10 โรงแรมน่าพัก ดีไซน์เก๋ วิวโดนใจ นอนทั้งวันก็ไม่เบื่อ

ทำงานเหน็ดเหนื่อยมาหลายวัน ก็อยากพาร่างกายไปชาร์จแบตบ้าง แต่เปลี่ยนที่หลับที่นอนทั้งที นอกจากเรื่องความสะดวกสบายแล้ว ก็ขอโรงแรมแบบเก๋ๆ ไม่ธรรมดา หน่อย วันนี้ travel.mthai ขอแนะนำ 10 โรงแรมน่าพัก จากทั่วทุกมุมโลก หนึ่งในนั้นมีในไทยด้วยน้า แต่ละที่ก็มีดีไซน์แปลกๆ แตกต่างกันไป บางที่ก็จะแอบหวาดเสียวหน่อย บางที่ก็โรแมนติกเกินกว่าจะอยู่คนเดียวไหว อ๊ะๆ อยากรู้แล้วสิว่ามีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลย

10 โรงแรมน่าพัก ดีไซน์เก๋
วิวโดนใจ นอนทั้งวันก็ไม่เบื่อ

1. GIRAFFE MANOR
ประเทศเคนย่า


โรงแรมน่าพัก แห่งนี้จะพาคุณไปอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบซาฟารี คุณจะได้ใกล้ชิดกับสัตว์ โดยเฉพาะเจ้ายีราฟ ที่จะยื่นหน้ามาให้คุณป้อนอาหารอย่างสนิทสนม จากทางหน้าต่างของห้องอาหารโรงแรม หรือแม้กระทั่งจากห้องนอน รับรองว่ามันจะทำให้คุณหลงรักภายในเสี้ยววินาที

2. THE MANTA RESORT
เกาะแซนซิบาร์ ประเทศแทนซาเนีย


โรงแรมลอยน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ท้องทะเลสีคราม มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นดาดฟ้าไว้นอนชมวิว ชั้นกลางเป็นห้องน้ำอยู่ในระดับเดียวกับผิวน้ำทะเล และห้องนอนชั้นล่างสุดที่อยู่ลึกจากผิวน้ำถึง 4 เมตร ล้อมรอบด้วยผนังกระจกบานใหญ่ สามารถมองเห็นทัศนียภาพใต้น้ำได้ชัดแจ๋ว รวมถึงฝูงปลาที่แหวกว่ายมาใกล้ๆ

3. MONTAÑA MÁGICA LODGE
ประเทศชิลี

โรงแรมแห่งนี้ตกแต่งด้วยไม้เป็นส่วนมาก ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ บรรยากาศร่มรื่นสุดๆ เพราะมีทั้งต้นไม้และน้ำตกเย็นชุ่มฉ่ำให้ได้ฟินกัน รวมถึงกิจกรรมมากมายให้ได้เพลิดเพลินตลอดวัน ทั้งเล่นสกี ขี่ม้า ขี่จักรยาน

4. BOOK AND BED TOKYO
ประเทศญี่ปุ่น
หนอนหนังสือต้องชอบโฮสเทลน่ารักๆ แห่งนี้แน่ๆ Book And Bed Tokyo ซึ่งมีอยู่หลายสาขาทั่วโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “ร้านหนังสือที่สามารถค้างแรมได้” ประมาณว่ากำลังอ่านหนังสือเพลินๆ เกิดเคลิ้มขึ้นมา ก็นอนหลับไปบนเตียงนุ่มๆ ได้เลย ดี๊ดีอะ ><

5. ATTRAP’RÊVES BUBBLE HOTEL
ประเทศฝรั่งเศส

ไปนอนเอนกายใต้แสงดาวกันที่ “ATTRAP’RÊVES” โรมแรมลูกโป่งที่ซ่อนตัวอยู่ในชนบทอันแสนงดงามของเมืองมาร์แซย์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ตัวห้องทำมาจากพลาสติก และออกแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด

6. HẰNG NGA GUESTHOUSE
ประเทศเวียดนาม


คนส่วนใหญ่เรียกโรงแรมนี้ว่า Crazy House เพราะการตกแต่งภายนอกที่แปลกพิสดาร เหมือนกับป่าในเทพนิยาย แถมแต่ละห้องพักก็มีดีไซน์ธีมสัตว์ป่าที่ต่างกันไป เช่น ห้องเสือ ห้องหมี ห้องเหยี่ยว ฯลฯ ว่ากันว่าเจ้าของได้แรงบันดาลมาจากเรื่อง Alice in Wonderland นั่นเองค่ะ

7. KAKSLAUTTANEN ARCTIC RESORT
ประเทศฟินแลนด์


นี่คงเป็นโรงแรมในฝันของใครหลายคน ที่อยากมานอนดูแสงเหนือ ภายใต้หลังคากระจกใส ท่ามกลางธรรมชาติป่าสน และหิมะโปรยปราย

8. SKYLODGE ADVENTURE SUITE
ประเทศเปรู


Skylodge โรงแรมรูปแบบแคปซูลโปร่งใสที่แขวนอยู่บนหน้าผาสูง 400 ฟุตเหนือพื้นดิน เหมาะกับคู่รักที่ชอบความตื่นเต้นท้าทาย ได้ดื่มด่ำกับความแปลกใหม่ของชีวิตในบรรยากาศชวนฝัน มองเห็นแสงไฟสว่างไสวจากหมู่บ้านไกลๆ ยามค่ำคืน พร้อมจิบไวน์และอาหารพื้นเมืองแสนอร่อย

9. MARQUÉS DE RISCAL HOTEL
ประเทศสเปน


โรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมในระดับมาสเตอร์พีซ ออกแบบโดย Frank Gehry สถาปนิกชาวแคนาเดียน โดยใช้ไทเทเนียมขนาดใหญ่ และเหล็กกล้าสแตนเลสในการสร้าง ด้วยรูปทรงที่โค้งไปมา ดูบิดเบี้ยวแต่กลับสวยงามแปลกตา

10. TREEHOUSE VILLAS
เกาะยาวน้อย พังงา ประเทศไทย


TreeHouse Villas วิลล่าสุดหรู บนเกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา ไฮไลท์เด็ดของที่นี่ สามารถชมวิวได้รอบทิศ ไกลสุดลูกหูลูกตาบนบ้านต้นไม้แบบส่วนตั๊วส่วนตัว แวดล้อมไปด้วยพืชพรรณไม้ร่มรื่นย์ นี่ถ้าได้ควงคู่รักมาเที่ยวนะ ฟิลล์เหมือนได้มาฮันนีมูนที่บาหลีเลยล่ะ

Source : brightside.me

กรีนซีซั่นนี้ต้องไป 8 ที่เที่ยว วิวทุ่งนา ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก

ช่วง Green Season มองไปทางไหนธรรมชาติก็เป็นสีเขียว ดูแล้วสดชื่นสบายตาสบายใจ อย่างนาข้าวก็เหมือนกัน ยิ่งหลังฝนตกใหม่ๆ ต้นข้าวยิ่งชุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นไอดินเคล้ากลิ่นฝน ซึ่งในเมืองไทยก็มี ที่เที่ยว วิวทุ่งนา เยอะมาก ให้ได้เช็คอินโพสรูปลงโซเชียล แต่บางแห่งหลายคนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จัก … จะมีที่ไหนบ้างนั้น แพ็คกระเป๋าแล้วตามเราไปเที่ยวเลย

กรีนซีซั่นนี้ต้องไป 8 ที่เที่ยว
วิวทุ่งนา ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก

1. นาเฮียใช้ สุพรรณบุรี


นาเฮียใช้ หรือชื่อเต็มๆ ว่า ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย ชมนาข้าวเขียวชอุ่ม พร้อมๆ กับเรียนรู้วิถีเกษตรกร ตั้งแต่การปลูกข้าว รู้จักข้าวพันธุ์ต่างๆ ศัตรูของข้าว ชมแปลงสาธิต ยุ้งฉางข้าว รวมถึงโรงปลูกเห็ด โรงเลี้ยงไก่ และบ้านทรงไทยที่จัดแสดงวิถีชีวิตแท้ๆ ของชาวนาภาคกลาง ก่อนจะแวะร้านกาแฟ สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ แก้ร้อน ทอดสายตามองต้นข้าวที่ไหวเอนไปตามแรงลม

2. ภูกระเหรี่ยง จ.นครนายก


ไปเดินเล่น ถ่ายรูป สูดอากาศสดชื่น  พร้อมนั่งห้อยขาจิบเครื่องดื่มเย็นๆ บนสะพานไม้ไผ่พราวภูฟ้า ที่ทอดยาวไปตามท้องนา ภายในบ้านไม้เก่าแก่สองชั้น ภูกะเหรี่ยง ต่อด้วยท่องเที่ยววิถีธรรมชาติ เดินชมศูนย์การเรียนรู้วิถีชุมชนแบบพอเพียง แล้วยังมีสวนผลไม้ สัตว์เลี้ยง บ่อปลา บรรยากาศร่มรื่นด้วยต้นไม้เขียวขจีรายล้อม

3. สะพานทุ่งนามุ้ย จ.นครนายก


สะพานทุ่งนามุ้ย เป็นสะพานไม้ไผ่ที่ทอดยาวคดเคี้ยวเป็นรูปตัวเอส พาดผ่านบนท้องนาของลุงอ๊อด เจ้าของไร่ ยาวกว่า 150 เมตร โอบล้อมด้วยทิวเขาน้อยใหญ่ลดหลั่นกันไป นักท่องเที่ยวสามารถนำจักรยานมาปั่นเที่ยวชิลๆ ได้ ไม่เก็บค่าเข้าชม แต่สามารถให้ได้ตามกำลังทรัพย์

4. วัดถ้ำเสือ & มีนาคาเฟ่ จ.กาญจนบุรี


แวะสักการะ หลวงพ่อชินประทานพร องค์พระุพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ที่สุดในจ.กาญจนบุรี ที่วัดถ้ำเสือ และชมความวิจิตรงดงามของพระเจดีย์เกศแก้วมหาปราสาท บวกกับอุโบสถอัฏมุขทรงไทย ซึ่งด้านบนนี้สามารถมองเห็นวิวทุ่งนาสีเขียวสดกว้างไกลสุดสายตา

ขอบคุณรูปภาพจาก : มีนา cafe’ , Kanchanaburi

อีกทั้งยังมีร้าน มีนาคาเฟ่ ตั้งอยู่ด้านหลังวัดถ้ำเสือ มีอาหารและเครื่องดื่ืมบริการ ไฮไลท์ก็คือสะพานไม้ให้เดินเล่นถ่ายรูปไปถึงกลางทุ่งนา รวมถึงกระท่อมน้อย และเปลนอน สามารถสั่งชา กาแฟ เบเกอร์รี่ มานั่งกินดื่ม พร้อมๆ กับเอนกายนอนชมทัศนีภาพ บอกเลยว่าชิลล์ขนาดนี้ถ้าไม่มาเสียดายแย่

5. สะพาน 100 ปี จ.นครราชสีมา


อันซีนอินโคราช นาทีนี้ขอยกให้ สะพานไม้ 100 ปี ที่หมู่บ้านโคกกระชาย อ.ครบุรี สะพานไม้เก่าแก่ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ทอดผ่านทุ่งนาของชาวบ้านหลายร้อยไร่ สัมผัสกลิ่นไอดินจางๆ ความสดชื่น และบรรยากาศเงียบสงบ อีกทั้งช่วงเย็นสะพานนี้ยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโคราชอีกด้วย

