8 แลนด์มาร์ค ดำน้ำ ดูปะการัง สนุกรับหน้าร้อน

8 แลนด์มาร์ค ดำน้ำ ดูปะการัง สนุกรับหน้าร้อน

เข้าหน้าร้อนทั้งทีมาหากิจกรรมดีๆทำกันให้สนุกดีกว่า เชื่อว่าเพื่อนๆคงจะวางแผนมาเที่ยวทะเลกันเยอะแน่ๆในช่วงนี้ และกิจกรรมยอดฮิตของการการมาเที่ยวทะเล นอกจากการเล่นน้ำและอาบแดดแล้ว การดำน้ำ ดูปะการัง ก็เป็นกิจกรรมที่น่าสนุกอีกอย่างนึงเลยนะ! วันนี้ HotelSThailand จะชวนเพื่อนๆไปดำน้ำ ดูปะการังสวยๆ กับ 8 แลนด์มาร์ค ดำน้ำ ดูปะการัง ห้ามพลาด ที่ควรไปสักครั้ง แต่ละที่น้ำใส ปะการังสวย และฟินสุดๆ บอกเลย!

หมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา

แลนด์มาร์คยอดฮิตสำหรับการดำน้ำ ดูปะการัง แห่งแรก ก็คือ หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะเล็กๆในทะเลอันดามัน จ.พังงา ที่มีความสวยงามทั้งบนบกและใต้น้ำ ที่นี่เพื่อนๆจะได้สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการดำน้ำ ชมปะการังสวยๆ และชมปลาหายากหลากสีสัน พร้อมทำกิจกรรมต่างๆอีกมากมาย เช่น นั่งเล่นริมชายหาดเพลินๆ เดินเล่นบนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ชมวิวสวยๆจากจุดชมวิว ไม่ว่าจะมาเที่ยวแบบ One Day Trip หรือพักค้างคืน ก็รับรองว่าจะได้สนุกกันอย่างแน่นอน

จุดดำน้ำยอดฮิต : เกาะปายู เกาะบางู เกาะสิมิลัน

หมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา

อีกหนึ่งจุดดำน้ำ ดูปะการังยอดฮิตใน จ.พังงา ที่ หมู่เกาะสุรินทร์ ที่มีความโดดเด่นเรื่องความสวยงามของท้องทะเลไม่แพ้ที่ไหนเลยทีเดียว เพราะที่นี่เป็นอุทยานทางทะเลที่มีแนวปะการังน้ำตื้นที่สมบูรณ์ที่สุด ทำให้การมาดำน้ำที่นี่ เพื่อนๆจะได้เห็นทั้งปะการังสวยๆและปลาทะเลหลายชนิด หรือถ้าไม่ชอบการดำน้ำ แค่เพียงมองจากบนผิวน้ำ น้ำทะเลที่นี่ก็ใสซะจนมองเห็นความสวยงามของใต้น้ำได้อย่างชัดเจนเลยล่ะ

จุดดำน้ำยอดฮิต : อ่าวบอน อ่าวเต่า เขาช่องขาด

เกาะพีพี จ.กระบี่

ดำดิ่งสู่โลกใต้ท้องทะเลกันที่ เกาะพีพี ส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา – หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นอาณาจักรแห่งบุปผาใต้สมุทร แน่นอนเลยว่าการดำน้ำ ดูปะการังที่นี่ เพื่อนๆจะได้เห็นความสวยงามของโลกใต้น้ำแบบสวยงามสุดๆ แล้วรู้ไหมว่า เกาะพีพีดอน ส่วนหนึ่งของเกาะพีพีนั้น ครั้งหนึ่งยังเคยติด 1 ใน 10 เกาะที่สวยงามที่สุดในโลกอีกด้วยนะ แบบนี้ต้องลองไปสัมผัสความสวยงามด้วยตาตัวเองกันสักครั้ง

จุดดำน้ำยอดฮิต : อ่าวมาหยา อ่าวปิเละ เกาะพีพีดอน เกาะไผ่

เกาะไม้ท่อน จ.ภูเก็ต

มาเที่ยวภูเก็ตทั้งทีอย่าลืมจองทริปมาดำน้ำ ดูปะการัง ที่ เกาะไม้ท่อน เกาะส่วนตัวใน จ.ภูเก็ต ที่ยังคงธรรมชาติอุดมสมบูรณ์สุดๆ เงียบสงบ พร้อมน้ำทะเลใสไหลเย็นเห็นตัวปลามากมาย แนวปะการังยาว และดอกไม้ทะเลหลากสีสัน จนได้รับฉายาว่าเป็นมัลดีฟส์เมืองไทยเลยล่ะ ที่นี่จึงเป็นสวรรค์ของคนรักการดำน้ำเลยทีเดียว ใครที่ชื่นชอบการดำน้ำบอกเลยว่าควรต้องมาสักครั้งจริงๆ แล้วจะตกหลุมรักเกาะไม้ท่อนแห่งนี้

จุดดำน้ำยอดฮิต : เกาะไม้ท่อน

เกาะเต่า – เกาะนางยวน จ.สุราษฏร์ธานี

ถ้าจะพูดถึงเกาะยอดนิยมที่เป็นสวรรค์ของคนรักการดำน้ำ ดูปะการัง ถ้าไม่พูดถึง เกาะเต่า – เกาะนางยวน จ.สุราษฏร์ธานี ก็คงจะไม่ได้ เพราะที่นี่มีทั้งจุดดำน้ำตื้นและลึกมากมายที่สวยงาม น้ำใส มองเห็นปะการังสวยๆ และปลานานาชนิด เช่น ปลาการ์ตูน ปลากระเบนราหู และถ้าโชคดีอาจจะได้เห็นฉลามวาฬด้วยนะ ถ้าใครยังไม่เคยดำน้ำ บนเกาะยังมีโรงเรียนสอนดำน้ำตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงขั้นมืออาชีพให้ได้เลือกเรียนกันด้วยล่ะ

จุดดำน้ำยอดฮิต : กองหินชุมพร กองหินขาว เกาะฉลาม อ่าวลึก เกาะนางยวน

หมู่เกาะห้อง จ.กระบี่

หมู่เกาะห้อง หนึ่งในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จ.กระบี่ ที่มีความสวยงามจากน้ำทะเลสีเขียวมรกต หาดทรายขาวๆ และบรรยากาศที่ร่มรื่น ใครที่ได้มาดำน้ำ ดูปะการังที่นี่ จะได้พบกับปะการังและพืชทะเลหายากนานาชนิด ที่รับรองว่าได้เห็นแล้วต้องประทับใจแน่ๆ นอกจากนั้น ที่นี่ยังเหมาะสำหรับการเล่นน้ำ หรือพายเรือคายัคชมบรรยากาศชิลล์ๆอีกด้วย มาเที่ยวกระบี่อย่าลืมจดชื่อหมู่เกาะห้องลงในทริปเที่ยวนะ

จุดดำน้ำยอดฮิต : เกาะห้อง

เกาะช้าง จ.ตราด

ถ้าอยากไปดำน้ำ ดูปะการัง แต่ไม่อยากไปไกลถึงภาคใต้ ขอแนะนำให้มาที่ เกาะช้าง จ.ตราด ซึ่งที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะที่มีปะการังสวยที่สุดในบรรดาหมู่เกาะภาคตะวันออก สามารถมาเที่ยวได้ทั้งปี จุดดำน้ำแต่ละจุดจะมีเอกลักษณ์และปะการังต่างชนิดกัน นอกจากนั้น บนเกาะช้างยังมีกิจกรรมต่างๆและที่เที่ยวอีกเพียบให้ได้แวะไปสัมผัสกัน ทั้งหาดทรายสวยๆและบรรยากาศดีๆ ที่ไม่ต้องไปไกลถึงภาคใต้ แต่ได้ความประทับใจเต็มเปี่ยม

จุดดำน้ำยอดฮิต : หมู่เกาะรัง เกาะยักษ์ใหญ่ เกาะยักษ์เล็ก เกาะหวาย

เกาะทะลุ จ.ประจวบคีรีขันธ์

เกาะทะลุ เกาะน้ำใส หาดทรายขาว ใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีสัญลักษณ์โดดเด่น คือ ช่องทะลุ โพรงขนาดใหญ่ที่เกิดจากคลื่นลมกัดเซาะมานาน เกาะทะลุเป็นเกาะที่มีธรรมชาติสวยไม่แพ้ทะเลอันดามัน พร้อมจุดดำน้ำตื้นที่มีปลาชุกชุม และแนวปะการังมากมายให้ได้ดำน้ำ ดูปะการังกันแบบเพลิดเพลิน ชมสัตว์ทะเลมากมาย ทั้ง เต่าทะเล วาฬบรูดา หอยมือเสือ และถ้าดำน้ำเสร็จแล้ว ยังมีกิจกรรมต่างๆให้สนุกกันอีก เช่น ตกหมึก ตกปลา และล่องเรือชมเกาะ

จุดดำน้ำยอดฮิต : เกาะทะลุ

จองทริปดำน้ำ ทริปเกาะทะลุ ดำน้ำ ดูปะการัง คลิก!

