4 ที่เที่ยว วิถีฮิปสเตอร์ เที่ยวคนเดียว ถ่ายรูปวนไป ในกรุงเทพฯ

4 ที่เที่ยว วิถีฮิปสเตอร์ เที่ยวคนเดียว
ถ่ายรูปวนไป ในกรุงเทพฯ

เที่ยวคนเดียว ไม่เห็นเป็นไร ถนนโล๊งโล่งในวันหยุดยาวแบบนี้ สะพายกล้อง ออกไปเดินชิลล์ ถ่ายรูปชิคๆ ในกรุงเทพ กันดีกว่า กับ 4 ที่เที่ยว วิถีฮิปสเตอร์ มีภาพลงโซเชี่ยลไม่ซ้ำใครแน่นอน

  1. ล้ง 1919

การันตีว่ามุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก สำหรับ ล้ง 1919 อดีตท่าเรือกลไฟ กับ คลังสินค้าเก่า และเพราะความเก่านี่แหละที่ทำให้มันมีเสน่ห์! ไม่ว่าจะเป็นอาคารสถาปัตยกรรมจีนโบราณ ภาพวาดตามผนังของตึก ลวดลายสุดคลาสสิคบนกรอบประตูและหน้าต่าง ศาลเจ้าแม่หม่าโจว้ โคมไฟสีแดงที่ห้อยประดับอยู่โดยรอบ โกดังสังกะสีสุดเท่ และแวะไปเดินเล่นชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนกลับบ้านกัน

********************************************

  1. วังพญาไท

ความสวยคลาสสิคมีอยู่แทบทุกตารางพื้นที่ใน พระราชวังพญาไท หรือ วังพญาไท ซึ่งสร้างขึ้นในสมัย ร.5 เพื่อใช้ทดลองปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ และเสด็จประทับแรม รูปแบบสถาปัตยกรรมมีความเรียบง่ายแต่สง่างาม ในสไตล์อาคารยุโรป จุดเด่นอยู่ตรงหอคอยยอดแหลมของพระที่นั่งพิมานจักรี มุมถ่ายรูปเด็ดด้วยการช้อนเลนส์ขึ้นให้เห็นปลายยอดตัดกับสีท้องฟ้า สวยงามตามแบบฉบับศิลปะโรมาเนสก์ และ โกธิค รีไววัล

เวลาเปิด-ปิด : เฉพาะวันเสาร์ เวลา : 09.30 น. และ 13.30 น. (วันจันทร์-ศุกร์ และวันอาทิตย์สามารถเดินเยี่ยมชมบริเวณภายนอกได้) ไม่เสียค่าเข้าชม

********************************************

  1. ธนาคารไทยพาณิชย์ – โบสถ์กาลหว่าร์
    ย่านตลาดน้อย

ใครจะนึก ว่าย่านตลาดน้อย ชุมชนชาวจีนเก่าแก่ที่เกิดจากการขยายตัวทางการค้าของสำเพ็ง จะมีสถานที่ฮิปๆ แนววินเทจอย่างนี้อยู่ด้วย  ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย อดีตแบงค์สยามกัมมาจล สถาบันการเงินแห่งแรกของไทย ตัวอาคารเป็นทรงโคโลเนียล เด่นด้วยศิลปะแบบโบซาร์ ผสมนีโอคลาสสิก และตั้งอยู่ใกล้ท่าเรือ กรมเจ้าท่า ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีลมพัดโกรกเย็นสบาย จะถ่ายรูปกี่ร้อยใบก็พร้อม!

ถัดจากธนาคารไทยพาณิชย์ ใกล้ๆ กัน เป็นที่ตั้งของ โบสถ์กาลหว่าร์ หรือ วัดแม่พระลูกประคำบริเวณเดียวกับโรงเรียนกุหลาบวิทยา เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมนีโอโกธิค ในโบสถ์มีรูปปั้นพระศพของพระเยซูเจ้า รวมไปถึงรูปปั้นแม่พระองค์อุปถัมภ์ และรูปพระนางมารีอาในท่าประทับยืนบนดวงจันทร์ ซึ่งชาวโปรตุเกสนำมาจากกรุงศรีอยุธยาในคราวที่เสียกรุงแก่พม่า

********************************************

  1. ย่านสามแพร่ง – กระทรวงกลาโหม

ชวนสายติสท์ สายชิค และฮิปสเตอร์ คล้องกล้องออกมาแชะภาพย่านเมืองเก่า ในเขตพระนคร ที่ย่านสามแพร่ง ประกอบด้วย แพร่งภูธร แพร่งนรา และ แพร่งสรรพศาสตร์ ตึกแถวสองฝั่งถนน ซึ่งเคยเป็นวังเก่าของพระบรมวงศานุวงศ์ มีสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีส ผสมผสานระหว่างจีนและโปรตุเกส แม้สามแพร่งจะผ่านยุครุ่งเรืองสูดสุดมาแล้ว แต่ยังคงเป็นแหล่งรวมของกินอร่อยๆ ทำให้ย่านนี้ยังคงคึกคักและเป็นที่โปรดปรานของเหล่านักชิม