6. วัดม่วง จ.อ่างทอง


วัดม่วง จ.อ่างทอง อีกหนึ่ง ที่เที่ยว วิวทุ่งนา ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก นั่นคือ พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ หรือพระใหญ่ ตั้งเด่นสง่าอยู่กลางท้องทุ่งนา ได้ไปทำบุญไหว้พระ แถมได้ชื่นชมธรรมชาติสวยๆ บอกคำเดียวว่าห้ามพลาดเด็ดขาด

7. สะพานบุญ วัดพระธาตุสันดอน ลำปาง


สะพานบุญวัดพระธาตุสันดอน หรือขัวแตะ แลนด์มาร์คใหม่ล่าสุดแห่งเมืองลำปาง เป็นสะพานไม้ไผ่ที่ทอดยาว 360 เมตร ผ่านทุ่งนาเขียวขจี เชื่อมต่อกับบันไดนาคของวัดพระธาตุสันดอน โดยเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้าน เพื่อให้สะดวกต่อการเดินไปนมัสการพระบรมธาตุ (ส่วนตับ)

8. ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย


ปิดท้ายกันที่ทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย อำเภอเล็กๆ แสนเงียบสงบ ที่ธรรมชาติยังคงบริสุทธิ์ เพราะน้อยคนนักจะมาเที่ยว โอบล้อมด้วยแนวสันเขา ทุ่งนาสีเขียว และปรากฏการณ์ทะเลหมอกหลังฝนตก อากาศเย็นสบาย เหมาะมาใช้ชีวิตสโลไลฟ์สักสองสามวันในช่วงกรีนซีซั่นนี้ สำหรับสถานที่เที่ยวที่ห้ามพลาดก็คือ วัดทุ่งเสลี่ยม กราบไหว้หลวงพ่อศิลา พระคู่บ้านคู่เมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล

6 สถานที่ลับ จากแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในยุโรป มีอะไรซ่อนอยู่ใต้ดิน!

ในทุกๆ ปีมีนักท่องเที่ยวนับล้านคน แห่กันไปชมสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในยุโรป ทั้งลอนดอน, ปารีส, เนเปิลส์ และถ่ายภาพซ้ำกันมุมเดิมๆ แต่ ทำไมเราต้องทำตามคนส่วนใหญ่ล่ะ เมื่อมี สถานที่ลับ ซ่อนอยู่ใต้ดิน รอให้เราลงไปเปิดประสบการณ์ใหม่ของการท่องเที่ยว

6 สถานที่ลับ จากแหล่งท่องเที่ยว
ชื่อดังในยุโรป มีอะไรซ่อนอยู่ใต้ดิน!

เพราะความลับ ไม่มีในโลก … ช่างภาพชาวลอนดอน Tomas Sentpetery ได้ลงไปสำรวจใต้ดินตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมทั่วยุโรป และเผยให้เห็น สถานที่ลับ ที่น้อยคนนักจะรู้จัก อย่างที่ทำการไปรษณีย์ใต้ดินลอนดอน สุสานใต้หอไอเฟล ถ้าคุณเป็นนักเดินทางตัวยงที่ชอบสำรวจแล้วล่ะก็ มาดูกันว่าคุณเคยพบเจอสถานที่เหล่านี้บ้างรึเปล่า

CATACOMBS DE PARIS


หอไอเฟล แลนด์มาร์คยอดฮิตแห่งนครปารีส ประเทศฝรั่งเศส ใครเลยจะรู้ว่ามี สุสานใต้ดิน ซ่อนอยู่ที่นี่ด้วย

สุสานใต้ดินแห่งนี้ มีชื่อว่า “Catacombs de Paris” สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหก ครอบคลุมพื้นที่ถึง 180 ไมล์ใต้ท้องถนนของกรุงปารีส แต่มีเพียงส่วนเล็กๆ ประมาณ 1 ไมล์เท่านั้นที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม

ลึกลงไปใต้ดินจะเป็นทางเดินคดเคี้ยวดั่งเขาวงกต และพบโครงกระดูกกว่าหกล้านร่างถูกเรียงรายตามแนวกำแพง ดูลึกลับและน่าสะพรึงกลัวมากทีเดียว

ALDWYCH TUBE STATION


Aldwych tube station สถานีรถไฟใต้ดินที่เปิดให้บริการเมื่อปี 2450 ใช้เป็นสถานที่หลบภัยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นที่ซ่อนสมบัติของพิพิธภัณฑ์อังกฤษด้วย

ปัจจุบันสถานีนี้ปิดทำการถาวรไปแล้ว และกลายเป็นสถานที่จัดนิทรรศการ งานเปิดตัวหนังสือ ถ่ายทำภาพยนตร์ หรือกิจกรรมอื่นๆ ของเอกชนแทน เหนือขึ้นไปด้านบน คุณจะมองเห็นหอนาฬิกาบิ๊กเบน ได้ชัดเจน

BOURBON TUNNEL


Bourbon Tunnel ถ้ำลับของพระราชวังหลวง ทอดตัวอยู่ใต้เมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี  สร้างขึ้นเมื่อปี 1853 โดยจักรพรรดิแฟร์ดีนันด์ที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อใช้เป็นเส้นทางหลบลี้หนีภัยยามฉุกเฉิน แต่ยังสร้างไม่เสร็จดี รวมถึงเคยใช้เป็นที่หลบภัย และเป็นโรงพยาบาลทหาร ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย

WIELICZKA SALT


เหมืองเกลือ Wieliczka ตั้งอยู่ในเขตปกตรองของเมืองกรากุฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของโปแลนด์ เหมืองนี้มีการผลิตเกลือมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ แต่ได้มีการสร้างเหมือนใต้ดินขึ้นในศตวรรษที่ 13 และปัจจุบันยังเปิดดำเนินการอยู่ ตลอดหลายร้อยปี คนงานเหมืองได้ขุดเจาะอุโมงค์รวมความยาวกว่า 245 กิโลเมตร ห้องโถงต่างๆ กว่า 2400 ห้อง และมีรูปแกะสลักมากมาย

เหมืองเกลือ Wieliczka ได้รับสมญานามว่าเป็น มหาวิหารใต้ดินแห่งโปแลนด์ เนื่องจากภายในเหมืองมีโบสถ์และวิหารใต้ดิน ที่คนงานเหมืองได้สร้างเอาไว้ นอกจากนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ลึกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นักท่องเที่ยวสามารถลงไปเที่ยวได้ที่ระดับความลึก 130 เมตรจากพื้นดิน

LONDON POST OFFICE RAILWAY


ที่ทำการไปรษณีย์รถไฟลอนดอน (London Post Office Railway) ตั้งอยู่ข้างใต้โรงแรมเซนต์แพนคราสเรเนซองส์ (Pancras Renaissance Hotel) ซึ่งเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ 1927 ถึง 2003 สำหรับส่งจดหมายโดยเฉพาะ ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ให้นักท่องเที่ยวลองนั่งรถไฟส่งจดหมาย และดูระบบการทำงาในสมัยนั้นผ่านกระจกใสของรถไฟ

 BARRIO DE CUEVAS


ถ้ำ Barrio de Cuevas  ตั้งอยู่ที่เมือง Guadix ทางตอนใต้ของประเทศสเปน เป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป มีชาวบ้านอาศัยอยู่รวมกันกว่า 2,000 หลังคาเรือน บ้านแต่ละหลังทาสีขาว แทรกอยู่ระหว่างเนินเขาหรือเนินดิน ในช่วงฤดูร้อนที่อุณหภูมมิสูง การอยู่บ้านซึ่งซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ และมีอากาศเย็นกว่าด้านนอก จึงเป็นทางเลือกที่ดี

ขอบคุณภาพและข้อมูลบางส่วนจาก : thisisinsider,EVA Airways Corp. 長榮航空, มรดกโลกน่ารู้, wegointer