 

รู้ก่อนเที่ยวญี่ปุ่น! ปราสาทนาโงย่า ปิดปรับปรุงอาคารหลัก ยาวถึงปลายปี 2022

ปราสาทนาโงย่า ปิดปรับปรุง
อาคารหลัก ถึงปลายปี 2022

ปราสาทนาโงย่า ประกาศปิดปรับปรุง อาคารหลัก (Main Castle) ตั้งแต่วันนี้ จนถึงเดือนธันวาคม 2022 ใครมีแพลนไปเที่ยวนาโงย่าระหว่างนี้ คงต้องตัดโปรแกรมเที่ยวปราสาทไปก่อน อดใจรอกันหน่อย จะกลับมายิ่งใหญ่อลังการเหมือนเดิม

การปิดปรับปรุงครั้งนี้ ก็เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ที่บูรณะไว้ตั้งแต่ปี 1959 กลับมาเป็นโครงสร้างไม้ทั้งหมด เนื่องจากเกรงว่าโครงสร้างเก่าอาจมีปัญหา หากเกิดแผ่นดินไหวนั่นเอง

ปราสาทนาโงย่า (Nagoya Castle) ตั้งอยู่ที่ เมืองนาโงย่า จังหวัดไอจิ ถูกสร้างขึ้นตามคำสั่งของโชกุนโทกุงาวะ อิเอะยะสุ เพื่อเป็นฐานอำนาจความมั่นคงและป้องกันการโจมตีจากทางเมืองโอซาก้า ตัวปราสาทสร้างจากฐานหินขนาดใหญ่

จุดเด่นของยอดปราสาท คือ โลมาสีทอง ตัวผู้และตัวเมีย หุ้มด้วยทอง 18 กะรัต หนักตัวละ 44 กิโลกรัม เป็นสัตว์ในตำนานของญี่ปุ่น ลักษณะเด่นคือมีหัวเป็นเสือ ตัวเป็นปลาคาร์ฟ คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า “คินซาชิ” หรือ “ซาชิโฮโกะ” โดยเชื่อว่าเป็นเครื่องคุ้มครองปราสาทและชาวเมือง

ปราสาทสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1612 และให้ โทกุงาวะ โยชินาโอะ บุตรชายคนที่เก้ามาปกครองปราสาทแห่งนี้ ต่อมาในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1945 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เมืองนาโงย่าถูกโจมตีทางอากาศอย่างหนัก ทำให้ปราสาทแห่งนี้ถูกทำลายเสียหายเป็นอย่างมาก และได้มีการบูรณะครั้งใหม่ สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กในปี ค.ศ.1959 โดยพยายามคงรูปลักษณ์เดิมไว้ให้มากที่สุด

ภายในปราสาทถูกปรับเป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงข้าวของเครื่องใช้ ยุทโธปกรณ์ของเหล่าซามูไรในสมัยโบราณ ภายนอกปราสาทมีสวนสวยสไตล์ญี่ปุ่น แบ่งเป็น 2 ชั้น คือ คูเมือง และกำแพงป้อมปราสาท ซึ่งเป็นจุดชมซากุระที่จะเบ่งบานออกดอกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ประมาณ ปลายเดือนมีนาคม – เมษายน

อย่างไรก็ตาม แม้อาคารหลักจะปิดปรับปรุง แต่ส่วนอื่นๆ ยังเปิดให้เข้าชมอยู่ เช่น พระราชวังฮอมมารุ (Hommaru Place) อดีตบ้านพัก และที่ว่าราชการของท่านโชกุน รวมถึงไว้เป็นที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองในสมัยก่อน ปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นใหม่หลังถูกทำลายลงไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยตัวปราสาทสร้างด้วยไม้ ตามแบบสถาปัตยกรรมเดิมทุกอย่าง ด้านในมีภาพวาดฝาผนังที่ถูกแต่งแต้มสีสันได้อย่างปราณีตวิจิตร

Source : ญี่ปุ่นแซ่บStorywikimedia, compathy magazine

 

