อโกด้า เผย 7 โรงแรมรักษ์โลกในประเทศไทย ตอบโจทย์ทั้งดีไซน์หรูหราและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

หากพูดถึงโรงแรมรักษ์โลกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คนทั่วไปมักจะนึกถึงที่พักที่สุดแสนเบสิก ห่างไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวก แต่ปัจจุบันโรงแรมหลายแห่งเริ่มนำวัสดุเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาผสมผสานกับการตกแต่งที่สวยงามมีสไตล์ของโรงแรมได้อย่างลงตัว ซึ่งถือเป็นการแสดงความตั้งใจของโรงแรมในการอนุรักษ์ธรรมชาติ และสร้างเอกลักษณ์อันน่าประทับใจต่อผู้เข้าพัก

7 โรงแรมรักษ์โลกในประเทศไทย
ดีไซน์หรูหราและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

อโกด้าหนึ่งในผู้ให้บริการห้องพักออนไลน์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก เผย 7 โรงแรมในประเทศไทย ที่ไม่เพียงแต่โด่ดเด่นเรื่องความหรูหราแต่ยังคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนอีกด้วย

1. ดิ ไอส์แลนด์ ไฮด์เอาท์, พังงา

ดิ ไอส์แลนด์ ไฮด์เอาท์ โรงแรมกลางทะเลสีเขียวมรกตในอ่าวพังงา จะให้คุณรู้สึกถึงความสงบได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่ผ่อนคลายอย่างแท้จริง เริ่มตั้งแต่การออกแบบโครงสร้างด้วยวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปจนถึงวิวทิวทัศน์เกาะที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี เมื่อพูดถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม บ้านพักของโรงแรมแห่งนี้ใช้พลังงานทดแทนทุกหลัง และมีอัตราการลดขยะสูงถึง 80% อีกทั้งเน้นการเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นเพื่อการประกอบอาหารอีกด้วย

2. 137 พิลลาร์ เฮาส์, เชียงใหม่

137 พิลลาร์ เฮาส์ มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นด้วยกำแพงต้นไม้สีเขียวริมสระว่ายน้ำสูงถึง 25 เมตร ซึ่ง บูทิกโฮเทลแห่งนี้ยังร่วมมือกับโครงการ WarmHeart Environmentในการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยผลิตถ่านจากของเสียออร์แกนิก ทำลายสิ่งสกปรกในห้องพักและในสวนโดยปราศจากการใช้สารเคมี รวมถึงสร้างระบบการจัดการยุงโดยปลอดสารพิษ โดยเจ้าหน้าที่จะคอยตรวจสอบพื้นที่ทั่วบริเวณโรงแรม เพื่อหาแหล่งเพาะพันธุ์ยุงและกำจัดอย่างถูกวิธี

3. อัยลันดา ไฮด์อะเวย์ รีสอร์ต, กระบี่

รีสอร์ตอันสวยงามแห่งนี้ตั้งอยู่ ณ เกาะกลาง เกาะแห่งการตกปลาและเพาะปลูกที่สำคัญของชาวกระบี่ รีสอร์ตใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นในการทำอาหารควบคู่กับการปลูกผักปลอดสารพิษในสวนออร์แกนิก ผู้มาพักจึงมั่นใจได้ว่าวัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหารนั้นสดสะอาด และยังเป็นการช่วยส่งเสริมรายได้ให้กับชุมชนบนเกาะ นอกจากนี้ป่าชายเลนที่รายล้อมรอบรีสอร์ตยังเป็นจุดที่ผู้มาเยือนสามารถสำรวจการใช้ชีวิตของสัตว์ป่าและวิถีการจับปลาของชาวประมง

4. ศิวาเทล,กรุงเทพ

ด้วยความมุ่งมั่นในการออกแบบที่พักสไตล์บูทิกโฮเทล ภายใต้แนวคิดการใช้ทรัพยากรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โรงแรมศิวาเทลจึงใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปราศจากการทดลองกับสัตว์ และผลิตจากแหล่งที่มาในท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์เครื่องอาบน้ำต่างๆ ปราศจากแพ็กเกจกระดาษ และถุงใส่ผ้าที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ นอกจากนี้โรงแรมยังคำนึงถึงการประหยัดน้ำ การใช้พลังงาน และการควบคุมไม่ให้เกิดขยะหรือของเสียจากการทำกิจกรรมต่างๆ

