เที่ยวเกาะพะงันวันพระจันทร์ไม่เต็มดวงไม่มีฟูลมูนปาร์ตี้

พาเที่ยวเกาะพะงันวันพระจันทร์ไม่เต็มดวงไม่มีฟูลมูนปาร์ตี้ และพาลงเรือจากเกาะพะงันไปชมความมหัศจรรย์ของหมู่เกาะอ่างทอง ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่สวยที่สุดกลางอ่าวไทย

image001

เกาะพะงันนอกจากจะโด่งดังไปทั่วโลกในวันที่พระจันทร์เต็มดวงมีฟูลมูนปาร์ ตี้แล้ว ในวันที่พระจันทร์ไม่เต็มดวงเกาะพะงันเป็นเกาะที่มีความเงียบสงบเป็น ธรรมชาติ มีหาดทรายขาวสวยงาม ป่าไม้สมบูรณ์ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่หลายชนิด

image002

จากนั้นเราก็เดินต่อไปยังน้ำตกธารเสด็จ ช่วงหน้าแล้ง น้ำค่อนข้างน้อย ป้ายบอกทางไปน้ำตกจากนั้นเราก็เดินไปชมพระจารึกของรัชกาล ที่ 5 รัชกาลที่ 7 และ รัชกาลที่ 9 ป้ายแสดงสถานที่ทางประวัติศาสตร์ พระจารึก จปร รัชกาลที่ 5 พระจารึก ปปร รัชกาลที่ 7 และพระจารึก ภปร รัชกาลที่ 9หลังจากเทึ่ยวชมน้ำตกธารเสด็จที่อยู่ตำบลบ้านใต้เสร็จแล้ว เราก็ขับรถไปที่บ้านโฉลกหลำ เพื่อไปสักการะศาลเจ้าแม่กวนอิม

image006

หลังจากนั้นเราก็ต้องรีบลง เพราะฝนเริ่มตกพรำๆ ทางลงจะลื่นมาก เราค่อยๆไต่ลงมาจนถึงด้านล่าง เปียกฝนไปตามๆกัน พอดีได้เวลาเรือออกไปยังหมู่เกาะแม่เกาะ เพื่อชมทะเลใน ซึ่งเป็น Highlight ของทัวร์ครั้งนี้ที่พลาดไม่ได้โดยเด็ดขาด

image007

ในที่สุดเราก็เดินขึ้นมาถึงจุดชมวิวทะเลใน เห็นภาพแล้วหายเหนื่อย ภาพที่เห็นคือผืนน้ำสีมรกตที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาสูงชัน เกิดเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดจากการยุบตัวของหินปูน คล้ายปล่องภูเขาไฟที่มีน้ำสีมรกตขังอยู่ด้านใน ระดับน้ำในทะเลสาบนี้จะขึ้นลงทุกวันเพราะมีช่องอุโมงค์ใต้น้ำเชื่อมต่อกับ ทะเลด้านนอก น้ำทะเลด้านนอกเป็นสีน้ำทะเลปกติ แต่ทะเลสาบด้านในหรือ ทะเลใน มีน้ำเป็นสีมรกต หลังจากชมวิวทะเลในและพักหายเหนื่อยแล้วเราก็เดินลงไปที่ชายหาดเพื่อเดิน ทางกลับ

ที่เที่ยวสุดเด็ดเมืองเพชรบุรี เคยไปกันหรือยัง

หากจะพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวที่น่าไปแบบไม่ไกลกรุงก็มีให้เลือกอยู่หลายที่ แต่เห็นจะมีอยู่หนึ่งจังหวัดที่น่าสนใจไม่แพ้จังหวัดอื่น ๆ เลยนั่นก็คือ “จังหวัดเพชรบุรี” เมืองเก่าแก่ที่น่าหลงใหล ทั้งความสวยงามของท้องทะเล ศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สำคัญ รวมไปถึงวิถีชีวิตของผู้คน