นั่งรถไฟฉึกฉัก เที่ยวใกล้กรุงเทพ 5 เส้นทางไหว้พระ วันวิสาขบูชา

นั่งรถไฟฉึกฉัก เที่ยวใกล้กรุงเทพ
ไหว้พระวันวิสาขบูชา

ฉึกฉัก ฉึกฉัก ~~ Travel Mthai ขอชวนนั่งรถไฟ เที่ยวใกล้กรุงเทพ ไปไหว้พระ 5 จังหวัด ในวันหยุดวิสาขบูชา ซึบซับกับวิวทิวทัศน์สองข้างทาง สัมผัสลมเย็นๆ จากธรรมชาติรอบตัว ถือเป็นเสน่ห์ของการนั่งรถไฟไทยแบบเนิบๆ ที่ถึงจะช้าแต่ถึงปลายทางแน่นอน

อยุธยา

เที่ยวใกล้กรุงเทพ ที่อยุธยา เมืองเก่าของเราแต่ก่อน ตัวเลือกอันดับแรกๆ ของคนอยากไหว้พระ จะ 5 วัดก็ดี หรือ 9 วัดก็ได้ขอแค่ไหว แนะนำว่าเช่าจักรยานแล้วปั่นไปตามวัดต่างๆ ชิลล์มากกก เมื่ออิ่มบุญก็ตระเวนเที่ยวต่อ ทั้งอุทยานประวัติศาสตร์ หรือพิพิธภัณฑ์ร้านของเล่นก็น่าสนใจทั้งคู่

วัดมหาธาตุ 

แวะชมความงามปนขลังของวัดมหาธาตุ และอัศจรรย์เศียรพระพุทธรูปในต้นไม้ ที่ถูกรากต้นโพธิ์ปกคลุมจนเกือบมิด ความโดดเด่นอีกอย่างก็คือ พระปรางค์ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากปรางค์ขอม แม้ปัจจุบันจะพังทลายลงหมดแล้ว เหลือเพียงชั้นฐาน แต่ยังคงมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และงดงามไม่เสื่อมคลาย

**************************************************************

นครปฐม

ปู๊นๆ นั่งรถไฟมาหยุดที่สถานีนครปฐม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ จากสถานีหัวลำโพง บางคนก็เลือกสถานีปลายทางไปลงน้ำตกไทรโยคน้อย จ.กาญจนบุรี เพราะรถไฟจะหยุดให้แวะสักการะพระปฐมเจดีย์ประมาณ 40 นาที นอกจากนี้ นครปฐม ยังมากมายไปด้วยคาเฟ่ริมน้ำชิคๆ พิพิธภัณฑ์แจ่มๆ อีกเพียบ อย่าง เจษฎาเทคนิค มิวเซียม หรือ วู้ดแลนด์เมืองไม้ อ้อ! และที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลองค์พระ ก็มีพระราชวังสนามจันทร์ ที่เราจะได้พบสิ่งปลูกสร้างในอดีตที่สวยงามทั้ง พระที่นั่ง พระตำหนัก เรือนต่างๆ ซึ่งสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6

องค์พระปฐมเจดีย์ 

มาเที่ยวนครปฐม แล้วไม่สักการะองค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ถือว่ามาไม่ถึง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่กับเมืองนครปฐม อีกทั้งเป็นปูชนียสถานอันสำคัญของประเทศไทย เชื่อว่าเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระโคตมพุทธเจ้า

**************************************************************

ฉะเชิงเทรา

สถานีต่อไป ชุมทางฉะเชิงเทรา หรือ คุ้นปากคุ้นหูกันดีว่า เมืองแปดริ้ว สัมผัสบรรยากาศบ้านเรือนเก่าริมแม่น้ำแม่กลอง และกราบไหว้หลวงพ่อโสธร พระคู่บ้านคู่เมืองของชาวฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ยังมีตลาดโบราณหลายแห่งให้เดิมชิม ช้อป กันจนจุใจ รับรองมาแล้วได้ทั้งบุญ แถมอาจกลิ้งกลับบ้านอีกต่างหาก

วัดหลวงพ่อโสธร

ด้วยเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธร ทำให้มีประชาชนจำนวนไม่น้อย เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ มาบนบานศาลกล่าวหวังพึ่งพาบารมี และขอให้หลวงพ่อปกป้องคุ้มครอง รักษาโรคให้แคล้วคลาด รวมถึงทำมาค้าขายขึ้น ตลอดจนเรื่องการสอบติดชิงทุนของลูกหลาน

ตามตำนานเล่าว่า หลวงพ่อโสธร ได้แสดงปาฏิหาริย์ลอยน้ำมา และมีผู้อัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้ แต่พระสงฆ์ในวัดเกรงจะมีผู้มาลักพาไปจึงได้เอาปูนพอกเสริมหุ้มองค์เดิมไว้จนมีลักษณะที่เห็นในปัจจุบัน

