10 วัดสวยที่สุดในเมืองไทย

10 วัดสวยที่สุดในเมืองไทย

 

 

 01

 

 1.วัดพระศรีอารย์ อุโบสถทองคำร้อยล้านจังหวัดราชบุรี

02

ชมความงามวัด Unseen ที่แรกกันที่ ราชบุรี กับ อุโบสถทองคำร้อยล้าน วัดพระศรี
อารย์
  ความสวยงามของวัดแห่งนี้ อยู่ที่ตัวโบสถ์ ซึ่งเป็นพระอุโบสถตกแต่งด้วยงานปูนปั้นสีทอง
ทั้งหลัง เหลืองอร่ามมองเห็นได้แต่ไกล  สวยงามด้วยศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย ประดับด้วย
ลวดลายปูนปั้นจิตรกรรมเรื่องพระมหาชนก ทศชาติพระเจ้าห้าพระองค์  ตัวอุโบสถทองคำหลังนี้ใช้
เวลาในการสร้างนานถึง 37 ปี  ด้วยแรงศรัทธาจากชาวบ้านล้วนๆ โดยมีมูลค่าในการจัดสร้างรวม
กว่า  “ร้อยล้านบาท ประกอบกับตัวโบสถ์สีทองทำให้ใครๆ พากันเรียกขานโบสถ์แห่งนี้
ว่า  อุโบสถทองคำร้อยล้าน

 

 

 

2.วัดถ้ำเขาวง วัดไม้เก่าแก่ท่ามกลางภูเขาหินปูนจังหวัดอุทัยธานี

03

วัดสวย แปลกตา ลำดับถัดไป ที่เราอยากให้คุณหาโอกาสไปเยี่ยมชมให้ได้ คือ
 “วัดถ้ำเขาวง หากมองจากภาพถ่ายเชื่อว่าหลายคนคงคิดว่า เป็นรีสอร์ทสวยๆ ที่ไหนสักแห่ง
แต่ความจริงแล้วที่นี่คือ วัด โดยวัดแห่งนี้เป็นอาคาร 4 ชั้น ออกแบบลักษณะเรือนไทย ยกใต้ถุน
แบ่งสัดส่วนการใช้งานเป็น 4 ส่วน คือ ใต้ถุนเป็นลานเอนกประสงค์และร้านขายของ , ชั้นที่ 2
เป็นวิหาร , ชั้นที่ 3 เป็นกุฏิ และ ชั้นที่ 4 จะเป็นโบสถ์สร้างด้วยไม้สัก และไม้มะค่า มีความ
งดงามมาก บริเวณโดยรอบก็มีการจัดภูมิทัศน์ให้สวยงาม ร่มรื่น มีฉากหลังเป็นเขาหินปูนสูง
ตระหง่าน บริเวณด้านหน้ามีสวนไม้ดัด และบ่อน้ำซึ่งมีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ห่างจากตัววัด
ไปทางด้านหลังจะมีถ้ำอยู่ประมาณ 7-8 ถ้ำ บางถ้ำเป็นที่นั่งวิปัสสนาสำหรับพระภิกษุ บางถ้ำเป็น
ถ้ำค้างคาว และบางถ้ำก็มีหินงอกหินย้อยให้ชมกัน ระหว่างทางเดินที่จะขึ้นไปชมถ้ำ จะผ่านน้ำตก
เทียมที่ดูเข้ากับบรรยากาศ เมื่อมาเยือนวัดแห่งนี้ จะรู้สึกปลอดโปร่ง ทั้งจากใจที่สงบจากการ
ทำบุญ และจากกายที่ได้พักผ่อนเหมือนมาตากอากาศในรีสอร์ท

 

 

 