พระนครคีรี (เขาวัง)

image001

พระนครคีรี เดิมชาวบ้านเรียกว่า “เขาสมน” โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) พระสมุหกลาโหมเป็นแม่กองก่อสร้าง สำเร็จในปี พ.ศ. 2403 และทรงพระราชทานนามว่า “พระนครคีรี” แต่ชาวเมืองเพชรนิยมเรียกกันติดปากว่า “เขาวัง” สืบมาจนทุกวันนี้

ถ้ำเขาหลวง

image002

ถ้ำเขาหลวง ตั้งอยู่บนเขาหลวงที่มีความสูงประมาณ 92 เมตร โดยภายในจะมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม จุดเด่นของที่นี่ ก็คือ ลำแสงอาทิตย์ที่สอดส่องเข้ามาภายในถ้ำ ซึ่งสร้างจุดเด่นให้กับองค์พระพุทธรูปฉลองพระองค์ที่ประดิษฐานอยู่ใจกลางให้ ดูโดดเด่นสง่างามมากยิ่งขึ้น โดยองค์พระพุทธรูปดังกล่าวพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเคยเสด็จประพาสมาและทรงโปรดถ้ำแห่งนี้ อีกทั้งยังทรงบูรณะพระพุทธรูปเก่าแก่ภายในถ้ำนี้อีกหลายองค์

พระรามราชนิเวศน์หรือพระราชวังบ้านปืน

image003

 

พระรามราชนิเวศน์หรือพระราชวังบ้านปืน ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านหม้อ อำเภอเมือง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ให้สร้างด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สำหรับประทับแรมในฤดูฝน โดยทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อที่จากราษฎร และให้ จอมพลเรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต กับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นแม่กองจัดการก่อสร้าง ซึ่งภายในมีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ตลอดจนมีการตกแต่งภายในที่สวยงดงามเป็นอย่างมาก เป็นผลงานการออกแบบของ มิสเตอร์คาล เดอริง ชาวเยอรมัน แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459
วัดพระพุทธไสยาสน์(วัดพระนอน)

image004

วัดนี้ตั้งอยู่บนถนนคีรีรัถยา ตำบลคลองกระแชง เป็นวัดเก่าแก่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด สันนิษฐานว่าเป็นวัดที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยสังเกตจากพระพุทธไสยาสน์สมัยอยุธยายาว 21 วา 1 ศอก 1 คืบ 7 นิ้ว ก่ออิฐถือปูนลงรักปิดทอง ภายในองค์พระเป็นโพรง ที่ฝ่าพระบาทได้เขียนลายทองเป็นภาพประสาท พระพรหม ฉัตรพระมหามงกุฎ บาตร คนโท น้ำ สังข์ พระขรรค์ ช้าง ปลา ถาดทอง พัดใบตาล พัดหางนกยูง ดอกบัวแก้วเดิมสร้างไว้กลางแจ้ง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างหลังคาคลุมไว้ พร้อมทำผนังรอบองค์พระ เป็นวิหารพระพุทธไสยาสน์ดังที่เห็นในปัจจุบัน วิหารอยู่บนไหล่เขาสูงจากพื้นดินประมาณ 15 เมตร นับเป็นพระพุทธรูปนอนขนาดใหญ่องค์หนึ่งในบรรดาพระนอนในประเทศไทย องค์พระลงรักปิดทองบรรทมสีหไสยาสน์บนแท่นสูงประมาณ 1 เมตร

 

