10 อันดับ จุดหมายปลายทางยอดนิยมของ นักท่องเที่ยวจีน

ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ค่ะว่าปัจจุบัน นักท่องเที่ยวจีน เป็นกลุ่มเป้าหมายรายใหญ่ที่ช่วยสร้างรายได้ให้ธุรกิจท่องเที่ยวในที่ต่างๆ อย่างมหาศาล เห็นได้จากตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มักมีชาวจีนรวมอยู่ด้วยจำนวนมาก

10 อันดับ จุดหมายปลายทาง
ยอดนิยมของ นักท่องเที่ยวจีน

Ctrip เว็บไซต์ออนไลน์ด้านการท่องเที่ยว เจ้าใหญ่ที่สุดของจีน เผยว่า ชาวจีนมียอดจองโรงแรมหรูในต่างประเทศ เพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยอ้างอิงข้อมูลจากการวิจัยของสถาบัน Ctrip Hotel College Research Center

 

จากผลสำรวจ การสำรองห้องพักโรงแรมในต่างประเทศของ นักท่องเที่ยวจีน พบว่า ประเทศญี่ปุ่น คือจุดหมายปลายทางยอดฮิตที่ชาวจีนไปเยือนมากที่สุด ทั้งหมด 4 เมือง ได้แก่ ซัปโปโร เกียวโต โอซาก้า และโตเกียว สำหรับประเทศไทยเอง ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ชาวจีนนิยมไปเที่ยว เชียงใหม่ กรุงเทพฯ และภูเก็ต ส่วนอันดับที่เหลือจะมีที่ไหนอีกบ้าง เราลองไปดูกันเลย

10. เมืองซับโปโร ประเทศญี่ปุ่น


9. จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย


8.  เมืองโกตากีนาบาลู ประเทศมาเลเซีย


7. เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น


6. เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย


5. กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย


4. ประเทศสิงคโปร์


3. เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น


2. จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย


1. เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

ที่มา : China Xinhua News, catdumb

‘Less is more’ โรงแรมแคปซูล ตกแต่งน้อย แต่โดนใจมากกก!!

เคยได้ยินคำว่า Less is more หรือ น้อยแต่มาก กันบ้างมั้ยคะ สำหรับบางเรื่อง หรือบางสิ่ง ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้มันดูเยอะ ถึงจะดูดีได้เท่านั้น อย่างโรงแรมที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้ เป็น โรงแรมแคปซูล ที่มีการตกแต่งแบบเรียบๆ แต่สวยเก๋ มีสไตล์เป็นของตัวเอง แบบที่เรียกได้ว่าน่าสนใจสุดๆ แม้ว่าขนาดจะเล็ก แต่ก็ไม่ได้ทำให้โรงแรมเหล่านี้ โดดเด่นน้อยไปกว่าโรงแรมใหญ่ๆ มาดูกันว่า จะมีที่ไหนบ้าง

Less is more’ โรงแรมแคปซูล
ตกแต่งน้อย แต่โดนใจมากกก!!

1. ย ยักษ์ โฮสเทล กรุงเทพฯ

 ยักษ์ โฮสเทล ตั้งอยู่ติดทางขึ้นสถานีรถฟ้าวงเวียนใหญ่ ในกรุงเทพฯ บ้านเรานี่เอง มีการตกแต่งอย่างสะอาดตา ดูสงบ ร่มเย็น ใช้สีเรียบๆ ผสานกับการตกแต่งที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสตรีทอาร์ต และนอกจากอาหารเช้าสไตล์ยุโรปแล้ว ที่นี่ยังเสิร์ฟอาหารเช้าแบบไทยๆ โดยใช้ภาชนะสุด local ให้แขกได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศการพักผ่อนในแบบไทยอย่างแท้จริง