3.วัดสันป่ายางหลวง วัดสวยล้านนากลางป่าคอนกรีตจังหวัดลำพูน

04

ถัดมาเราไปดูวัดสวยสไตล์ล้านนาท่ามกลางป่าคอนกรีต ของจังหวัดลำพูนกันบ้าง โดยไปกันที่
วัด สันป่ายางหลวง วัดนี้มีประวัติความเป็นมายาวนาน โดยเชื่อกันว่าเป็นวัดแห่งแรกของ
อาณาจักรล้านนา ด้วยสาเหตุนี้ ทำให้ภายในวัด มีสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ศิลปะทางล้านนามากมาย
ไม่ว่าจะเป็น วิหารพระโขงเขียว ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระหยกเขียวซึ่งนำมาจากแม่น้ำ
โขง หรือจะเป็น พระวิหารพุทธอัญญรัตนมหานทีศรีหริภุญชัยมณฑปทรงล้านนา ที่ใช้
ประดิษฐานพระพุทธเมตไตรจำลองจากพุทธคยา ฯลฯ การตกแต่งนอกจากจะใช้ศิลปะสไตล์
ล้านนาแล้ว ยังมีการสอดแทรกคติความเชื่อทางศาสนาลงไปในการก่อสร้างอีกด้วย

 

 

 

4.พระมหาเจดีย์ชัยมงคล วัดสวยเหมือนอยู่ในแดนสวรรค์ จังหวัดร้อยเอ็ด

05

พระมหาเจดีย์ชัยมงคล จ.ร้อยเอ็ด ความสวยแปลกตาของพระมหาเจดีย์แห่งนี้ คือ การผสม
ผสานระหว่างองค์พระปฐมเจดีย์ ศิลปะของภาคกลาง และพระธาตุพนม ศิลปะของภาค
อีสาน
เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว จากภายนอกตัวอาคารเป็นพื้นสีขาวตกแต่งลวดลายด้วยสีทอง
เหลืองอร่าม ดูวิจิตรตระการตา บริเวณโดยรอบรายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศ ภายในองค์
พระมหาเจดีย์ ตกแต่งอย่างสวยงามเหมือนอยู่บนวิมานแดนสวรรค์ มีรูปปั้นเทพ และเทพธิดา
ไปจนสวนสวยอยู่โดยรอบ ใช้งบประมาณในการสร้างรวมแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท

 

 

5.วัดถ้ำเสือ ชมความยิ่งใหญ่ของพระพุทธรูปปางประทานพรที่ใหญ่ที่สุด จังหวัดกาญจนบุรี

06

วัดสวย แปลกตา ลำดับถัดไป เราไปกันที่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี กับวัดสวยขนาดใหญ่ “วัดถ้ำ
เสือ
 ความสวยงามสะดุดตาของวัดนี้ เริ่มกันตั้งแต่ องค์พระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่
ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี ที่ไม่ได้มีดีแค่ขนาดเท่านั้น ความสวยงามขององค์พระที่ประดับตกแต่ง
ด้วยโมเสคสีทองทั้งองค์ ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนพากันหลั่งไหลเข้ามาชื่นชมความงามไม่
ขาดสาย และเมื่อเดินเข้าไปภายในวัดจะพบกับความวิจิตรของศิลปะแบบไทยๆ อีกมากมาย ไม่ว่า
จะเป็น อุโบสถวัด ทรงจตุรมุข มีซุ้มเสมารอบ 8 ทิศ, ลวดลายปูนปั้นพระพุทธประวัติสวยงาม
ทุกด้านของผนังภายในอุโบสถ
พระเจดีย์เกศแก้วมหาปราสาท เจดีย์ทรงสวย รูปร่างแปลก
ตา ภายในมีทั้งสิ้น 9 ชั้น ด้านบนเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ นอกจากนี้หากมองลง
มาจากบริเวณด้านบนในช่วงหน้าทำนา จะมองเห็นทุ่งนาข้าวสวยงามสุดลูกหูลูกตาอีกด้วย

 

 

 