**************************************************************

สมุทรสงคราม

 

ยลเสน่ห์ของตลาดร่มหุบ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยเพราะเมื่อรถไฟวิ่งผ่าน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจะพร้อมใจกันหุบร่ม เก็บแผงขาย เพื่อเปิดทางให้รถไฟแล่นผ่าน จึงเป็นที่มาของชื่อ ‘ตลาดร่มหุบ’ จากตลาดเดินไปไม่ไกลก็จะเจอวัดหลวงคู่เมืองแม่กลองมายาวนาน เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อบ้านแหลม และถ้าอยากเที่ยวอัมพวาต่อ ก็สามารถต่อรถสองแถวไปได้ ส่งถึงข้างหน้าทางเข้าเลยค่ะ

การเดินทางด้วยรถไฟเที่ยวสมุทรสงคราม ต้องนั่งรถไฟสองต่อ ต่อแรกขึ้นรถไฟที่สถานีวงเวียนใหญ่ ไปลงสถานีมหาชัย จากนั้นนั่งเรือข้ามฟากไปฝั่งท่าฉลอม ต่อที่สองเดินจากท่าเรือไปขึ้นรถไฟสถานีบ้านแหลม เลือกสถานีปลายทางที่แม่กลอง

วัดเพชรสมุทรวรวิหาร (หลวงพ่อบ้านแหลม)

แต่เดิมชื่อวัดศรีจำปา สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง ชาวบ้านได้อาศัยวัดนี้เป็นที่ลี้ภัยสงครามพม่า และภายหลังได้ช่วยกันบูรณะวัดขึ้นใหม่แล้วเรียกว่า “วัดบ้านแหลม” ปัจจุบันวัดบ้านแหลมได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น พระอารามหลวงชั้นตรีวรวิหาร และได้รับพระราชทานชื่อใหม่ว่า “วัดเพชรสมุทรวรวิหาร” มีหลวงพ่อบ้านแหลมเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวสมุทรสงคราม

**************************************************************

ลพบุรี

เยือนถิ่นลิง ที่จังหวัดลพบุรี แผ่นดินทองสมเด็จพระนารายณ์ ด้วยความที่สถานีรถไฟอยู่ใจกลางเมือง จึงสะดวกสบายต่อการเดินเท้าเที่ยวชมโบราณสถานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ  ศาลพระกาฬ และปรางสามยอด นอกจากฝูงลิงที่ขึ้นชื่อแล้ว ยังมีทุ่งทานตะวันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ได้รับความสนใจทั้งจากนักท่องเที่ยวไทยและชาวต่างชาติ

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ

ขอบคุณรูปภาพจาก : tourismthailand

ออกจากสถานีรถไฟลพบุรี ด่านแรกก็จะเจอ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ ภายในวัดพบโบราณวัตถุมากมาย ที่ผ่านการบูรณะมาหลายครั้ง ทั้งศาลาเปลื้อง พระปรางองค์ใหญ่ พระปรางค์องค์เล็ก ภาพจิตกรรมฝาผนัง เจดีย์ราย วิหารไทย และวิหารเก้าห้อง ซึ่งมีลักษณะเป็นวิหารที่มีผนังยาวมีเสากั้นรวมกันเก้าช่วงเสา หน้าตาทรงโค้งงดงามอ่อนช้อย

 ศาลพระกาฬ

ขอบคุณรูปภาพจาก : tourismthailand

มาเที่ยวลพบุรี ต้องแวะมาไหว้ศาลพระกาฬ เดี๋ยวจะมาไม่ถึง เพราะศาลแห่งนี้เปรียบเสมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลพบุรี โดดเด่นด้วยเทวสถานขอมเก่าแก่ที่สร้างด้วยศิลาแดงเรียงซ้อนกันเป็นฐานสูง ผู้คนจึงนิยมเรียกว่า “ศาลสูง” ภายในศาลเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าพ่อพระกาฬ สันนิษฐานว่าเป็นเทวรูปพระนารายณ์ยืน บริเวณรอบๆ ศาลพระกาฬยังร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงลิงกว่า 300 ตัว

วันวิสาขบูชา ปีนี้ตรงกับวันอังคารที่ 29 พฤษภาคม 2561 ใครกำลังวางแผนเที่ยว one day trip แบบใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ ก็ออกเดินทางตามรอยได้เลย สามารถไปเช้าเย็นกลับได้สบายๆ