2. FUNKY SPORT CAPSULE HOSTEL
เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัสเซีย

ที่นี่นับเป็นอีกหนึ่งโฮสเทลใจกลางเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งใส่ใจในเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีไอเดียการออกแบบตกแต่งที่ผ่านการคิดมาแล้วอย่างดี เช่น ห้องที่มีคุณสมบัติในการกันเสียง ภายในประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาหารเช้าเสิร์ฟแบบยุโรป รวมทั้งมีรีเซพชั่นคอยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบริการแนะนำสถานที่เที่ยวในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวสายไหน พนักงานที่นี่ก็แนะนำได้ทั้งนั้น แถมยังจองทัวร์ จองร้านอาหารให้ด้วย สบายไปอีกกก

3. LINKER PARTYHOUSE
เมืองอันดง เกาหลีใต้

การตกแต่งของที่นี่จะใช้โทนสีขาวและสีพาสเทลเป็นหลัก แซมด้วยธงสีๆ เรียงรายเป็นแถบ เตียงจะเป็นแบบสองชั้น ลักษณะคล้ายชั้นวางของ และยังมีการตกแต่งด้วยผ้าพิมพ์ลาย รวมไปถึงของตกแต่งประเภทงานฝีมือ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากพิพิธภัณฑ์ไม่ใกล้ไม่ไกล ที่เมืองอันดง ประเทศเกาหลีนี่เอง

4. THE MILLENNIALS KYOTO กรุงเกียวโต ญี่ปุ่น

จะเรียกที่นี่ว่าเป็นถิ่นของพวกที่ชอบทำงานนอกบ้านก็คงไม่ผิดนัก เพราะนอกจากจะเป็นโรงแรมแล้ว ที่นี่ยังถูกแบ่งโซนด้านนอกให้กลายเป็น workspace ด้วยเช่นกัน โดยส่วนพื้นที่ทำงานจะเงียบสงบ ถูกแบ่งแยกจากส่วนโรงแรมอย่างชัดเจน และด้วยบรรยากาศที่ดีเหมาะแก่การทำงานบวกกับการตกแต่งที่สวยงาม ลงตัว Millennials Kyoto จึงเป็นแหล่งดึงดูดคนภายนอกให้อยากเข้ามาใช้พื้นที่ภายในโรงแรมเป็นพื้นที่ทำงานกันอย่างไม่ขาดสาย

5. COMICAP KYOTO กรุงเกียวโต ญี่ปุ่น

โรงแรมแคปซูล ซึ่งอยู่ห่างจากพิพิธภัณฑ์การ์ตูนมังงะ โดยเดินทางเพียง 15 นาทีเท่านั้น นับเป็นสวรรค์ของคนรักการ์ตูนเลยก็ว่าได้ เพราะการตกแต่งของที่นี่มาในธีมการ์ตูนมังงะ ดีไซน์ห้องพักเป็นเหมือนห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นให้เลือกหลากหลายละลานตา มีทั้งแบบคลาสสิคและร่วมสมัย ทั้งยังมีมุมนั่งเล่นส่วนกลางสุดสบายสำหรับแลกเปลี่ยนความเห็นกันเรื่องการ์ตูนเล่มโปรดอีกด้วย แฟนๆ มังงะคงฟินจนไม่อยากกลับบ้านเลยล่ะ

6. CAPSULE HOTEL INTERQUBE CHISTYE PRUDY
กรุงมอสโก รัสเซีย

เหล่าบรรดาแบ็คแพ็คเกอร์ต้องมาโดนที่นี่ให้ได้ นอกจากจะตกแต่งดี บรรยากาศสบายตาแล้ว เตียงยังมีให้เลือกทั้งแบบเตียงเดี่ยว และเตียงคู่ พร้อมผ้าม่านปิดทึบ เหมือนอยู่ห้องส่วนตัว ที่น่าเลิฟสุดๆ เห็นจะเป็นตู้นิรภัยที่สามารถเก็บกระเป๋าแบ็คแพ็คใบใหญ่ได้แบบสบายๆ

7. SLEEEP ย่านเชิงหว่าน ฮ่องกง

มาในธีม sci-fi กันเลยทีเดียวกับ Sleeep โฮสเทลเริ่ดเว่อ ที่ตกแต่งแคปซูลได้น่านอนสุดๆ มีตัวช่วยสำหรับการนอนหลับด้วยแสงไฟสลัวประดับเตียง รวมถึงรอบโรงแรมด้วยเช่นกัน เพิ่มความร่มรื่นด้วยต้นไม้ประดับประดาบริเวณผนัง และเสริมความปลอดภัยด้วยเครื่องสแกนลายนิ้วมือหน้าแคปซูลแต่ละห้อง

