ตลาดน้ำขวัญเรียม แหล่งวัฒนธรรมริมคลองแสนแสบ

หากเอ่ยชื่อว่า เป็นตลาดน้ำ คงไม่มีใครคิดว่าจะมีอยู่ในกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่เหลือเส้นทางสัญจรน้อยเต็มที แต่ทว่า ตลาดน้ำขวัญเรียม คือหนึ่งในตลาดน้ำแห่งใหม่ที่ผุดขึ้นเพื่อย้อนรอยวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนริมคลองแสนแสบ ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแค่ระหว่างซอยเสรีไทย 60 และซอยรามคำแหง 187 เท่านั้น

          โดยตลาดน้ำขวัญเรียมแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นจากแนวคิดที่อยากจะจำลองชีวิตของชาวน้ำ เพื่อให้เป็นที่ระลึกแก่คนรุ่นหลัง ให้ได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตริมน้ำ ทั้งภาพพระที่ออกบิณฑบาตรทางเรือ การทอดผ้าป่าทางน้ำ โดยเฉพาะความเป็นมาอันยาวนานของคลองแสนแสบ ที่อยู่คู่กรุงเทพมหานครมาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของนิยายรักอมตะเรื่อง แผลเก่า ที่มีตัวเอกคือ ขวัญ กับ เรียม โศกนาฏกรรมของความรักที่ทุกคนจดจำได้ดี

kwanriam01

kwanriam02

ตลาดน้ำขวัญเรียม ตั้งอยู่ระหว่างซอยเสรีไทย 60 และ ซอยรามคำแหง 187 หรือที่รู้จักกันดีว่า วัดบำเพ็ญเหนือ และ วัดบางเพ็งใต้ ถึงแม้ว่าสองฝั่งคลองจะเป็นถนนที่ผู้คนพลุกพล่าน แต่ตลาดน้ำแห่งนี้ก็ยังคงมีความสงบในวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม มีกิจกรรมต่าง ๆ ให้เลือกทำมากมาย ทั้งการย้อนอดีตชมวิถีชีวิตริมคลองแสนแสบ เลือกชิมอาหารอร่อยจากทั่วทุกภาค เลือกซื้อสินค้า OTOP ติดไม้ติดมือกลับบ้าน ชื่นชมกับสถาปัตยกรรมแบบไทย ๆ และเรือโบราณมากมาย ที่คนรุ่นก่อนพร้อมใจกันมาแสดงให้ลูกหลานดูอย่างเต็มใจ

kwanriam09

kwanriam12

อกจากนี้ จุดเด่น ของตลาดน้ำขวัญเรียม ก็คือ สะพานเรือที่เชื่อมระหว่างวัดบำเพ็ญเหนือและวัดบางเพ็งใต้ ซึ่งเป็นตลาดน้ำแห่งแรกที่มีสะพานเรือเชื่อมต่อวัฒนธรรมให้อยู่ร่วมกัน รวมทั้งยังเปิดให้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตทางน้ำ ด้วยการตักบาตรพระทางน้ำ ในวันเสาร์-อาทิตย์ และมีการสวดมนต์เพื่อเป็นศิริมงคลแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย

y

การเดินทาง

map

          เส้นทางที่ 1 ถนนสุขาภิบาล 2 (เสรีไทย) รถเมล์ 27 ปอ.502 รถยนต์ส่วนตัว มีที่จอด วิ่งตรงมาจาก The Mall บางกะปิ ผ่านสวนสยามจะเจอปากทางเข้าวัดเลี้ยวเข้ามาได้เลย วัดบำเพ็ญเหนือทางด้านขวา ต้องไปเลี้ยวกลับ

          เส้นทางที่ 2 ถนนสุขาภิบาล 3 (รามคำแหง) รถเมล์สาย 113 และ 58 ปอ.113 และ 514

          รถยนต์ส่วนตัว : วิ่ง ตรงมาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ผ่านแยกบ้านม้า ผ่านซอยมิสทีนมาวัดบางเพ็งใต้จะอยู่ทางซ้ายมือ รถยนต์ส่วนตัวที่มาเที่ยวทางตลาดน้ำขวัญเรียม ทางตลาดมีที่จอดรถให้ฟรี

          ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 087-701-2878, 081-635-1491, 089-124-7879 หรือเว็บไซต์ www.kwan-riamfloatingmarket.com

 

ขอบคุณข้อมูลจาก http://travel.kapook.com

มื้อพิเศษ แด่คุณแม่คนพิเศษ ที่ลูเช่ โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ

12 สิงหาคม 57 นี้ ห้องอาหารอิตาเลียนลูเช่ (LUCE) โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ

unnamed-44

unnamed-54

ขอเชิญคุณแม่และครอบครัวมาฉลองวันแม่ เติมความสุขกับ ชุดอาหารอิตาเลียนสำหรับวันแม่ โดยเชฟเอโดอาร์โด้ โบลนาโวลต้า ที่จะนำเอาวัตถุดิบชั้นดี มาปรุงในสไตล์อิตาเลียน อาทิ กุ้งล็อบสเตอร์แคนาดา ปลาแซลมอนจากสก็อตแลนด์ ขาแกะจากออสเตรเลีย ปลากะพงแอตแลนติก ฯลฯ ในราคาเพียง ท่านละ 980 บาท
เริ่มต้นความอร่อยตำรับอิตาเลียนด้วย ลูเช่ซีฟู้ดซีเล็คชั่น ที่มีทั้งหอยแมงภู่ กุ้ง หอยตลับ และปลากะพงแอตแลนติก ตามด้วยจานพาสต้าสำหรับแชร์ ได้แก่ สปาเก็ตตี้กุ้งล็อบสเตอร์แคนาดา และราวิโอลีคาโบนารากับแพนเซ็ตต้า จานหลักสำหรับแชร์เสิร์ฟ ปลาแซลมอนสก็อตแลนด์ทอด และขาแกะที่ตุ๋นในถุงสูญญากาศนานถึง 12 ชั่วโมงจนเนื้อนุ่ม และปิดท้ายด้วยของหวานสูตรพิเศษ เค้กแอปเปิ้ลสูตรคุณยาย ทานกับไอศครีมวนิลลา
ชุดอาหารอิตาเลียนสำหรับวันแม่ ที่ห้องอาหารอิตาเลียนลูเช่ (LUCE) โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ บริการในวันที่ 12 สิงหาคม 57 มื้อกลางวัน 12.00 – 14.30 น. และมื้อเย็น 18.00 – 22.30 น.
สำรองที่นั่ง และรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อห้องอาหารอิตาเลียนลูเช่ โทร 02 210 8100 หรือ luce@eastingrandsathorn.com เยี่ยมชมเว็บไซด์ www.eastingrandsathorn.com

แนะนำที่เที่ยวไม่ควรพลาดที่ลำพูน

ลำพูน จังหวัดเล็ก ๆ ในภาคเหนือที่เรื่องราวของประวัติศาสตร์ไม่ได้เล็กตามพื้นที่ แต่กลับยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในดินแดนล้านนา และมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในเชิงศิลปวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก และมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งวัดวาอาราม เจดีย์เก่าแก่ ศิลปะล้านนาแท้ที่มีลวดลายอันวิจิตรงดงาม อีกทั้งงานหัตถกรรมที่สั่งสมกันมาอย่างยาวนานจนเป็นสินค้าขึ้นชื่ออย่างผ้า ไหมยกดอก ดังนั้น วันนี้เราเลยหยิบเอาสถานที่ท่องเที่ยวลำพูน ที่ควรไปเยือนสักครั้งหากมีโอกาสมาแนะนำกันค่ะ

91436-1

พระธาตุหริภุญชัย  ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูน มีถนนล้อมรอบสี่ด้าน ถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดชาวปีระกา และนับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งในล้านนามาตั้งแต่สมัยโบราณ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1651 ในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช ราชกษัตริย์วงศ์รามัญผู้ครองนครลำพูน แม้องค์จะไม่ใหญ่โตแต่สร้างขึ้นด้วยทรวดทรงที่สมส่วน และงดงามด้วยประกายทองจังโกที่สะท้อนเปลวแดดขับให้องค์พระธาตุดูโดดเด่น ท่ามกลางวิหารอื่น ๆ โดยตามตำนานเล่าว่า 1,000 ปีก่อน เคยเป็นวังของพระเจ้าสรรพสิทธิ์