6.วัดป่าสว่างบุญ เจดีย์ทองคำ 500 ยอดจังหวัดสระบุรี

07

ลำดับถัดไปเราไปชมความงามของมหาเจดีย์ราย 500 ยอดที่ วัดป่าสว่างบุญ จ.สระบุรี ที่วัดนี้
นอกจากจะมีชื่อเสียงในเรื่องของความสงบ ทำให้มีผู้คนมาปฏิบัติธรรมกันเป็นจำนวนมากแล้ว
ความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมที่สวยงามก็เป็นอีกหนึ่งที่ทำให้ชื่อเสียงขจรขจายไปไกลอีกด้วย
โดยความเด่นเรื่องความงามของวัดแห่งนี้อยู่ที่พระมหาเจดีย์ 500 ยอด มีชื่อเต็มว่า พระมหา
รัตนโลหะเจดีย์ศรีศาสนโพธิสัตว์สว่างบุญ
” ซึ่งประกอบไปด้วย เจดีย์ประธานองค์ใหญ่
อยู่ตรงกลาง และมีองค์เจดีย์รายองค์เล็กตั้งลดหลั่นกันลงมาอยู่รอบๆทิศ ตัวองค์เจดีย์เป็นปูนปั้นเคลือบสีทองทั้งหมดทุกองค์ ด้านในประดับกระจกทับทิม และได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจาก
ประเทศเนปาล, อินเดีย และศรีลังกา มาบรรจุในพระมหาเจดีย์ครบทั้ง 500 ยอด รวมทั้งได้นำ
พระบรมสารีริกธาตุ และวัตถุมงคลของมีค่ามาบรรจุอยู่ในพระเจดีย์องค์ประธานอีกด้วย

 

 

 7.วัดท่าซุง ชมความงามวิหารแก้วอันเลื่องชื่อ จังหวัดอุทัยธานี

08

วัดท่าซุง วัดขึ้นชื่อเรื่องความงามของจังหวัดอุทัยธานี แม้วัดแห่งนี้จะเป็นวัดเก่า แต่ก็ได้มีการ
บูรณะเรื่อยมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน มีการสร้างอาคารต่างๆ เพิ่มขึ้นจากในอดีตมากมาย เช่น
พระอุโบสถใหม่ ภายในประดับ และ ตกแต่งอย่างวิจิตร บานหน้าต่าง และประตูด้านในเขียนภาพ
เทวดาโดยจิตรกรฝีมือดี บริเวณโดยรอบสร้างกำแพงแก้ว มีรูปหล่อหลวงพ่อปาน และหลวง
พ่อใหญ่ขนาด
3 เท่า อยู่มุมกำแพงด้านหน้า มณฑป และพระวิหารแก้วที่ประดิษฐาน
พระพุทธชินราชจำลอง และศพของหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ไม่เน่าเปื่อยไฮไลท์ความงามของ
ที่นี่ต้องยกให้วิหารแก้ว
 ซึ่งสร้างด้วยโมเสกสีขาวใส มองดูเหมือนแก้ววาววับอยุ่ภายในสวยแปลก
ตา นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปพระพุทธชินราชจำลอง ซึ่งมีความงดงามเป็นพระประทานในวิหารอีกด้วย

 

 

 8.วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ พุทธคยาจำลอง จังหวัดนครสวรรค์

09

วัดสวยแปลกตา ลำดับถัดไปเราไปกันที่ จังหวัดนครสวรรค์ กับ วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ซึ่งเป็นวัดใน
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ความ
สวยงามแปลกตาของวัดแห่งนี้ คือการสร้างวัดเป็นรูปเรือหลวงบนยอดเขา ซึ่งสื่อความหมาย
ถึง พาหนะที่จะช่วยให้พ้นห้วงกิเลสภายในวัดประดิษฐานเจดีย์ศรีพุทธคยา ซึ่งจำลองแบบมา
จากเจดีย์พุทธคยาจากประเทศอินเดีย ลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมทรงกรวย ส่วนยอดเจดีย์เป็นทรง
ระฆังคว่ำ ประดับด้วยลวดลายปูนปั้น ซึ่งมีความสวยงามดูแปลกตา บริเวณรอบๆ เจดีย์จะมี
พระพุทธรูปปางประทับยืน และประทับนั่งอยู่ทั่วไป บริเวณชั้นบนสุดยังเป็นที่ประดิษฐานของ
พระบรมสารีริกธาตุ
อีกด้วย นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสิ่งก่อสร้างที่มีความหมายเป็นมงคลอีกหลาย
อย่าง อาทิ มณฑปเรือนแก้ว สถาปัตยกรรมประยุกต์ไทยอินเดีย มุงและกั้นด้วยกระจกสีชาทั้งหมด
เป็นที่ประดิษฐานพระประวัติศาสตร์ ห้องพระไตรปิฎก ชั้นบนสุดประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

