Marche des Feticheursตลาดมืดใหญ่ที่สุดในโลก

“Marche des Feticheurs” ตลาดมืด ขายเครื่องรางของขลัง ใหญ่ที่สุดในโลก

 

 

ถ้าพูดถึงเรื่อง “เครื่องรางของขลัง” แล้ว ภูมิภาคแถบแอฟริกาตะวันตกนั้นมีความเชื่อเรื่องเวทมนตร์
พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ คุณไสย และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณเป็นอย่างมาก และที่ “Marche des
Feticheurs” ตลาดมืดแห่งนี้ ก็เหมือนจะเป็นที่ยอดฮิตของบรรดานักไสยศาสตร์หรือผู้มีความเชื่อ
เกี่ยวกับเวทมนต์ เพราะเป็นที่ขายเครื่องรางของขลังหลากหลายชนิด แถมใหญ่ที่สุดในโลกซะด้วย!

01

 

Marche des Feticheurs ตั้งอยู่ในเมื่องโลเม เมืองหลวงของประเทศโตโก (เป็นประเทศหนึ่งใน
ภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก(เขตที่ราบสูงกินี)) ตลาดมืดเครื่องรางของขลังที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้มี
สินค้าหลากหลายชนิด และแต่ละชิ้นนั้นเรียกได้ว่าทั้งแปลกและน่าขนลุกทีเดียว แต่ก็คงไม่ใช่กับ
คนที่ชอบพวกเครื่องรางของขลังแน่นอน เพราะที่นี่เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักไสยศาสตร์และผู้มี
ความเชื่อเกี่ยวกับเวทมนต์คาถาต่างๆ อย่างแท้จริง!

02

 

ตามแผงร้านค้าต่างๆ มีสินค้าวางขายกันโจ่งแจ้งมากๆ ไม่ว่าจะเป็น หัวของสัตว์เล็กจนไปถึงสัตว์
ใหญ่ กระดูกช้าง หางนกอินทรีย์สดๆ โครงกระดูกสัตว์ชนิดต่างๆ หนังสัตว์ รวมไปถึง วูดู ที่คน
ในแถบนั้นชอบนำมาทำเป็นเครื่องรางของขลังมากที่สุดชิ้นหนึ่ง

03

 

ซึ่ง Emanuela Grieco ช่างภาพที่ถ่ายภาพเหล่านี้บอกว่า “มีสินค้าเกี่ยวกับเวทยนต์และไสยศา
สาตร์ทุกอย่างให้เราได้เลือกสรรค์ และมันก็มีสินค้าผมต้องการ เช่น หัวม้าและหัววัว และสิ่งที่ผม
ไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างหัวงูเห่า หรือหัวแมวที่ตายแล้วอีกด้วย”

ขอบคุณข้อมูลจาก http://travel.mthai.com/world-travel/136084.html

 

Bangkok Seafood Market อาหารทะเลสด

ร้าน Bangkok Seafood Market อาหารทะเลสด นั่งชิลล์ชมวิวเจ้าพระยา

 

01 

ร้าน Bangkok Seafood Market (บางกอกซีฟู้ดมาร์เก็ต) อาหารทะเลสดๆ มากมายจากฝีมือเชฟ
ที่รังสรรค์ของทะเลสดมาเป็นเมนูที่อร่อยสุดๆ และเมนูอาหารก็หลากหลายให้เลือกสั่ง

 

02

ชุดทะเล ที่รวมของทะเลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกุ้งแม่น้ำ หอยแมลงภู่ หอยหวาน หอยตลับ ปูม้า
จะเซตออกมาแบบคุมสุดๆ ทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บ และที่สำคัญคือไม่ต้องย่างเองให้เสียเวลา
เชฟจะย่างมาให้เลย

 

 

03

ลาบปลากระพง รสชาติจัดจ้าน ส่วนผสมสูตรพิเศษจากเชฟประจำของทางร้าน

 

04

ปูม้าผัดพริกไทยดำ ปูม้าตัวใหญ่ๆ ทำให้ผัดพริกไทยดำดูไม่ธรรมดาไม่เลยค่ะ
ปูม้าตัวใหญ่เนื้อแน่น แทรกซึมน้ำปรุงผัดพริกไทยดำได้ดี

 

05

กุ้งแม่น้ำราดซอสมะขาม กุ้งแม้น้ำที่ทอดกรอบๆ ผ่าครึ่ง แล้วราดด้วยซอสมะขามสูตรเข้มข้น

 

06

ออส่วนหอยนางรมกะทะร้อน หอยนางรมตัวใหญ่สดๆ เอามาทำออส่วน ด้วยความที่เสิร์ฟมาพร้อม
กับกระทะร้อน แป้งของออส่วนจะร้อนตลอดเวลา ไม่ทำให้แป้งแห้ง

 

 

ข้อมูลร้าน

ที่อยู่ ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 โครงการยอดพิมานริเวอร์วอร์ค (ปากคลองตลาด) 390/17 ถนนบ้านหม้อ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม.

โทรศัพท์ 0-2110-0829, 08-6622-3466, 09-6449-6694

เวลาเปิด,ปิด เปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 23.00 น.

