13 ทุ่งทานตะวัน ทั่วไทย เที่ยวฟิน ถ่ายรูปสวย

ในประเทศไทยนั้นมี ทุ่งทานตะวัน ให้เที่ยวชมมากมายหลากหลายแห่งเลยทีเดียว ไม่เพียงแต่จังหวัดลพบุรีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีการปลูกดอกทานตะวันมากที่สุดเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงจังหวัดอื่นๆ ก็มีทุ่งทานตะวันด้วยเช่นกัน อย่างจังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดนครราชสีมา วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทุ่งทานตะวันที่น่าสนใจมาฝากกันค่ะ

13 ทุ่งทานตะวัน ทั่วไทย เที่ยวฟิน ถ่ายรูปสวย

ทุ่งทานตะวันเขาจีนแล
จังหวัดลพบุรี

หลังจากมาไหว้พระที่วัดเวฬุวันเพื่อเสริมสิริมงคลแล้ว ก็อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมทุ่งทานตะวันเขาจีนแลที่อยู่ใกล้ๆ กันด้วยนะคะ ซึ่งที่ ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแลแห่งนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 1,400 ไร่ ถือได้ว่าเป็นทุ่งทานตะวันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังเป็นทุ่งทานตะวันที่สวยที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองลพบุรี เนื่องด้วยทิวทัศน์ด้านหลังของทุ่งทานตะวันติดกับภูเขาสูงต่ำลดหลั่นกันไปที่มีชื่อเรียกว่า “เขาจีนแล” ทำให้ทัศนียภาพของทุ่งทานตะวันมีความสวยงามมากๆ เรียกได้ว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ค่ะ และเมื่อถึงเทศกาลทุ่งตะวันบานที่จัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน ธันวาคมของทุกปี ที่นี่ก็จะมีการจัดกิจกรรมนั่งรถรางชมดอกทานตะวันอย่างใกล้ชิด เสียค่าบัตรเพียงคนละ 20 บาทเท่านั้นค่ะ

ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ใน ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองลพบุรีเพียง 10 กิโลเมตร บริเวณเขาจีนแล ใกล้กับวัดเวฬุวัน
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชม

************************************************************

ทุ่งทานตะวันวัดป่าสุวรรณหงษ์ (เขาจีนแล 2)
จังหวัดลพบุรี

ขอบคุณภาพจาก : TAT Lopburi

ทุ่งทานตะวันวัดป่าสุวรรณหงษ์ (เขาจีนแล 2) เลยอ่างเก็บน้ำซับเหล็กไม่ไกลมากนัก และมีความสวยงามไม่แพ้ทุ่งทานตะวันเขาจีนแลที่อยู่ใกล้กับวัดเวฬุวันเลยทีเดียวค่ะ เพราะที่นี่มีดอกทานตะวันชูช่อรับแสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าละลานตา โดยด้านหลังของทุ่งทานตะวันจะมีฉากหลังเป็นภูเขาสวยงามที่เรียกว่า “เขาตะกร้า”

ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ใน ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง ใกล้กับวัดป่าสุวรรณหงษ์
ค่าเข้าชม: คนละ 5 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันเขาโด่
จังหวัดลพบุรี

ขอบคุณภาพจาก oneinthailandworld

ทุ่งทานตะวันเขาโด่นั้นเป็นทุ่งทานตะวันที่น่าเที่ยวอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรีค่ะ เพราะนอกจากจะได้ถ่ายรูปกับดอกทานตะวันสีเหลืองสดบานเต็มท้องทุ่งบนเนื้อที่กว่า 30 ไร่แล้ว ทิวทัศน์ด้านหลังของทุ่งทานตะวันยังเป็นภูเขาสูงรูปร่างแปลกตาที่มีชื่อเรียกว่า “เขาเที่ยง” หรือ “เขาโด่” นั่นเองค่ะ อีกทั้งยังมีสะพานให้เดินชม หรือจะนั่งโพสท่าถ่ายรูปสวยๆ บนชิงช้ากลางทุ่งก็ไม่ว่ากันค่ะ

ที่ตั้ง: บ้านหนองขาม บริเวณหมู่ 7 ทางเข้าวัดป่าสุพรรณหงษ์ ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง
ค่าเข้าชม: คนละ 10 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันบ้านหัวดง
จังหวัดลพบุรี

หากต้องการมาเที่ยวชมทุ่งทานตะวันบ้านหัวดง ให้จอดรถที่วัดหัวดงและนั่งรถอีแต๊กนำเที่ยวของชาวบ้านมาส่งที่ทุ่งทานตะวันแห่งนี้ค่ะ แต่ก่อนจะไปนั่งรถอีแต๊กนั้นก็อย่าลืมเตรียมหมวก ร่ม หรือเสื้อคลุมมาด้วยนะคะ เพราะระหว่างทางนั้นฝุ่นค่อนข้างเยอะ เนื่องจากถนนที่เข้ามายังทุ่งทานตะวันเป็นทางที่ค่อนข้างขรุขระเป็นระยะทางถึง 2 กิโลเมตร และเมื่อมาถึงแล้ว เราก็จะได้สัมผัสกับดอกทานตะวันสีเหลืองที่บานสะพรั่งละลานตาอยู่เต็มท้องทุ่งอย่างใกล้ชิดบนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่เลยทีเดียว ซึ่งนอกจากจะสามารถเดินเล่นชมทิวทัศน์โดยรอบแล้ว ยังมีภาพสวยๆ คู่กับดอกทานตะวันไปอวดเพื่อนๆ ในโซเชียลด้วย

ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ในบ้านหัวดง หมู่ 5 ตำบลคลองเกตุ อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชม

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันไร่คุณปู่
จังหวัดลพบุรี

ขอบคุณภาพจาก ทานตะวันไร่คุณปู่ จำหน่ายเมล็ดเพาะต้นอ่อนทานตะวันงอก

ทุ่งทานตะวันไร่คุณปู่นั้นมีพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ และเป็นทุ่งทานตะวันที่หลายคนคุ้นเคยกันดี เนื่องจากอยู่คู่กับลพบุรีมานานค่ะ ซึ่งที่ทุ่งทานตะวันแห่งนี้เต็มไปด้วยดอกทานตะวันที่ชูช่อสีเหลืองบานสะพรั่งเต็มท้องทุ่ง แต่ที่นี่อากาศร้อนไปสักหน่อยก็อย่าลืมเตรียมหมวก หรือร่มไว้กันแดดนะคะ ผิวจะได้ไม่เสีย

ที่ตั้ง: กิโลเมตรที่ 11-12 ทางหลวงหมายเลข 21 .ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม
ค่าเข้าชม: คนละ 10 บาท หากนั่งรถอีแต๊กมาจะเสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันไร่คุณลุงท๊อป
จังหวัดลพบุรี

ขอบคุณภาพจาก :  ไร่คุณลุงท๊อป ต้นอ่อนทานตะวัน ออแกนิค

ก่อนจะไปเที่ยวชมเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อย่าลืมแวะมาถ่ายรูปคู่กับดอกทานตะวันสวยๆ ที่ทุ่งทานตะวันไร่คุณลุงท๊อปกันนะคะ ซึ่งดอกทานตะวันของที่นี่จะเบ่งบานต้อนรับนักท่องเที่ยว บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคมของทุกปีค่ะ

ที่ตั้ง: บริเวณทางเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ค่าเข้าชม: คนละ 10 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันไร่คุณวิรัช (เขาตะกร้าทอง)
จังหวัดลพบุรี