 

 

 9.วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร วัดแบบโบสถ์คริสถ์หนึ่งเดียวในไทย จังหวัดอยุธยา

010

เคยเห็นวัดสร้างสไตล์โบสถ์คริสต์กันมั้ย  ถ้ายังไม่เคยเห็นเราจะพาไปชมกันได้ที่ วัดนิเวศธรรม
ประวัติราชวรวิหาร
 จ.อยุธยา วัดนี้สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่
หัว
 เพื่อทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับที่
พระราชวังบางปะอิน โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเลียนแบบโบสถ์ฝรั่งเป็นศิลปะแบบ
โกธิค (Gothic) ภายในประดิษฐาน “พระพุทธนฤมลธรรโมภาส เป็นพระประธานออกแบบโดย
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ
 โดยลักษณะที่ผสมผสานศิลปะแบบประเพณีนิยม
และศิลปะแบบตะวันตกเข้าด้วยกัน ซึ่งมีพุทธลักษณะคล้ายสามัญชน นอกจากนี้ บริเวณฐานชุกชีก็
มีลักษณะเหมือนที่ตั้งไม้กางเขนแบบโบสถ์ และฝาผนังโบสถ์ด้านหน้าของพระประธานนั้น เป็น
พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ ๕ ที่ประดับด้วยกระจกสี มองดูมีความสวยงามแปลกตามาก

 

 

 

10.วัดเกริ่นกฐิน วัดสวยจากศรัธาประชาชน จังหวัดลพบุรี

011

วัดสวยแปลกตาในเมืองไทย ลำดับสุดท้ายที่เราจะพาคุณๆไปชมในวันนี้ ไปกันที่  วัดเกริ่น
กฐิน
 จังหวัดลพบุรี วัดแห่งนี้จัดเป็นวัดเก่าคู่บ้านคู่เมืองลพบุรีมาช้านาน แต่เดิมชื่อเสียงของที่นี่
เป็นวัดที่จำพรรษาของเกจิอาจารย์ชื่อดัง หลวงพ่อเพี้ยน ต่อมาผู้คนที่นับถือองค์หลวงพ่อก็ได้
เข้ามาช่วยกันทำบุญและบูรณะวัดให้มีความสวยงาม จนชื่อเสียงเรื่องความงามเริ่มเป็นที่ประจักษ์
มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิหารหลวงพ่อปาน วิหารแก้วที่มีความวิจิตรสวยงามภายในเป็นที่ประดิษฐาน
พระพุทธรูปหลวงพ่อปาน
 ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ของวัด, เจดีย์สำหรับประดิษฐาน
พระบรมสารีริกธาตุ ที่สมเด็จพระสังฆราชประทานให้ไว้
 ตัววิหารออกแบบสวยงามมีการ
ประดับตกแต่งทั้งภายในและภายนอก พร้อมทั้งมีการยกฉัตรทองคำอีกด้วย

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก http://travel.mthai.com/blog/97448.html

เวียดนามวันเดียวเที่ยวง่าย สบายกระเป๋า

เวียดนามเหนือ-กลาง-ใต้ วันเดียวเที่ยวง่าย สบายกระเป๋า

 

