขวนให้นักท่องเที่ยวได้เดินกันอย่างสะดวก ลำธารตรงนี้มีความสวยงามไม่ต่างจากชั้นที่ผ่านมาเลยทีเดียว และในชั้นนี้เองค่ะที่เป็นฉากถ่ายทำละครคุณชายรณพีร์และคุณชายรัชชานนท์

image005

ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก ระยะทางห่างจากชั้นที่ 2 เพียงแค่ 200 เมตรเท่านั้น นับว่าเดินยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้วค่ะ ชั้นนี้เป็นชั้นที่สวยสมชื่อ ไม่ซ้ำชั้นอื่นและมีเอกลักษณ์มาก เพราะ สายน้ำจะไหลจากหน้าผาไหลลงมายังแอ่งน้ำสีมรกตที่รองรับอยู่เบื้องล่างแค่จังหวะเดียว ในลักษณะตรงดิ่ง ใต้ผ้าจะมีก้อนหินเปรียบเสมือนเก้าอี้ตัวใหญ่ให้คนได้นั่งหรือนอนรับน้ำที่ตกลงมาจากหน้าผา คล้ายกับการทำสปาหรือนอนแช่ในอ่างน้ำจากุซซี่ที่สามารถเปิดน้ำนวดตัวกันได้เลยทีเดียว

image006

ต่อกันที่ชั้นที่ 4 ที่มีชื่อว่าอกนางผีเสื้อ เนื่องจากลักษณะของหินนั้นเสมือนกับหน้าอกซึ่งถ้าหากจะมองจริงๆแล้วไม่เหมือนกับอกของนางผีเสื้อเท่าไหร่ แต่คล้ายกับหน้าอกของหญิงสาวมากกว่าและต้องบอกว่าเป็นหน้าอกที่ไม่เล็กเลยจริงๆ ตรงนี้เองค่ะที่เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นสไลด์บนอกของนางผีเสื้อกันค่ะ น้ำในชั้นนี้มีความใสจนสามารถมองเห็นพื้นดินใต้น้ำรวมทั้งฝูงปลาได้เลยทีเดียว

image007

ชั้นที่ 5 นับว่าผู้ที่สามารถเดินมาได้ถึงชั้นนี้แล้วล่ะก็ จะต้องเป็นผู้ที่มีความพยายามอย่างมากทีเดียวค่ะ เพราะ ระยะทางที่กว่าจะมาถึงชั้นนี้ได้นั้น ไกลถึง 600 เมตร และต้องเดินขึ้นเขา เดินไปพักหายใจไปบอกได้เลยว่าเล่นเอาหอบทีเดียว แต่รับประกันได้อีกเช่นกันค่ะ ว่าถ้าหากท่านใดที่เดินมาถึงชั้นนี้จะไม่มีผิดหวังแน่นอน แถมยังจะประทับใจกับความสวยงามของสายน้ำที่ไหลผ่านก้อนหินใหญ่น้อยลดหลั่นกันไปจนถึงแอ่งน้ำสีมรกตที่รองรับอยู่ ต้นไม้นานาชนิดสีเขียวสดปกคลุมคล้ายหลังคา ทำให้ยามมองนั้นรู้สึกสดชื่นเหมือนกับได้รับพลังจากธรรมชาติ นอกจากนั้นยังทำให้ร่มรื่นน่านั่งพักผ่อนอีกด้วย และถ้าหากมาเที่ยวยามที่น้ำมากแล้วล่ะก็ น้ำตกชั้นนี้จะต้องเป็นน้ำตกที่สวยงามน่ามองจนเบื่อไม่ลงสมชื่อจริงๆค่ะ

image008

ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา แม้ในชั้นนี้น้ำจะไม่มากแต่ก็มีความพิเศษตรงที่สายน้ำนั้น ยามที่ม่านน้ำไหลตกลงมานั้นแหวกเป็นม่านน้ำตกลงมาจากดงพฤกษา และภาพนี้เองค่ะที่ทำให้ใครหลายคนที่เดินมาเหนื่อยรู้สึกสดชื่นและเย็นฉ่ำขึ้นมาอีกเท่าตัว แต่ต้องบอกเลยว่าน้ำตกชั้นนี้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยนิยมลงเล่นกันเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะ สายน้ำที่ไหลลงมานั้นน้ำไม่ค่อยแรงและน้ำน้อยกว่าชั้นอื่นๆ ทำให้หลายๆคนมักจะมองข้ามไปนั่นเองค่ะ