8. STATION 1 เมืองฟูจิโนะมิยะ ญี่ปุ่น

ห้องพักของ Station 1 จะเป็นแบบเรียวกัง คือแบบญี่ปุ่นในสมัยก่อน เรียกได้ว่าแทบทุกอย่างของที่นี่มาในสไตล์ญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ทั้งฟูกญี่ปุ่น ผนังห้องแบบเก็บเสียง เสื่อทาทามิ หรือแม้แต่พื้นรอบๆ โรงแรมก็ประดับด้วยหินสไตล์ญี่ปุ่น แต่ที่นี่ก็ไม่ได้มีแค่ความเป็นญี่ปุ่นอย่างเดียว เพราะยังมีห้องอาหารสไตล์ตะวันตก ให้ได้ลิ้มรสชาติกันอีกด้วย

ใครที่ชอบพักโฮสเทล หรือโรงแรมแคปซูล ลองเก็บเอาตัวเลือกที่เรานำมาเสนอวันนี้ไปเลือกกันดูน้า จะไปเที่ยวที่ไหน ชอบห้องแบบไหนก็เก็บไว้ในลิสต์แล้วจองกันโลดจ้า

Source : booking

ถ้ำแก้วโกมล ความมหัศจรรย์ ที่มีเพียง 1 ใน 3 ของโลก

ความมหัศจรรย์ในเมืองไทย นั้นมีอีกหลายแห่งที่รอให้ทุกท่านได้ไปค้นหา ในเมื่อมันแค่ตั้งรออยู่ แล้วทำไมเราถึงไม่หาเวลาออกไปพบมันละ ถ้ำแก้วโกมล จ.แม่ฮ่องสอน ก็เป็นที่สุดยอดแห่งความงาม ที่ไม่ได้โด่งดังเพียงในประเทศไทยเท่านั้น แต่ไปไกลถึงระดับโลกแล้ว… สวยแค่ไหนต้องเดินทางไปดูด้วยตาตัวเอง

ถ้ำแก้วโกมล ความมหัศจรรย์ ที่มีเพียง 1 ใน 3 ของโลก

ถ้ำแก้วโกมล เป็นถ้ำที่ค้นพบด้วยความบังเอิญโดยวิศวกรชาวไทย ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำผลึกแคลไซต์ ที่ประกอบด้วยหินในตระกูลคาร์บอเนต ชนิดแอนไฮดรัสคาร์บอเนต ที่มีความใสกาวบริสุทธิ์มีรูปลักษณ์หลากหลายลักษณะ มีรูปผลึกอยู่ในระบบสามแกนราบ ส่วนใหญ่เป็นรูปหกเหลี่ยมยาวยอดแหลมหรือรูปสี่แหลมขนมเปียกปูน มีแนวแตกเรียบที่สมบูรณ์ 3 แนว

เป็นสิ่งที่พบได้ยากในธรรมชาติ เพราะต้องมีองค์ประกอบที่ครบทั้ง หินปูน ไอน้ำร้อนที่ได้จะน้ำพูร้อนธรรมชาติ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ไอสารละลายแคลเซียมไบคาร์บอเนตที่กลั่นตัวในอุณหภูมิสูงสุดและต้องอิ่มตัวในอุณหภูมิที่ต่ำสุด

ภายในถ้ำจะมีผลึกแร่แคลไซค์ที่มีลักษณะคล้ายเกล็ดหิมะ มีที่มาว่า ถ้ำน้ำแข็ง ภายในถ้ำจะแบ่งเป็นหลายห้องแต่ละห้องจะอยู่ถัดกันไปตามความลึกของถ้ำภายในถ้ำจะค่อนข้างชัน