01

ซินจ่าว…ขอกล่าวทักทายเป็นภาษาเวียดนามสักหน่อยจะได้เข้ากับบรรยากาศ เพราะวันนี้จะพา
เพื่อนๆไปตะลุย 1 Day Tour และ Half Day Tour กันที่เวียดนามเหนือ กลาง และใต้ ใน
คอนเซ็ปต์วันเดียวเที่ยวง่าย สบายกระเป๋า เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่ชำนาญเส้นทางและไม่
อยากให้งบในกระเป๋าบานปลาย ซึ่งข้อดีของการเลือกโปรแกรมท่องเที่ยวแบบนี้ก็คือ เพื่อนๆ
สามารถเลือกเที่ยวตามสไตล์ที่ชอบได้แบบวันต่อวัน ที่สำคัญไม่ต้องกลัวหลงทางแล้วก็ไม่พลาด
สถานที่ไฮไลท์แน่นอน ถ้าอยากรู้ว่าจะน่าสนใจแค่ไหน เราไปดูพร้อมกันเลย…

 

 

 

 

เวียดนามเหนือ

1.เที่ยวอ่าวฮาลองเบย์ – 1 วัน

 

02-1 02-2            02-3

ใครชอบล่องเรือชมธรรมชาติเป็นชีวิตจิตใจ เตรียมปักหมุดทริปนี้ได้เลย! “ฮาลองเบย์ (Halong
Bay)
” หรือ “อ่าวฮาลอง” ที่อยู่ในเวียดนามเหนือ นับเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติที่สวยงามและ
มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม ซึ่งสามารถเที่ยวแบบ 1 Day Trip สบายๆ ด้วยการล่องเรือ
สำเภาไม้ชมทิวทัศน์ท้องทะเลสีเขียวมรกต ที่รายล้อมด้วยยอดเขาสูงเสียดฟ้าและถ้ำน้อยใหญ่รูป
ร่างแปลกตา พร้อมอิ่มอร่อยไปกับอาหารมื้อกลางวันบนเรือ จากนั้นแวะเที่ยวชมถ้ำเทียน
กุง
 (Thien Cung) หรือ “ถ้ำพระราชวังสวรรค์” ที่สามารถเดินลอดเข้าไปในถ้ำเพื่อชมความงดงามได้

 

 

2.เที่ยววัดไบ๋ดิงห์ & ล่องเรือชมภูมิทัศน์มรดกโลกจ่างอาน – 1 วัน

03-1 03-2   03-3

 

วันเดียวเที่ยวอ่าวฮาลองบก ดินแดนที่สวยงามราวภาพวาดซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมือง
ฮานอย
 เพลิดเพลินไปกับการเที่ยวชม “วัดไบ๋ดิงห์ (Bai Dinh Temple)” วัดพุทธนิกายมหายาน
ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้านบนสุดเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและเจดีย์ 13 ชั้นที่มีความสูง
ถึง 99 เมตร และเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นภูเขาหินปูนสลับซับซ้อนเละทุ่งนาสีทองไกลสุดสายตา
จากนั้นเปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งเรือชมธรรมชาติที่ “แหล่งภูมิทัศน์จ่างอาน (Trang An)” ล่องเรือ
แจวลัดเลาะไปตามหุบเขาผ่านถ้ำน้อยใหญ่ แวะสักการะศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ท่ามกลางทิวทัศน์
สวยงามแปลกตาตลอดสองข้างทาง

 

 

3.เที่ยวฮวาลือ & ล่องเรือตามก๊อก – 1 วัน

04-1 04-2 04-3

 

ออกเดินทางมุ่งสู่นิงบิ่ง (Ninh Binh) เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตที่มีชื่อเสียงเรื่องภูมิทัศน์งดงามของเขาหินปูนสูงชัน เยี่ยมชม “เมืองฮวาลือ (Hoa Lu)” อดีตเมืองหลวงเก่าแก่กลางหุบเขาอายุกว่า 1,000 ปี แวะสักการะศาสนสถานของราชวงศ์ดิ่งและราชวงเล เรียนรู้วัฒนธรรมเก่าแก่ที่แหล่งโบราณคดีใต้พระราชวังหลวง จากนั้นเดินทางต่อไปยัง “ตามก๊อก (Tam Coc)” นั่งเรือแจว หรือ เรือสำปั้น ล่องไปตามแม่น้ำ ชมภูเขาและนาข้าวสีทองอร่ามตลอดสองข้างทาง ลอดผ่านถ้ำใต้หน้าผาก่อนจะวนกลับมายังท่าเรือตามก๊อกอีกครั้ง