เมื่อพระองค์ทรงขุดพบพระบรมสารีริกธาตุหรือพระเกศาธาตุ จึงโปรดให้ก่อองค์พระธาตุขึ้น จนเมื่อ 500 ปีก่อน ในสมัยพระเจ้าติโลกราชได้โปรดให้ก่อพระธาตุแบบลังกาครอบองค์เดิมดังปรากฏใน ปัจจุบัน นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงศิลปวัตถุมากมาย อีกทั้งในวันเพ็ญเดือน 6 จะมีงานนมัสการและสรงน้ำพระบรมธาตุทุกปี

91436-2

อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ตั้งอยู่เชิงดอยติ บริเวณวัดดอยติ ตำบลป่าสัก ห่างจากตัวเมืองลำพูนประมาณ 5 กิโลเมตร ตามถนนสายเชียงใหม่-ลำปาง พระครูบาศรีวิชัยเป็นพระเถรเจ้านักพัฒนาแห่งล้านนาไทย ผู้พัฒนาทั้งด้านจิตใจและด้านถาวรวัตถุให้แก่ชาวล้านนาไว้อย่างอเนกอนันต์ ท่านมีชีวิตอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2421-2481 ถิ่นฐานบ้านเดิมของท่านอยู่ที่บ้านแม่ตื่น อำเภอลี้ จึงเป็นความภูมิใจอย่างใหญ่หลวงของชาวลำพูน ที่เมืองนี้เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของนักบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา

91436-5.2

91436-5.1

อุทยานแห่งชาติแม่ปิง มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก เป็นป่าที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้และสัตว์ป่า มีทิวเขาทอดยาวเหยียดสลับซับซ้อน ลำห้วยน้อยใหญ่หลายสิบสาขาไหลผ่านที่สำคัญ คือ ลำห้วยแม่หาด ลำห้วยแม่ก้อ และทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามโดยเฉพาะพื้นที่ป่าตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของลำ น้ำปิงตอนเหนือของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล มีเนื้อที่ประมาณ 627,346 ไร่ หรือ 1,003.7536 ตารางกิโลเมตร โดยมียอดเขาที่สูงที่สุดชื่อ “ดอนห้วยหลาว” อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีความสูงประมาณ 1,334 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง

91436-7_1

วัดจามเทวี หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดกู่กุด ตั้งอยู่หมู่ 5 ริมถนนจามเทวี ตำบลในเมือง สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 1298 ฝีมือช่างละโว้ ลักษณะพระเจดีย์เป็นสี่เหลี่ยมแบบพุทธคยาในประเทศอินเดีย แต่ละด้านมีพระพุทธรูปยืนปางประทานพรอยู่เป็นชั้น ๆ ภายในเจดีย์บรรจุอัฐิของพระนางจามเทวีปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย ตามตำนานเล่าว่าเจ้าอนันตยศและเจ้ามหันตยศ ราชโอรสของพระนางจามเทวีได้สร้างขึ้น เพื่อบรรจุอัฐิของพระนางเมื่อปี พ.ศ. 1298 เดิมมียอดห่อหุ้มด้วยทองคำ ต่อมาจะเป็นสมัยใดไม่ทราบชัด ยอดพระเจดีย์หักหายไปชาวบ้านจึงเรียกว่า “กู่กุด” หรือมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “พระเจดีย์สุวรรณจังโกฏ” นอกจากนั้นยังมีรัตนเจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่ทางขวาของวิหาร สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 17 โดยพระยาสรรพสิทธิ์ ฐานล่างสุดเป็นรูป 8 เหลี่ยม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 4.40 เมตร สูงจรดยอด 11.50 เมตร องค์เจดีย์เป็นรูปสี่เหลี่ยม แต่ละเหลี่ยมเจาะเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปยืนก่ออิฐถือปูนทั้งองค์

 

ขอบคุณข้อมูลจาก  http://travel.kapook.com