ถ้ำแก้วโกมลนี่จัดว่าเป็นถ้ำที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในถ้ำผลึกแร่แคลไซต์ที่ค้นพบเพียง 3 แห่งทั่วโลก คือพบที่ ประเทศจีน ประเทศออสเตรเลียและประเทศไทย

ลักษณะของถ้ำแก้วโกมลเป็นถ้ำปิดมีทางเข้าออกอยู่ทางเดียว มีขนาดเล็กและมีอากาศน้อย จึงสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้รอบละ 15-20 คน การเข้าชมถ้ำต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อทำการปั่นไฟฟ้าเพื่อให้แสงสว่างภายในถ้ำ  อีกทั้งเพื่อป้องกันการแย่งอากาศหายใจ และป้องกันไม่ให้เบียดเสียดจนไปสัมผัสแร่ ผลึกภายในถ้ำ จนเสียหาย

ภายในถ้ำแบ่งเป็นห้องต่างๆ 5 ห้อง ให้เราได้เดินชมกันอย่างต่อเนื่อง ยิ่งลึก ยิ่งสวยงามจับตา ใกล้ปากทางเข้าถ้ำ คือห้องแรก “พระทัยธาร” มีหินงอกหินย้อยและผลึกแคลไซต์ที่ได้รับผลกระทบจากการสำรวจในยุคแรกๆ จึงไม่สวยงามนัก

พระทัยธาร

ห้องนี้มีที่มาจากการที่น้ำในถ้ำ ละลายกับหินปูนทำให้เกิดภาพน้ำไหลเหมือนเป็นธารน้ำตก พระทัยธารซึ่งเป็นห้องแรกนี้ เป็นห้องที่ได้รับความเสียหายจากการระเบิดอุโมงค์มากที่สุด สังเกตได้จากเศษหินที่กระจัดกระจายอยู่ภายใน มีโพรงที่จากการทำเหมืองตามสายแร่ฟลูออไรต์ หินงอก หินย้อยต่างๆได้รับความเสียหายจากการสำรวจไปมาก จึงไม่งดงามมากนัก ความงามของห้องที่ก็คงจะมีเพียงร่องรอยลวดลายสายน้ำตกอันเป็นที่มาของชื่อ ห้องเท่านั้น

วิมานเมฆ

ถัดมาเป็นห้องที่มีชื่อพระราชทานว่า “วิมานเมฆ” เพราผนังถ้ำด้านบนดูคล้ายกับปุยเมฆ ห้องนี้มีลักษณะเป็นช่องยาว บางช่วงเป็นรูแคบ ๆ ซึ่งเป็นลักษณะของโพรงน้ำไหลในอดีต ทำให้มีความลำบากในการเดินสำรวจ มีหินงอก หินย้อย และบางจุดมีผลึกแร่แคลไซต์เกาะอยู่ แต่มีความงดงามไม่มากนัก เนื่องจากผลึกบางส่วนได้แตกหักเสียหาย และมีรอยเปื้อนจากการถูกจับต้องระหว่างการเข้าสำรวจ

เฉกหิมพานต์

ห้องที่ 3 เกิดจากจินตนาการของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่ทรงทอดพระเนตรแล้วเหมือนอยู่ในป่าหิมพานต์ตามวรรณคดีไทย จึงมีชื่อพระราชทานว่า “เฉกหิมพานต์”

ห้องนี้ต้องลงบันไดไปประมาณ 50 . เป็นห้องขนาดใหญ่มีหินงอกหินย้อยลักษณะเป็นผ้าม่าน สีขาวขุ่นถึงสีน้ำตาล ผลึกเหล่านี้ถูกละลายโดยน้ำเกิดเป็นคลื่นเป็นริ้วๆ สีขาวขุ่น หรือน้ำตาล ตามแต่สภาพน้ำที่ไหลเข้ามาเกาะตามผนังถ้ำ และย้อยลงมาอยู่ทั่วไป