 

 

เวียดนามกลาง

4.เที่ยวเมืองเว้ – 1 วัน

 

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

05-2   05-3

เวียดนามกลางถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะ 1 Day Trip
ใน เมืองเว้ (Hue City)” เมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยโบราณสถานและพระราชวังมากมาย
ช่วงเช้าเริ่มต้นด้วยการเที่ยวชมสุสานจักรพรรดิอย่าง สุสานจักรพรรดิมินห์มาง (Tomb of Minh
Mang), สุสานจักรพรรดิไคดิงห์ (Tomb of Khai Dinh) และสุสานจักรพรรดิตือดึ๊ก (Tomb of Tu
Duc) อันโด่งดัง ต่อด้วยชมการแสดงมวยพื้นเมือง Van An แวะหมู่บ้านหัตถกรรมหมวกเวียดนาม
ส่วนช่วงบ่ายไปชมความสวยงามของ พระราชวังซิตาเดล (The Citadel) และเจดีย์ 7 ชั้นทรง
แปดเหลี่ยม ณ วัดเทียนมู่ (Thien Mu) ปิดท้ายทริปเที่ยวเมืองเว้ด้วยการนั่งเรือล่อง
แม่น้ำหอม (Perfume River) ชมวิถีชีวิตหมู่บ้านชาวประมงในบรรยากาศยามเย็นสุดโรแมนติก

 

 

5.สัมผัสชีวิตชาวประมงเวียดนามและดินเนอร์สุดโรแมนติก – ครึ่งวัน

 

06-1

 06-3

สำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวแนว local สัมผัสวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้านแบบใกล้ชิด พลาดไม่ได้กับ
กิจกรรมท่องเที่ยว “หมู่บ้านชาวประมง และดินเนอร์มื้อเย็นสุดโรแมนติก” แบบครึ่งวัน ทริปนี้
คุณจะได้เที่ยวหมู่บ้านเกิ๋มแทง (Cam Thanh) ที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองฮอยอัน
สนุกกับการนั่งเรือกระด้งไม้ไผ่สานชมความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ และร่วมกันออกหาปลา
กับชาวบ้านด้วยวิธีโบราณ เพลิดเพลินกับบรรยากาศพระอาทิตย์ตกยามเย็น เคล้าเสียงดนตรีที่
บรรเลงโดยชาวบ้านในชุมชน จากนั้นไปอิ่มอร่อยกับอาหารพื้นบ้านและอาหารทะเลสดๆกันอย่างจุใจ

 

 

 

6.เที่ยวเมืองดานัง & ฮอยอัน – 1 วัน

07-1 07-2 07-3

 

ท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ สัมผัสบรรยากาศสุดโรแมนติก 1 วันเต็ม ณ “เมืองดานัง & ฮอยอัน
ในเวียดนามกลาง เริ่มต้นความสนุกกันที่เมืองดานัง เมืองแห่งหาดทรายขาวและภูเขาหินอ่อน เที่ยว
ชมคาบสมุทรเซินจา (Son Tra Peninsula) ชมวิวสวยๆบนภูเขาลิง (Monkey Mountain) แวะสัก
การะเจ้าแม่กวนอิม ณ วัดลิงห์อึ๋ง (Linh Ung Pagoda) วัดศักด์สิทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองดานัง
ปิดท้ายกิจกรรมช่วงเช้าด้วยการเที่ยวชมภูเขาหินอ่อน (Marble Mountain) และหมู่บ้านหินอ่อน
นอนเนื๊อก
 (Non Nuoc Marble Village) จากนั้นช่วงบ่ายไปเที่ยวเมืองฮอยอัน เมืองเล็กๆที่สุด
แสนจะโรแมนติก ชมบ้านโบราณและย่านการค้าเก่าแก่ รวมถึงที่เที่ยวไฮไลท์อย่าง สะพาน
ญี่ปุ่น
(Japanese Covered Bridge) สัญลักษณ์ของเมืองฮอยอันที่ใครๆก็อยากมาเยือน