5. ซิกเซ้นส์,สมุย

โรงแรม ซิกเซ้นส์ สมุย ได้รับการรับรองจากโครงการระดับโลกอย่าง Green Globe 21 ว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่มีความรับผิดชอบในการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยกลุ่มโรงแรมซิกเซ้นส์ พัฒนาโครงการลดผลกระทบของการท่องเที่ยวที่มีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง อาทิ การผลิตไบโอดีเซล การกรองและรีไซเคิลน้ำเสีย และการร่วมมือกับองค์กร UNICEFและ Restaurants against Hunger

 6. อลีนตา รีสอร์ท แอนด์ สปา,พังงา

อลีนตา รีสอร์ท ได้รับรางวัลโรงแรมรักษ์สิ่งแวดล้อมขนาดย่อมที่ดีที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2014 โดยพัฒนาระบบรักษาสิ่งแวดล้อมขึ้นหลายรูปแบบ อาทิ ระบบการจัดการน้ำเสีย การอนุรักษ์พลังงานและธรรมชาติ และการรีไซเคิล รวมถึงร่วมมือกับโรงเรียนและองค์กรในท้องถิ่นเช่น โรงเรียนบ้านเขาพิลัย มูลนิธิอนุรักษ์เต่าทะเล และมูลนิธิเพียวบลู เพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติท้องทะเล

7. โรงแรมอคีรา ทัส สุขุมวิท, กรุงเทพฯ

อคีรา ทัส สุขุมวิท เป็นโรงแรมแห่งแรกๆ ในประเทศไทยที่มีนโยบายงดใช้พลาสติกไม่ว่าจะในห้องพักหรือห้องอาหารของโรงแรม แขกผู้เข้าพักจะได้ใช้ขวดน้ำที่ทำจากสแตนเลสและสามารถเติมน้ำเพิ่มได้ตลอดเวลา เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ในห้องน้ำจัดเตรียมอยู่ในภาชนะเซรามิก และถุงขยะทุกใบเป็นถุงที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ โรงแรมอีโคเฟรนด์ลีขนาด 50 ห้องนอนนี้ คือโรงแรมต้นแบบที่มุ่งมั่นจะงดใช้พลาสติกร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในปีพ.ศ. 2563


เที่ยวโคราชต้องแวะ! ‘สะพานไม้ไผ่บ้านเตย’ น่าเดินถ่ายรูป สูดอากาศดี๊ดี

สะพานไม้ จุดเช็คอินถ่ายรูปสวย มาแรง มีเสน่ห์ดึงดูดให้ใครหลายคนอยากก้าวเดินพร้อมสัมผัสธรรมชาติรอบตัวแบบชิดใกล้ ทั้งยังทำให้สถานที่ท่องเที่ยวที่สะพานตั้งอยู่นั้น น่าไปเยือนมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นสะพานไม้ทอดผ่านท้องทุ่งนา หรือข้ามน้ำ ข้ามทะเล เช่นเดียวกับ สะพานไม้ไผ่บ้านเตย แลนด์มาร์คใหม่แกะกล่องที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวโคราชครั้งหน้า

‘สะพานไม้ไผ่บ้านเตย’ โคราช
น่าเดินถ่ายรูป สูดอากาศดี๊ดี

ผ่านไปผ่านแถวอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เวลานี้ ต้องแวะไปเติมความสดชื่นที่ สะพานไม้ไผ่บ้านเตย กันเสียหน่อย เดี๋ยวจะตกเทรนด์เอา สะพานไม้ไผ่แห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ใน ‘ศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง’ มีความโดดเด่นเรื่องของบรรยากาศ เพราะมีทุ่งนาข้าวเขียวขจีห้อมล้อม ไม่ว่าหันมองไปทิศทางไหน ก็สดชื่นสบายตา

สะพานไม้ไผ่ ความยาวกว่า 300 เมตร สร้างคดเคี้ยวไปมาเหนือทุ่งนาของชาวบ้าน ซึ่งเกิดจากความร่วมแรงใจของชาวบ้านบ้านเตย ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นชมวิว เช็คอินถ่ายรูปเก๋ๆ คู่กับต้นข้าวสีเขียวที่กำลังเติบโตอัดแน่นเต็มแปลงข้าวสาธิต บนพื้นที่ขนาด 10 ไร่