ม่านผาแก้ว

เข้าสู่ห้องที่ 4 ที่มีชื่อพระราชทานอันเพราะพริ้งว่า “ม่านผาแก้ว” ภายในห้องนี้เราจะเริ่มเห็นความ งดงามที่เต็มไปด้วยผลึกแคลไซต์ สีดั่งแก้วใสขาวเกาะอยู่ราวกับม่านเต็มถ้ำ มีทั้งแบบที่คล้ายปะการัง คล้ายเข็ม และเกล็ดน้ำแข็ง ผลึกทั้งสามแบบมีความเปราะบางที่สุด ได้รับผลกระทบจากอากาศภายนอกจนลดน้อยลงไปมาก ส่วนผลึกรูปปะการังเป็นผลึกขนาดเล็กละเอียด จับตัวต่อเนื่องเป็นผืนจนเต็มผนังอย่างสวยงาม พบตอนในสุดของห้อง

เพริศแพร้วมณีบุปผา

แล้วก็มีมาถึงห้องสุดท้าย อยู่ลึกลงไปถึง 30 . เป็นห้องที่สวยงามที่สุด มีชื่อพระราชทานว่า “เพริศแพร้วมณีบุปผา” เต็มไปด้วยผลึกแคลไซต์บริสุทธิ์ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบ มีผลึกแคลไซต์ที่สมบูรณ์ตั้งแต่พื้นจนจดผนัง ทั้งผลึกรูปเข็มและผลึกรูปปะการังสีขาวบริสุทธิ์ราวกับเกล็ดหิมะ สวยตรึงตราตรึงใจ ถือเป็นการปิดท้ายการชมถ้ำ ที่งดงามมาก ๆ เลยทีเดียว

เนื่องจากถ้ำแก้วโกมลมีขนาดเล็กและมีอากาศน้อย จึงสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้รอบละ 15-20 คน และผู้เข้าชมถ้ำควรปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแย่งอากาศหายใจ และป้องกันไม่ให้เบียดเสียดจนไปสัมผัสแร่ ผลึกภายในถ้ำ จนเสียหายหมดประกายแวววาว

เวลาเปิดปิด : วนอุทยานถ้ำแก้วโกมล เปิดให้บริการเข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30 – 16.30 . ยกเว้นช่วงฤดูฝนประมาณช่วงเดือนมิถุนายนกันยายนของทุกปี ในปีนี้ ปิดให้เข้าชมถ้ำตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2561 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2561

ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท

**ในการเข้าชมไม่อนุญาตให้นำสิ่งของพรุงพรัง เช่น กระเป๋า กล้องถ่ายภาพ และไม่อนุญาตให้จับต้องแร่แคลไซค์ เพราะจะทำให้เกิดผลกระทบต่อแร่แคลไซค์ที่จะเกิดขึ้นใหม่

การเดินทาง : ใช้เส้นทางสายเอเซียเข้านครสวรรค์ – กำแพงเพชร – ตาก – เถิน จากนั้นใช้เส้นทางออกจากเถิน – ลี้ (106) – ดอยเต่า – ฮอด (1103) จากนั้นก็จะมาพบกับถนนเส้น 108 (เชียงใหม่ – แม่สะเรียง) วิ่งเข้าตัว อ.ฮอด พอถึงวงเวียนหอนาฬิกาก็เลี้ยวซ้ายไป อ.แม่สะเรียง ตรงไปประมาณ 30 กม. จะมีป้ายบอกทางเข้าถ้ำแก้วโกมลทางด้านขวามือติดกับ โรงพยาบาลแม่ลาน้อย

จากหน้าโรงพยาบาลแม่ลาน้อยแยกเข้าไปอีก 6 กม. ต้องจอดรถไว้ที่นี่ แล้วนั่งรถ 2 แถวขึ้นไป ประมาณ 6 กม. เนื่องจากทางแคบ และชันมาก เกิดอุบัติเหตุบ่อย …เดินรถได้ทางเดียวไม่สวนทางกัน ขึ้นก็คือขึ้น ลงก็ลงอย่างเดียว

อาจจะดูทรหดหน่อย แต่ว่ามันก็คุ้มค่าที่จะได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ที่มีเพียง 1 ใน 3 ของโลก ให้เห็นกับตาตัวเอง

ขอบคุณที่มา emaginfo.com , ภาพจาก : atcloud.com, thainorthtourtourismthailand