จากสามแพร่งเดินข้ามสะพานมาเที่ยว ตึกกระทรวงกลาโหม อาคารสีเหลืองสดใส เข้ากันดีกับบานหน้าต่างสีเขียวสไตล์ยุโรป หน้าต่างบางบานปิด บางบานปิด หรือแง้มไว้เล็กน้อย เป็นกิมมิคเก๋ๆ เวลาถ่ายรูป ส่วนด้านหน้าอาคารเป็นพิธภัณฑ์ปืนใหญ่โบราณ ตั้งโชว์กลางแจ้งไว้หลายกระบอก นอกจากนี้เพื่อนๆยังสามารถเดินไปเที่ยวต่อได้ที่วัดระแก้ว ศาลหลักเมือง และท้องสนามหลวง อยู่ไม่ไกลกัน ^^

ขอบคุณรูปภาพจาก : wikimedia

‘Inflatable Island’ สวนน้ำยูนิคอร์น สีพาสเทลสดใส ที่ฟิลิปปินส์

‘Inflatable Island’ สวนน้ำยูนิคอร์น
สีพาสเทลสดใส ที่ฟิลิปปินส์

ก่อนหมดซัมเมอร์เดือนเมษา เราขอพาคุณไปติดเกาะ ที่สดใสและสวยหวานสุดๆ “Inflatable Island” สวนน้ำบ้านลม ณ เกาะซูบิคเบย์ ห่างจากกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ ประมาณ 128 กม.

Inflatable Island สวนน้ำบ้านลมขนาดยักษ์ ที่นิยามตัวเองว่าเป็น “สนามเด็กเล่นลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย” ด้วยขนาดพื้นที่  4,100 ตารางเมตร เครื่องเล่นและชายหาดของที่นี่ถูกแปลงโฉมให้อยู่ในธีมของม้ายูนิคอร์น มีสีสันสดใส โดยเฉพาะสีชมพูและม่วงโทนพาสโทล สีโปรดปรานของสาว ๆ สายฟรุ้งฟริ้ง

สนุกสนานไปกับเครื่องเล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สไลเดอร์ แทมโพลีน หอคอย และที่น่ารักสุดๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสวนน้ำแห่งนี้คือ สไลเดอร์ยูนิคอร์น รวมถึงจอฉายหนังเป่าลมไว้รับชมหนังเพลินๆ ยามพระอาทิตย์ตก

นอกจากนี้ยังมีโซน Pink Bali Lounge ตรงนี้แหละ เฉดสีชมพูอมม่วงมาเต็ม เชิญผ่อนคลาย นั่งดริ๊ง ทานอาหาร และถ่ายรูปกันรัวๆ ส่วนค่าเข้าประมาณคนละ 500 บาท เล่นได้ตลอดทั้งวัน

Source : poppaganda, thisisinsider, lonelyplanet, inflatableisland

6 ที่เที่ยว ‘อุทยานธรณีสตูล’ อุทยานธรณีโลกแห่งแรกของไทย

6 ที่เที่ยว ‘อุทยานธรณีสตูล’ อุทยานธรณีโลกแห่งแรกของไทย

เป็นเรื่องน่ายินดีปรีดาอย่างมาก เมื่อทาง UNESCO ประกาศให้ อุทยานธรณีสตูล เป็นอุทยานธรณีโลกแห่งแรกของประเทศไทย ลำดับที่ 36 ของโลก และเป็นแห่งที่ 5 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อุทยานธรณีสตูล (Satun Geopark) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศไทย ครอบคลุม 4 อำเภอของจังหวัดสตูล คือ ทุ่งหว้า มะนัง ละงู และอำเภอเมือง มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาหินปูน มีเกาะน้อยใหญ่ และชายหาดที่สวยงาม

อีกทั้งยังเป็นบันทึกหลักฐานของโลกใต้ทะเลเมื่อ 500 ล้านปีก่อน ที่อุดมไปด้วยสิ่งมีชีวิตยุคเก่า เกิดเป็นแหล่งสร้างออกซิเจนให้กับโลกในช่วงเวลานั้น

ปัจจุบัน ที่แห่งนี้ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวแนวผจญภัย เช่น ล่องแก่ง ดำน้ำ เที่ยวถ้ำ การท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่น้ำตก ชายหาด รวมถึงเลือกซื้อของฝากผลิตภัณฑ์ชุมชน และสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น

เกริ่นมาซะยาวขนาดนี้ คงอยากรู้กันแล้วว่ามีสถานที่เที่ยวไหนน่าสนใจให้ได้ไปเก็บภาพสวยๆ กันบ้าง งั้นอย่ารอช้า ตามเรามาดูเลยค่ะ