นอกจากนี้ ทางอำเภอพิมาย เตรียมที่จะต่อยอด “สะพานไม้ไผ่” เป็นแหล่งท่องเที่ยวรับเทศกาลเที่ยวพิมายประจำปี 2561 หรืองานประเพณีแข่งเรือยาว ในช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่ต่อไปในอนาคต

ขอบคุณภาพจาก : koratstartup

นาโปแก สูดโอโซนกลางผืนนา จ.พัทลุง

นาโปแก ปอดแห่งใหม่ของคนเมืองลุง จังหวัดพัทลุง ไปเดินชิลล์บนสะพานไม้ นั่งถ่ายรูปที่กระท่อมปลายนา ท่ามกลางความสดชื่นจากธรรมชาติ อบอวลด้วยกลิ่นอายท้องทุ่ง ฟังแค่นี้ก็รู้สึกดีขึ้นมาแล้วใช่มั้ยล่ะ

นาโปแก สูดโอโซนกลางผืนนา จ.พัทลุง

ถามว่าไปพัทลุง เที่ยวไหนบ้าง หลายคนคงตอบได้ไม่ยาก เพราะเป็นจังหวัดที่โดดเด่นในเรื่องของที่เที่ยวแนวธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นล่องเรือชมดอกบัวที่ทะเลน้อย ชมแสงแรกของวันที่บ้านปากประ ชมทะเลหมอกที่ควนนกเต้น ล่องแก่งหนานมดแดง รวมถึงมีวัฒนธรรมพื้นบ้านที่น่าสนใจอย่างหนังตะลุง และมโนราห์ แต่ก็นั่นแหละ มันก็ซ้ำๆ เที่ยววนลูปเดิม วันนี้เราขอแนะนำอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวเชิงอนุรักษ์ นั่นคือ ‘นาโปแก’

นาโปแกตั้งอยู่ในอำเภอควนขนุน บนถนนเส้นเดียวกับทางไปอุทยานแห่งชาตินกน้ำทะเลน้อย คำว่านาโปแก เป็นภาษาพื้นบ้านท้องถิ่น นาก็คือ นาข้าว ส่วนคำว่า “โปแก” เป็นสำเนียงปักษ์ใต้ หมายถึง พ่อของแม่ พ่อแก่ พ่อเฒ่า หรือคุณตา เมื่อรวมความหมายที่เข้าใจได้ ก็แปลว่า ที่นาของคุณตา นั่นเอง

ภายในพื้นที่มีแปลงปลูกข้าวสาธิต ที่เต็มไปด้วยข้าวพันธุ์พื้นเมืองต่างๆ เช่น ข้าวสังข์หยด  ข้าวซ้อมมือโบราณ ฯลฯ ตลอดจนเป็นแหล่งเรียนรู้วิถีเกษตรกรไทย ที่นักท่องเที่ยวจะได้ลงแรงทำตั้งแต่การเกี่ยวข้าว ไถนา ดำนา เลี้ยงควาย ขุดบ่อปลา แถมมีควายตัวเป็นๆ ให้นักท่องเที่ยวสัมผัสความรักน่าเอ็นดู และป้อนหญ้าได้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีโซนร้านกาแฟ  ร้านอาหาร ร้านขายสินค้าการเกษตร และสินค้าพื้นเมือง ซึงแต่ละร้านเชื่อมโยงกันด้วยสะพานไม้ที่ทอดยาวผ่านท้องนาเขียวขจี ให้เราเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ เดินเล่น ถ่ายรูป สูดอากาศดีๆ รับลมเย็นๆ รายล้อมด้วยศาลาและกระท่อมไม้ ที่ตั้งเรียงรายเป็นเอกลักษณ์

สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากนอนฟอดปอด ดื่มด่ำธรรมชาติฟินๆ ที่นี่ก็มีโฮมสเตย์ ‘ขนำปลายนา’ ไว้บริการ  ราคา 1,500 บ. และ 1,800 บ. ต่อหลัง พร้อมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน **ที่นอนเสริม เด็กนอนได้ 2 คน เพิ่ม 300 บ. (ไม่รวมอาหารเช้า)

เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-17.30 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-18.30 น.

**เข้าชมฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย

ที่ตั้ง : ริมถนนสายควนขนุน-ทะเลน้อย ห่างจากตัวอำเภอควนขนุน 5 กม. ใกล้วัดบ้านสวน ก่อนถึงตลาดปากคลอง

ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลบางส่วนจาก : พัทลุง ทูเดย์, นาโปแก, baan-loong, visitphuket