เลาะเลียบริมโขงในวันทุ่งดอกไม้บาน

ทางหลวงหมายเลข 2112 ที่ทอดตัวยาวคดเคี้ยวไป มา คือ “เส้นทางท่องธรรมชาติเลาะเลียบริมฝั่งโขง” หากมาในช่วงปลายฝนต้น หนาวเช่นยามนี้ ทางสายนี้จะดูมีชีวิตชีวาด้วยดอกไม้ป่าผลิบานเต็มทุ่งของ จังหวัดอุบลราชธานี

image001

เบิ่งแอ่งนับพันที่ “สามพันโบก”
จุดหมายแรกคือสามพันโบก อำเภอโพธิ์ไทร “อันซีนไทยแลนด์” ที่โด่งดังอยู่ ในเวลานี้ทันทีที่ย่างกรายสู่ริมฝั่งโขง ก็พบเกาะแก่งหินกระจายตัวกว้างไกล สุดลูกหูลูกตาท่ามกลางสายน้ำโขงสีขุ่นโคลนเชี่ยวกราก พื้นผิวเกาะแก่งเป็น หลุมเป็นบ่อ เล็กบ้างใหญ่บ้างนับร้อยนับพัน รูปลักษณ์งดงามราวประติมากรรมกลางแจ้ง”โบก” เป็นภาษาอีสาน หมายถึงแก่ง หลุม หรือบ่อน้ำลึก ซึ่งเกิดจากก้อนกรวดก้อนหินหรือเม็ดทรายที่ไหลมากับสายน้ำ แล้วติดอยู่ตามรูเล็กๆ บนพื้นผิวหิน

image002

เมื่อกระแสน้ำซึ่งไหลเชี่ยวหมุนวนก้อนกรวดเหล่านั้นเป็นเวลานาน รูเล็กๆ  บนพื้นผิวก็ขยายใหญ่ขึ้นชาวบ้านเรียก ”สามพันโบก” เพราะมีโบกจำนวนมหาศาล  กินพื้นที่ถึง 10 ตร.กม.  เดือน ต.ค.-พ.ค. น้ำในลำน้ำโขงแห้งขอด มองเห็นโบกได้ชัดเจน ลงไปเดินเล่นก็ได้  หรือจะชมทิวทัศน์ฝั่งลาวซึ่งอยู่ตรงกันข้ามก็เหมาะ

ไปดูเสาเฉลียงใหญ่ที่ภูสมุย

image003

เราเดินทางต่อบนเส้นทางเดิม อึดใจหนึ่งก็มาถึงภูสมุยในเขตอุทยานแห่งชาติ ผาแต้ม อำเภอโขงเจียม ที่เราตั้งใจมาตามหาเสาเฉลียงใหญ่ที่สุดในประเทศเราเดินไปบน ลานหินโล่งกว้างที่แม้จะไร้ร่มไม้ แต่ระหว่างทางมีดอกไม้ป่าผลิบานให้ชื่นชม   ผมไม่พลาดที่จะเทียบเคียงดอกไม้งามตรงหน้ากับสารพันไม้ดอกในหนังสือ คู่ มือดอกไม้ ที่นำติดไปด้วย

เหล่าดอกไม้ที่อวดโฉมอยู่มีทั้งดอกหญ้าหางงอ สร้อยสุวรรณา และกระดุมเงิน เพียงครู่ ”เสาเฉลียงใหญ่” ก็ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเสาเฉลียงคือแท่ง หินทรายที่ถูกลมและฝนกัดกร่อนจนมีรูปลักษณ์แปลกตา เป็นแท่งหินสูงถึง 20 ม. ด้านบนมีแผ่นหินขนาดใหญ่เส้นรอบวง 30 ม. เทินอยู่ดูคล้ายดอกเห็ดยักษ์ อีก หนึ่งความมหัศจรรย์รังสรรค์โดยธรรมชาติ

 

ชมพระอาทิตย์ก่อนใครที่ผาชนะได

image004

“วันนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นที่ผาชนะได อำเภอโขงเจียม จังหวัด อุบลราชธานี  เวลา…” เป็นประโยคที่ผมได้ยินทุกเช้าในช่วงพยากรณ์อากาศของสถานีวิทยุ กระจายเสียงแห่งประเทศไทยผาชนะไดเป็นชะง่อนผาริมลำน้ำโขง ตั้งอยู่ทางตะวัน ออกสุดแดนประเทศไทย ชาวโขงเจียมจึงได้เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในประเทศ  เหตุนี้กรมอุตุนิยมวิทยาจึงใช้ผาชนะไดเป็นจุดบอกเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นของไทย