  1. ถ้ำเลสเตโกดอน

ขอบคุณรูปภาพจาก : ถ้ำเล สเตโกดอน

ถ่ำเล สเตโกดอน ตั้งอยู่ที่บ้านคีรีวง ตำบลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า เป็นถ้ำธารลอดที่อยู่ในเทือกเขาหินปูนทอดยาว ซึ่งมีการขุดค้นพบฟอสซิลของช้างสเตโดกอน จึงเป็นที่มาของชื่อถ้ำ รวมไปถึงซากพืช ซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่อีกมากมาย

ที่นี่ได้รับอิทธิพลจากระดับน้ำทะเลขึ้นลงทุกวัน การเข้าไปเที่ยวต้องอาศัยเรือยาง ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ถือว่ายาวที่สุดในประเทศไทย ด้านในจะพบกับหินงอกหินย้อยรูปร่างประหลาดตา ความอัศจรรย์อยู่ตรงปากทางออกของถ้ำ ที่เป็นโพรงรูปหัวใจ จนเป็นคำพูดต่อๆ กันมาว่า “ตามหาหัวใจที่ปลายอุโมงค์”

***************************************************************

  1. ถ้ำภูผาเพชร

ถ้ำภูผาเพชร ถ้ำใหญ่กลางขุนเขา หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่เขาว่ากันว่าเป็นถ้ำใหญ่ติดอันดับโลก  ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด อ.มะนัง มีเนื้อที่ภายในถ้ำกว่า 50 ไร่ ภายในถ้ำมีความวิจิตรตระการตา เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยที่ส่องแสงระยิบระยับสวยงามราวกับเพชร จึงเป็นที่มาของชื่อถ้ำภูผาเพชร โดยเฉพาะ ห้องแสงมรกต ซึ่งเมื่อเดินเข้าไปด้านในสุดจะเห็นเพดานถ้ำโหว่มีแสงส่องลงมากระทบกับหินสีเขียวก้อนใหญ่ตรงกลางห้อง กลายเป็นลานแสงมรกตแปลกตา อะเมซิ่งสุดๆ ไปเลย

ขอบคุณรูปภาพจาก : vtc2013spring

***************************************************************

  1. ถ้ำเจ็ดคต

ขอบคุรรูปภาพจาก : satun-geopark

มีลักษณะเป็นถ้ำธารลอด คดเคี้ยวและทะุลุผ่านภูเขา ผ่านสัณฐานถ้ำที่โดดเด่น 7 ลักษณะ ทำให้เป็นที่มาของชื่อถ้ำ 7 คต ที่ปากถ้ำสองด้านทะลุเข้าหากันลักษณะคล้ายอุโมงค์ ต้องล่องเรือเข้าไปในถ้ำเพื่อชมธรรมชาติและหินงอกหินย้อยสวยงาม บางมุมจะได้ตื่นตากับหาดทรายขาวระยิบระยับราวกับเพชร ส่วนลำคลองที่ไหลผ่านในถ้ำนั้นคือคลองมะนัง จะไหลไปบรรจบกับคลองลำงู ที่มีต้นน้ำเกิดจากภูเขาในจังหวัดตรังนั่นเอง

***************************************************************

  1. ปราสาทหินพันยอด เกาะเขาใหญ่

เป็นเกาะหินปูนกลางทะเล อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู ต้องนั่งเรือหางยาว หรือ พายคายัคเข้าไป เวลาที่น้ำลดจะสามารถลอดช่องหินเข้าไปชมความสวยงามของ “ปราสาทหินพันยอด” สิ่งอัศจรรย์สุดอันซีนที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นจากการกัดเซาะหินของน้ำฝน จนกลายเป็นแท่งหินแหลมรูปร่างสวยงามแปลกตา คล้ายกับบนปราสาทในเทพนิยาย ชาวบ้านจึงเรียกกันว่าปราสาทหินพันยอด อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ธรณีวิทยา มีการพบฟอสซิลอายุมากกว่า 480 ล้านปี

***************************************************************

  1. เกาะไข่

เกาะไข่ เกาะเล็ก ๆ เกาะหนึ่งในอุทยานแห่งชาติตะรุเตา มีเอกลีกษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามมากนั่นคือ ซุ้มประตูหิน สามารถลอดผ่านได้ มีหาดทรายสีขาวนวล ละเอียดนุ่มเท้า น้ำทะเลใสสีมรกตเห็นผืนทรายใต้น้ำชัดเจน มีปลาชุกชุม และแนวประการังรอบทะเล ที่สำคัญ ทุกปีในช่วงเดือนพฤศจิกายนจะมีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่เป็นจำนวนมาก

***************************************************************

  1. เกาะหินงาม

อีกหนึ่งเกาะเล็กๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ที่ดูไกลๆ เหมือนมีหาดทรายสีดำ แต่เมื่อเข้าไปใกล้จะพบว่าไม่ใช่หาดทราย แต่ว่าเป็นก้อนหินสีดำที่กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ลักษณะเป็นหินกลมมน สีเทาดำ เมื่อถูกน้ำซัดจะเกิดประกายแวววาวสวยงามมาก นับเป็นความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรสร้างขึ้นมา

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : satun-geopark, TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง