รับส่วนลด 500 บาท! เมื่อพักที่ เดอะ เดวา เกาะช้าง (The Dewa Koh Chang) เกาะช้าง

เดอะ เดวา เกาะช้าง (The Dewa Koh Chang) เกาะช้าง จ.ตราด
มอบส่วนลดทันที 500 บาท! เมื่อจองโรงแรมนี้
สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก Travel Guru เท่านั้น!

“THE DEWA” มีความหมายว่า “เทวะ” ในภาษาไทย อันเป็นคำจำกัดความที่สะท้อนถึงแนวความคิดและที่มาของรีสอร์ท เดอะ เดวา เกาะช้าง (The Dewa Koh Chang) แห่งนี้ ที่ต้องการสื่อถึงพลัง ความแข็งแกร่ง ความหนักแน่น ความสรรสร้าง และมนต์เสน่ห์แบบตะวันออก ผ่านงานสถาปัตยกรรม การออกแบบตกแต่งในแบบ Rustic Tropical อาทิ เช่น อาคารปูนเปลือยขัดมัน สระว่ายน้ำสีดำประกายทองงามระยิบเมื่อต้องแสง หลังคาหญ้าคาและไม้ซีดาร์ และวัสดุตกแต่งต่างๆ ที่เน้นวัสดุจากธรรมชาติ เพื่อให้ผู้เข้าพักรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ห้องพักแบบ Deluxe Room

ห้องพักแบบ Villa Room

บรรยากาศรอบๆรีสอร์ท ติดทะเล

คาเฟ่และร้านอาหารในรีสอร์ท

เงื่อนไข:

-ห้องพักทุกประเภท 2 วัน 1 คืน จำนวน 1 ห้อง

-ราคาดังกล่าวรวมค่าบริการและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว

-Check in 14.00 hrs and Check out 12.00 noon

-ไม่สามารถใช้ได้ในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง (Long Weekend) และวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่างๆ

-กรุณาสำรองห้องพักอย่างน้อย 7 วันทำการก่อนเข้าพัก

-กรุณาสำรองห้องพักได้ที่ 02-100-8008 เท่านั้น

-ไม่สามาถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นๆหรือแลกเป็นเงินสดได้

-กรณีเลื่อนวันหรือยกเลิกการเดินทางต้องแจ้งก่อนการเดินทางอย่างน้อย 14 วันทำการ และ สามารถเลื่อนได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น

-หากของรางวัลดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงทางบริษัทจะหาของรางวัลที่มูลค่ามากกว่าหรือเทียบเท่ามาชดเชยให้

ระยะเวลา: วันนี้ – 31 ธ.ค. 59

รายละเอียดเพิ่มเติม: http://www.hotelsthailand.com/thailand/koh-chang-trad/the-dewa-koh-chang.html

ไฮไลท์ปลายฝน! ภูทับเบิก ดินแดนแห่งสายหมอก

ช่วงนี้ ประเทศไทยของเราอยู่ในช่วงปลายฝนต้นหนาวกันแล้ว ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรค่าแก่การไปสัมผัสมากมาย และบางแห่งคุณต้องไม่เชื่อแน่ ๆ ว่าเรากำลังอยู่บนโลกมนุษย์ เพราะมันงดงามจนเหมือนหลุดออกมาจากสรวงสวรรค์ (พูดเหมือนกับเคยไปเนอะ) ทาง Travel.mthai.com จึงขอนำเสนอ ไฮไลท์ปลายฝน ที่คุณควรไปเยือนมากที่สุด นั่นก็คือ “ภูทับเบิก” ดินแดนแห่งสายหมอก

ภูทับเบิก ตั้งอยู่ที่ตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,768 เมตร ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเพชรบูรณ์ ภูมิประเทศมีความงดงามอย่างมาก เต็มไปด้วยทะเลภูเขา ป่าไม้และธรรมชาติมีความอุดมสมบูรณ์ อากาศบริสุทธ์ เย็นสบายตลอดปี ในตอนเช้ามีหมอกและกลุ่มเมฆ มองเห็นเป็นทะเลหมอกตัดกับยอดภูสีเขียว และยังเป็นเป็นแหล่งปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกด้วย