 

 

เวียดนามใต้

7.เที่ยวชมอุโมงค์กู๋จี – ครึ่งวัน

 

08-1 08-2 08-3

ทริปนี้รับรองว่าโดนใจคนชอบเที่ยวแนวประวัติศาสตร์แน่นอน กับโปรแกรมเที่ยวครึ่งวันสบายๆไม่
เหนื่อยจนเกินไป ณ “อุโมงค์กู๋จี (Cu Chi Tunnels)” ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ
เมืองโฮจิมินห์ อุโมงค์กู๋จีแห่งนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม เนื่องจาก
เคยถูกใช้เป็นที่หลบภัย และเป็นที่สำหรับประชุมกองกำลังเวียดกงในสมัยนั้น โดยด้านในถูกขุด
เชื่อมต่อกันเป็นโครงข่ายซึ่งมีความยาวกว่า 200 กิโลเมตร และมีความลึกถึง 3 ชั้น ปัจจุบันเปิดให้
นักท่องเที่ยวสามารถลงไปสำรวจภายในอุโมงค์ได้ จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีก
หนึ่งแห่งของเวียดนามใต้ที่ไม่ควรพลาด

 

 

8.เที่ยวโฮจิมินห์ ซิตี้ – ครึ่งวัน

 

09-1 09-2 09-3

เที่ยวเวียดนามใต้ทั้งที ถ้าไม่ได้แวะทักทายลุงโฮฯก็เหมือนมาไม่ถึง เพราะฉะนั้นเราไปตะลุย
เมืองโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh City)” แบบครึ่งวันกันดีกว่า เริ่มด้วยการเที่ยวชมสถาปัตยกรรม
ยุคฟื้นฟูโรมาเนสก์ ณ โบสถ์นอร์ทเธอดาม (Notre Dame Cathedral) หนึ่งในอาคารได้รับการ
ยกย่องว่าสวยงามที่สุดของเมือง ถัดไปแวะชมอาคารไปรษณีย์กลางโฮจิมินห์ (Central Post
Office) อันเก่าแก่ สำรวจทำเนียบอดีตประธานาธิบดีเวียดนามใต้(Reunification Palace) และปิด
ท้ายด้วยอนุสรณ์แห่งความทรงจำ ณ พิพิธภัณฑ์สงคราม (War Remnants Museum) รับรองว่า
ทริปนี้จะทำให้รู้จักเวียดนามมากยิ่งขึ้นแน่นอน

 

 

9.เที่ยวดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง – 1 วัน

10-1 10-2 10-3

 

ล่องเรือชมธรรมชาติและวิถีชีวิตของชาวเวียดนามอย่างใกล้ชิด 1 วันเต็ม ณ “ดินดอนสามเหลี่ยม
ปากแม่น้ำโขง (
Mekong Delta)” ออกเดินทางสู่ทุ่งนาอันเขียวขจีแห่งเมืองหมีทอ (My Tho)
ชมความงดงามของ เจดีย์วินห์ ตรัง (Vinh Trang pagoda) จากนั้นเปลี่ยนมานั่งเรือล่องไปตาม
แม่น้ำโขง ชมสวนผลไม้ และหมู่บ้านประมงริมน้ำ จนถึงอันแค็ง (An Khanh) สถานที่ท่องเที่ยวใน
เมืองเบ๋นแจ (Ben Tre) สนุกสนานไปกับเรือพายท้องถิ่นในลำคลองที่อุดมไปด้วยต้นมะพร้าว
แวะพักชิมชาผลไม้และน้ำผึ้งจากฟาร์มเลี้ยง ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆของดนตรีพื้นบ้านในสวน

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.hotelsthailand.com/travel-guide/scoop/one-day-tour-and-activities-in-vietnam.html