image009

และในที่สุดการเดินทางของเรามาถึงชั้นสุดท้ายกันแล้วค่ะ ในชั้นนี้ตามป้ายบอกทางนั้น บอกว่าเดินไปอีกไม่ไกลเราก็จะถึงจุดหมายปลายทางเพียงแค่อีก 100 เมตร จากชั้นที่ 6 แต่ในความรู้สึกเหมือนเดินสัก 500 เมตรเลยทีเดียวค่ะ เพราะ ทางค่อนข้างลำบากเอาการ ไหนจะต้องปีนบันไดที่ทั้งสูงทั้งชันแต่ละขั้นก็ห่างกันเกินกว่าที่คนขาสั้นๆอย่างเราจะสามารถ และไม่ใช่เจอบันไดแบบนี้แค่ที่เดียว แต่เจอหลายรอบจนหมดแรง ไหนจะต้องกระโดดข้ามแอ่งน้ำถึง 2 ครั้ง ที่ทำเอาหวาดเสียวว่าจะกระโดดพลาดแล้วตกน้ำเปียกหรือเปล่า แต่ก็ไม่เปียกอย่างที่คิดค่ะแค่เกือบๆไปเท่านั้น และในชั้น 7 ที่เป็นจุดหมายของเราวันนี้ก็คือที่มาของชื่อน้ำตกเอราวัณค่ะ เนื่องจากหน้าผาน้ำตกของชั้นนี้ ถ้าจะมองเพียงเผินๆแล้วอาจจะมองไม่ออก แต่ถ้าสังเกตดีๆจะแลเห็นเหมือนเศียรของช้างเอราวัณทั้ง 3 เศียร สัตว์พาหนะของพระอินทร์ เป็นช้างเผือก มีด้วยกัน 33 เศียร แต่ละเศียรมีงา 7 งา ในเรื่องรามายณะตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ในฤดูฝนที่มีน้ำมาก น้ำตกชั้นนี้จะเป็นชั้นที่สวยที่สุดและนักท่องเที่ยวต่างชาติมักนิยมมาเที่ยวกันในช่วงนั้นด้วยค่ะ
ที่มา
http://www.ท่องเที่ยวไทย.com

ตลาดน้ำ 4 ภาค เนรมิตวิถีชีวิตแผนไทย เสน่ห์แห่งใหม่ที่เมืองพัทยา

ถ้าจะเอ่ยถึงสถานที่ยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนแล้วล่ะก็ คำตอบน่าจะไม่พ้นจังหวัดเชียงใหม่ เพราะอะไรน่ะหรือคะ ก็เพราะภาพยนตร์เรื่อง Lost in Thailand (แก๊งม่วนป่วนไทยแลนด์) ที่มาถ่ายทำกันยังจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากจะดังอย่างถล่มทลายทำรายได้ไปมากมายหลานล้านแล้ว ยังทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนพากันแห่มาเที่ยวจนจังหวัดเชียงใหม่แทบแตก ยังไม่พอ ยังมีการสร้างจังหวัดเชียงใหม่จำลองกันที่ประเทศจีนกันอีกด้วย แต่!! วันนี้เราจะยังไม่ไปกันถึงเชียงใหม่ค่ะ เนื่องจากมีเวลาน้อย เราจึงจะไปสถานที่ที่ฮิตรองลงมากันค่ะ ถ้าบอกไม่แล้วเชื่อได้เลยว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ นั่นก็คือ ตลาดน้ำ 4 ภาคนั่นเองค่ะ จะบอกว่าวันนี้เราเดินตามรอยนักท่องเที่ยวชาวจีนก็คงไม่ผิดนัก เพราะ การที่นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่กันมาเที่ยวแสดงว่าจะต้องเป็นที่ที่น่าเที่ยวแน่นอนเลย

image001

การเดินทางของเราในวันนี้ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงชองประเทศไทยเลยค่ะ เริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่ 7 โมงเช้าของวันหยุด ยังไม่ทันจะเมื่อยก้นดีเราก็เดินทางมาถึงจุดหมายของเรา ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นจังหวัดที่ติดกับอ่าวไทยอยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศค่ะ ถ้าจะพูดถึงพัทยาเราอาจจะนึกถึงคาบาเร่โชว์ที่ใครๆต่างก็ชอบมาดูกัน แต่ตอนนี้เกรงว่าจะยังเช้าเกินไปที่จะไปดูการแสดง เราเลยมุ่งหน้าไปที่ ตลาดน้ำ 4 ภาคกันก่อนนะคะ