ที่จอดรถ มีที่จอดรถ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก http://food.mthai.com/mafia-food/112549.html

ช่องเขาขาด ประวัติศาสตร์และธรรมชาติแสนสงบ

ณ ช่องเขาขาด ร่องรอยประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่แสนสงบ

 

 

 “ช่องเขาขาดหรือ ช่องไฟนรกฟังแล้วดูน่ากลัวเพราะมีความจริงซ่อนอยู่ในอดีตที่
ผ่านมา
 ตอนนี้สร้างเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งความทรงจำ ตั้งอยู่บริเวณ กม. 64–65 บนทางหลวง
323 สายกาญจนบุรี-ไทรโยค-ทองผาภูมิ

01

จากแต่เดิมเคยเป็นพื้นที่ที่เหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัว ปัจจุบันที่แห่งนี้กลายเป็นแหล่งรวบรวม
ข้อมูลภาพถ่าย ข้าวของเครื่องใช้ระหว่างการสร้างทางรถไฟสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยรัฐบาล
ออสเตรเลีย ได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้นได้อย่างเป็นระเบียบสวยงาม

ภายในบริเวณมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไปยังช่องเขาขาด ซึ่งเป็นสวนหนึ่งของทางรถไฟสายมรณะที่เชลยศึกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัดเจาะภูเขาหินด้วยมือปราศจากเครื่องมืออันทันสมัย ให้เป็นช่องสำหรับสร้างทางรถไฟไทย-พม่า (เส้นทางรถไฟสายมรณะ) ปัจจุบันยังมีร่องรอยของทางรถไฟปรากฏอยู่ของเส้นทางรถไฟ

02

ประวัติการขุดเจาะช่องเขาขาดเริ่มในเดือนเมษายนปี พ.ศ. 2486 ปรากฏว่างานล่าช้ากว่า
กำหนดจึงมีช่วงที่เร่งงานซึ่งเชลยศึกออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ทั้งหลายที่ถูกจับมาเป็นแรงงาน
ต่างก็ต้องทำงานข้ามวันข้ามคืน ใช้แรงคนในการสกัดภูเขาด้วยมือ ซึ่งเป็นการทำงานที่ทารุณยิ่ง
เนื่องจากต้องปีนลงไปสกัดในช่องเขาซึ่งบางช่วงสูงถึง 11 เมตร จนแทบไม่มีอากาศหายใจทั้งยัง
ต้องทำงานท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวในช่วงเดือนมีนาคม

03

คำบอกเล่าจากอดีตเชลยศึกท่านหนึ่ง ที่บังเอิญได้พบในวันรำลึกเหตุการณ์ ทำให้รู้สึกหดหู่ใจ
เพราะการใช้แรงงานเชลยศึกในครานั้น ตกอยู่ในภาวะขาดแคลนน้ำและอาหาร เมื่อเจ็บป่วยแพทย์
และอุปกรณ์ทางการแพทย์ก็ไม่เพียงพอต่อการพยาบาล ต้องดูแลกันตามมีตามเกิด มีทั้งเชลยที่
ล้มป่วย และมีทั้งเชลยที่ต้องเสียชีวิตลง

04

ภาพของเชลยศึกและกรรมกรที่ช่องเขาขาดต้องทำงานตอนกลางคืนด้วยแสงไฟจากคบ เพลิงและ
กองเพลิงทำให้ สะท้อนให้เห็นเงาของเชลยศึกและผู้คุมวูบวาบบนผนัง ทำให้ที่นี่ได้รับการขนาน
นามว่า… ช่องไฟนรก

 

05

 

กระนั้นแล้ว ที่นี่ก็เป็นที่ที่คนแวะมาเยือน รำลึกประวัติศาสตร์อยู่เป็นนิจ

 

จากผลการโหวตของนักท่องเที่ยว “นับล้านคน” จากทั่วโลก พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาดได้คะแนนมาก
เป็นอันดับ 4 ในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจจะด้วยเพราะพิพิธภัณฑ์นี้จัดไว้อย่างเป็นระเบียบ
สวยงาม ภายในบริเวณมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไปยังช่องเขาขาด ทำให้ตรึงใจนักท่องเที่ยวได้มหาศาล

 

06

ธรรมชาติที่ปกคลุมเต็มสองข้างของช่องเขา ทำให้พื้นที่ศึกษาประวัติศาสตร์แห่งนี้ร่มรื่น และทำให้
คนได้เดินชมประวัติศาสตร์แบบแอบอิงธรรมชาติ อย่างเย็นสบาย มีเรื่องราว ข้าวของเครื่องใช้ใน
สมัยที่มีการสร้างทางรถไฟ แสดงเป็นหลักฐานให้คนได้ย้อนรำลึกถึงประวัติศาสตร์ได้อย่างชัดเจน
ซึ่งแน่นอนว่าใครที่ยังไม่เคยมา เราแนะนำว่า ครั้งหนึ่งท่านต้องมาให้ได้

07

ในทุกวันที่ 25 เมษายนของทุกปี จะมีชาวต่างชาติ และคนไทยมากหน้าหลายตาเดินทางมา
ร่วมพิธีวันรำลึกถึงเชลยศึก ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์
 ซึ่งเรียกว่าวัน ANSAC DAY ซึ่งอาจเป็น
บรรดาญาติพี่น้อง ครอบครัว และรวมถึงอดีตเชลยศึกชาวออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอีกหลายๆ
ชาติ ที่รอดชีวิต ดอกไม้ แสงเทียน และพวงมาลา เป็นสิ่งแสดงความเสียใจ และแสดงความรำลึก
นึกถึงการจากไปของผู้เป็นที่รัก ในเหตุการณ์ที่ตราตรึงของช่องเขาขาด ในครานั้น

ขอบคุณข้อมูลจาก http://travel.mthai.com/region/west/75638.html