กินลมชมวิวแม่น้ำ Duo Cucina Yodpiman

กินลมชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยากับร้าน Duo Cucina Yodpiman

 

 

 01

ร้านอาหารที่ช่วยให้เราพักผ่อนอย่างสบายในเมืองกรุง ก็มีกันอยู่ไม่กี่ที่ ที่ให้เราไปนั่งพักผ่อน
หย่อนใจ หลังจากเจองานมาหนักๆ หรือสถานที่ที่จะชวนเพื่อนๆ มานั่งทานข้าวท่ามกลาง
บรรยากาศดีๆ อย่างริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น ถ่ายรูปลงโซเชียลเก้บไว้เป้นที่
ระลึก วันนี้มาแนะนำร้านที่ชื่อว่า Duo Cucina (ดูโอคูซิน่า) ร้านนี้มีด้วยกันสองสาขา มีสาขา
เมืองทองธานี และ สาขายอดพิมาน แต่เอาบรรยากาศแบบริมแม่น้ำก็ต้องที่สาขายอดพิมานเลยค่ะ

 

02
บรรยากาศภายในร้านตกแต่งสไตล์คลาสสิก โมเดิร์น Duo Cucina สาขา ยอดพิมาน แตกต่าง
จากสาขาเมืองทองธานี ตรงที่มีอาหารฝรั่งเศส ที่มีวิว 180 องศา เห็นคุ้งน้ำที่สวยที่สุด
และยังเห็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ล้อมรอบ

 

 

03

 

 

และได้ย่อวิวลงบนศิลปะภาพวาด ลายเส้นสวยงามบนผนังของร้าน
ดูป็นร้านอาหารสไตล์ฟิวชั่นที่คลาสสิคสุดๆ

 

04

ซุปครีมกุ้งอบแป้งแพสทรี่  ตัวแป้งที่ฟูขึ้นจากถ้วยซุปครีมกุ้ง ทำให้ความหอมของน้ำซุปไม่
ละเหยไปไหน ก่อนที่จะจัดเสิร์ฟ เวลาทานก็ฉีกแป้งตรงกลาง ทานไปพร้อมๆ กับซุปครีมกุ้งได้เลย

 

05

ขนมปัง Focaccia (โฟกัซเซีย) เป็นขนมปังอิตาเลี่ยนชนิดหนึ่งที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักกันดี
ขนมปังรสชาติเยี่ยมมาอยู่ที่นี่แล้ว

 

06

DUO Spicy Salmon เพื่อสุขภาพสำหรับคนกำลังควบคุมอาหาร

 

07

DUO Variety Salad สลัดผักสดๆ ที่เลือกสรรมาอย่างดี

 

08

ลาซานญ่าเนื้อ

 

09

ราวิโอลี่ไส้ผักโขม ซอสครีมเห็ดหรือซอสมะเขือเทศ

 

010

สปาเก็ตตี้หมึกดำ ขี้เมาทะเล

 

011

Quesadilla

 

012

ซี่โครงแกะนิวซีแลนด์ คลุกสมุนไพรและเกร็ดขนมปัง

 

013

Double DUO ดับเบิ้ลดูโอ้ 4 หน้า ได้แก่หน้า ไส้กรอกอิตาเลียน, พาม่าแฮม, แฮมเห็ด, โฟร์ชีส

 

ข้อมูลร้าน

ที่อยู่ 174 ถนน จักรเพชร แขวง วังบูรพาภิรมย์ เขต พระนคร กรุงเทพมหานคร 10200

โทรศัพท์ 098-284-5550, 081-766-3316, 061-756-7904

ย่าน ปากคลองตลาด

เว็บไซต์ https://www.facebook.com/duocucinayodpiman

เวลาเปิด,ปิด จันทร์ – พฤหัสฯ 11.30 – 22.00 น. , ศุกร์ – อาทิตย์ 11.30 – 23.00 น.

ที่จอดรถ มีที่จอดรถ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก http://food.mthai.com/mafia-food/112616.html