การเดินทางไปภูทับเบิก

1. รถยนต์ส่วนตัว

– เส้นทาง จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนพหลโยธิน ( ทางหลวงหมายเลข 1 ) มุ่งหน้าสู่จังหวัด สระบุรี ประมาณ 75 กิโลเมตร จะถึงตัวเมืองสระบุรี จากนั้นขับตรงไปมุ่งหน้าสู่จังหวัดลพบุรี ประมาณ 16 กิโลเมตรสู่ภูทับเบิก จากเพชรบูรณ์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 21 ประมาณ 40 กิโลเมตร ถึงสี่แยกหล่มสัก ตรงไปตามทาง หลวงหมายเลข 203 อีก 13 กิโลเมตร พบป้ายบอกทางไปอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตามทางหลวง 2011 และทางหลวงหมายเลข 2331 อีก 40 กิโลเมตร ถึงด่านเก็บค่าธรรมเนียมของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าจาก ตรงนี้มีทางแยกขวาเข้าหมู่บ้านทับเบิกไปอีก 6 กิโลเมตร เส้นทางจากหล่มเก่ามาภูทับเบิกจะสูงชันและคดเคี้ยวมาก รถบัสไม่สามารถขึ้นได้ ผู้ที่ใช้รถยนต์หรือรถตู้ ควรขับรถด้วยความระมัดระวัง

2. รถประจำทาง

การเดินทางมายังภูทับเบิก หากไม่มีรถยนต์มาเอง ต้องนั่งรถโดยสารมาลงที่หล่มสัก หลังจากนั้นก็เหมาสองแถวเพื่อขึ้นสู่ภูทับเบิก อัตราค่าจ้างก็แล้วแต่ตกลง โดยเฉลียอยู่ในเรตราคา 1200 – 1500 บาท

ที่พักบนภูทับเบิก มีทั้งแบบบ้านพักและลานกางเต้นท์ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกได้ตามสะดวก

อย่ามัวอิ่มเอมกับภาพนะครับ ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองด้วย แล้วจะรู้ว่าไปแล้วไม่อยากกลับจริงๆ หากไปช่วงหน้าหนาวยิ่งอินครับ จะไปกับครอบครัวก็แสนจะอบอุ่น ไปกับแฟนก็สุดยอดแห่งความโรแมนติก หรือจะไปชิลกับผองเพื่อนก็ยิ่งเพลิดเพลิน (อย่าลืมพกเสื้อกันหนาวไปหลาย ๆ ตัวนะครับ เพราะตัวเดียวอาจจะเอาไม่อยู่ อิอิ)

ที่มา: phutabberk.sadoodta.com, paiduaykan.com  เรียบเรียงโดย: Travel MThai

ขอบคุณรูปภาพจาก: pantip.com, เจ้าของรูปภาพ Facebook คุณ chanomworld

อยากกินเป็นบุญปาก!! เนื้อสะเต๊ะ ใต้ต้นข่อย สูตร 100 ปี จ.เชียงใหม่

หมูสะเต๊ะเบื่อกันแล้ว อยากกินเนื้อสเต๊ะอร่อยๆ บ้าง เจ้าเก่าแก่ต้องไปกินที่ไหน และเราได้เจอรีวิวร้านอยู่ร้านหนึ่ง เป็นร้านเนื้อสะเต๊ะที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ชื่อที่เรียกร้านนี้ว่า เนื้อสะเต๊ะ ใต้ต้นข่อย สูตร 100 ปี เป็นร้านเนื้อสะเต๊ะเล็กๆ อยู่ใต้ต้นข่อยเส้นถนนระแกง จ.เชียงใหม่ หากใครจะไปต้องบอกเลยว่าร้านหายาก เพราะเป็นร้านธรรมดา ใครได้มีโอกาสไปเชียงใหม่ลองตามหาร้านนี้ดู เขาว่าร้านธรรมดาแต่เนื้อสะเต๊ะนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ร้านจะมีเก้าอี้แค่ 2 ตัวเท่านั้น เจ้าของร้านจะทำเนื้อสะเต๊ะจำกัดแค่เพียงวันละ 1,000 ไม้เท่านั้น หมดแล้วหมดเลย พี่เขาจะนั่งปิ้งระหว่างกลางของโต๊ะสองตัว หากเนื้อในจานหมดแล้ว พี่แกก็จะเติมให้เราเรื่อยๆ จนกว่าเราจะพอใจ ราคาไม้ละ 5 บาท กินอิ่มเมื่อไหร่พี่เขาก็จะนับไม้คิดตามจำนวนทันที น่าสนใจมาก ใครที่มีโอกาสขึ้นเชียงใหม่ ลองวนรถหากันดู ถามทางคนแถวนั้นน่าจะรู้จัก ใครเคยทานแล้วมารีวิวกันให้ฟังบ้างนะคะ

ขอบคุณภาพจาก: Freedom Heart‎   เรียบเรียงโดย: Travel MThai