นอกจากนี้ยังมีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจ เช่น เสาเฉลียงคู่ หินเต่าชม จันทร์ ป่าสนสองใบ น้ำตกห้วยพอก และทุ่งดอกไม้บนลานหินให้ชม หากมาช่วงปลายฝนต้นหนาวก็จะมีโอกาสได้ชมทะเลหมอกในยามเช้าด้วย

น้ำตกลงรู” มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ

image005

จากผาชนะไดห่างออกไปเพียง 27 กม. ก็จะถึงน้ำตกลงรู หรือน้ำตกแสงจันทร์  น้ำตกเดียวกันทว่าต่างชื่อต่างที่มา”น้ำตกลงรู” มุ่งเน้นที่สายน้ำซึ่งไหลตก จากเขาสูงลงสู่ร่องรูบนแผ่นหินราวกับจับวาง ก่อนจะไหลลงสู่แอ่งเบื้องล่าง แล้วกระจายออกเป็นรูปหัวใจ ชวนมองอย่างพิศวงส่วน  ”น้ำตกแสงจันทร์” มุ่งหมายที่ปรากฏการณ์หักเหของแสงอาทิตย์เที่ยงวันซึ่งทำ มุมกับน้ำตกพอดิบพอดี ขับให้สายน้ำที่ไหลผ่านร่องรูดูนวลตาประหนึ่งลำแสง จันทร์สาดส่อง

เที่ยวน้ำตกสร้อยสวรรค์ชมทุ่งดอกไม้บนพลาญหิน

image006

จากน้ำตกลงรู เราไปต่อยังน้ำตกสร้อยสวรรค์  ก่อนถึงน้ำตกเพียงเล็กน้อย  พบพลาญหินกว้างใหญ่เป็นทุ่งดอกไม้ป่าพื้นที่กว่า 20 ไร่ของอุทยานแห่งชาติผา แต้ม ซึ่งจะผลิบานอวดโฉมในช่วงเดือน พ.ย.-ม.ค.พวกเรายกให้เป็น ”ไฮไลต์” ของ เส้นทางนี้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ทอดพระเนตรทุ่งดอกไม้ ป่าแห่งนี้เกือบทุกปี นามของดอกไม้ดัง เช่น สร้อยสุวรรณา ดุสิตา สรัสจันทร ทิพย์เกสร มณีเทวา  ล้วนเป็นนามที่พระองค์พระราชทานดอกไม้อื่นเริ่มผลิบานแข่งกันมากมาย ทั้งจอก บ่วาย หญ้ารากหอม กระดุมทอง หงอนนาค เอื้องเหลืองพิศมร หญ้าหางงอ ฯลฯ ชมดอกไม้ระเรื่อยมาอีกเพียงนิดก็ถึงน้ำตกสร้อยสวรรค์ท่ามกลางป่าเขาร่มรื่น   ต้นน้ำคือลำห้วยสร้อยและลำห้วยสะหนมไหลมาสบกันมองดูคล้ายสายสร้อย…

ชมผาแต้ม-ชมภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์

image007

ปิดท้ายเส้นทางกันที่ผาแต้ม เพื่อชมภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์ อายุ ราว 3,000-4,000 ปี จัดเป็นกลุ่มภาพเขียนสีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบใน ประเทศไทย ทั้งรายละเอียดของภาพยังคงชัดเจนและค่อนข้างสมบูรณ์ สะท้อนภาพ วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในบริเวณนี้ภาพเขียนสี แบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มผาขาม ผาแต้ม ผาหมอน และผาหมอนน้อย