image002

บอกไปใครจะเชื่อว่าจุดเริ่มต้นของตลาดน้ำที่โด่งดังแห่งนี้ จะมีที่มามาจากร้านขายปูดอง ร้านที่สร้างเป็นเพิงเล็กๆริมหนองน้ำ จึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด จากร้านปูดองในวันนั้นจนถึงวันนี้ ถ้าจะพูดไปก็ไม่น่าเชื่อว่ากาลเวลาเพียงไม่กี่ปีจะเปลี่ยนอะไรได้มากมายและสามารถสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านแถบพัทยาได้อย่างมากมาย นอกจากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่นิยมมาเที่ยวกันแล้ว ก็ยังมีนักท่องเที่ยวในแถบยุโรปที่มาเที่ยวกันอีกด้วยค่ะ นี่ยังไม่รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยเองนะคะ เป็นอันว่าไม่ต้องนับจำนวนเลยจะง่ายที่สุดค่ะ ตลาดน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 23 ไร่ เนรมิตบึงขนาดใหญ่และป่ารกร้างให้กลายเป็นตลาดน้ำ เพื่อที่นักท่องเที่ยวที่มายังตลาดน้ำจะได้สัมผัสกับความเป็นไทย เพราะ มีการจำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายของคนไทย ที่มีชีวิตผูกพันกับสายน้ำ รวมถึงนักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้ภูมิปัญญาของชาวบ้านทั้ง 4 ภาค อันเป็นวิถีชีวิตที่น่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลางและภาคใต้ นอกจากนั้นยังมีการนำเอาของดีของเด็ดจากภาคต่างๆมาจำหน่ายด้วยค่ะ

image003

กลิ่นอายแบบไทยๆนี่เองที่นับว่าเป็นเอกลักษณ์ที่เด่นที่สุดในการนำเสนอ ปัจจุบันไม่ง่ายแล้วที่คนทั่วไปจะได้สัมผัสกับชีวิตริมสายน้ำแบบนี้กันได้ง่ายๆ ไหนจะมีการสร้างบ้านเรือนไทยโบราณจำลองที่เรียงรายตลอดทั้งสองข้างทาง มีบริการเรือให้นักท่องเที่ยวได้ลองนั่งเรือเล่น พ่อค้า แม่ขายที่พายเรือนำสินค้ามาขาย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ขนมนมเนย รวมถึงผลไม้ที่รับประกันถึงความอร่อยว่าไม่เป็นรองที่ใดๆเลยค่ะ นอกจากอาหารและของอร่อยๆแล้ว ยังมีสินค้าหัตถกรรมที่ทำอย่างประณีตตามเอกลักษณ์ของแต่ละภาค อย่างในภาคเหนือจะเป็นสินค้าจำพวกแกะสลัก เครื่องเงิน ผ้าพื้นเมือง และที่เด่นที่สุดเห็นจะเป็นร่มกระดาษ สัญลักษณ์ของเมืองเหนือ ส่วนในภาคอีสานก็จะเป็นพวกผ้าไหมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าไหมแพรวา ส่วนของภาคกลางนั้น ก็จะเป็นเฟอร์นิเจอร์หวาย เครื่องประดับต่างๆ และในส่วนของภาคใต้เองนั้น ก็เป็นสินค้าจำพวกผ้าบาติกที่โด่งดังเช่นกันค่ะ

image004

ท่านใดที่ยังไม่รู้ว่าวันหยุดจะไปพักผ่อนที่ไหน ไม่ไกลจากกรุงเทพแล้วล่ะก็ แนะนำเลยค่ะตลาดน้ำ 4 ภาคแห่งนี้นี่เอง สถานที่ท่องเที่ยวที่รวบรวมศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และสินค้าของดีของแต่ละภาคมารวมกันไว้ได้อย่างลงตัว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชม ชิม และช็อปแต่สำหรับท่านใดที่ไม่ชอบที่ๆคนเยอะๆแล้วล่ะก็ อาจจะต้องทำใจกันหน่อยนะคะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคราวหน้าเราจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่คนไม่พลุกพล่านแต่น่าไปเที่ยวให้อย่างแน่นอนค่ะ

ที่มา

http://www.ท่องเที่ยวไทย.com