ขอบคุณภาพจาก : ตำรวจท่องเที่ยวลพบุรี Tourist Police Lopburi

ทุ่งทานตะวันไร่คุณวิรัช หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “ทุ่งทานตะวันเขาตะกร้าทอง” มีพื้นที่กว่า 20 ไร่ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคมของทุกปีจะมีดอกทานตะวันที่ชูช่อสีเหลืองสวยงามอร่ามตาบานเต็มท้องทุ่งเพื่อต้อนรับแสงแดดยามหนาวและนักท่องเที่ยวค่ะ

ที่ตั้ง: หลังเขาตะกร้าทอง ใกล้กับศาลพระกาฬ ถนนนารายณ์มหาราช
ค่าเข้าชม: คนละ 10 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันไร่คุณณรงค์
จังหวัดลพบุรี

ขอบคุณภาพจาก ทุ่งทานตะวันไร่คุณณรงค์

ทุ่งทานตะวันไร่คุณณรงค์มีพื้นที่กว่า 50 ไร่ เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนมกราคมของทุกปีจะมีดอกทานตะวันที่ออกดอกชูช่อรับแสงตะวันยามเช้าต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนและถ่ายรูปกันค่ะ

ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ที่ ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม อยู่ก่อนถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ประมาณ 4 กิโลเมตร
ค่าเข้าชม: คนละ 10 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันไร่ลุงจ๊อด
จังหวัดลพบุรี

ขอบคุณภาพจาก ไร่ลุงจ๊อด ทุ่งทานตะวันบาน ต.โคกตูม อ.เมืองลพบุรี

ทุ่งทานตะวันไร่ลุงจ๊อดถือเป็นทุ่งทานตะวันแห่งแรกๆ ของจังหวัดลพบุรีเลยล่ะค่ะ ซึ่งที่นี่จะมีพื้นที่กว้างกว่า 30 ไร่ นักท่องเที่ยวสามารถมาถ่ายรูปคู่กับดอกทานตะวันที่ออกดอกสีเหลืองเต็มท้องทุ่งไปพร้อมกับวิวสวยๆ ของภูเขาไกลๆ ที่อยู่ด้านหลัง นอกจากนั้นยังมีบริการนั่งรถอีแต๊กชมทุ่งทานตะวันอย่างใกล้ชิดอีกด้วย หรือหากใครต้องการซื้อของฝากติดไม้ติดมือไปฝากคนที่เรารัก ญาติสนิทมิตรสหายแล้วล่ะก็สามารถแวะมาเลือกชม เลือกช้อปกันได้ที่ร้านของฝากค่ะ

ที่ตั้ง: .โคกตูม อ.เมือง
ค่าเข้าชม: คนละ 10 บาท // นั่งรถอีแต็กคนละ 20 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันไร่พราวตะวัน
จังหวัดนครราชสีมา

ขอบคุณภาพจาก : ไร่พราวตะวัน เขาใหญ่

หากใครจะมาเที่ยว Toscana Valley ที่เขาใหญ่ในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือนมกราคม ก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวชมทุ่งทานตะวันไร่พราวตะวันกันนะคะ ซึ่งที่ทุ่งทานตะวันไร่พราวตะวันแห่งนี้อยู่ตรงข้ามกับ Toscana Valley บนพื้นที่กว่า 70 ไร่ โดยด้านหน้าจะมีร้านขายอาหารและร้านขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวได้เลือกชิม เลือกช้อปได้ตามอัธยาศัย ส่วนภายในไร่นั้นจะมีจุดชมวิวในมุมสูงที่สามารถมองเห็นทุ่งทานตะวันทั่วทั้งไร่ได้อย่างสุดไกลลูกหูลูกตา อีกทั้งยังมีระเบียงชมวิวภายในไร่พร้อมกับมีมุมถ่ายภาพที่จัดตกแต่งไว้อย่างน่ารักๆ อีกด้วยค่ะ

เมื่อเดินชมทุ่งทานตะวันจนสุดทาง แล้วหันหลังมองกลับไปก็จะเห็นวิวของ Toscana Valley โดดเด่นผ่านทุ่งทานตะวัน และหลังจากถ่ายรูปกับดอกทานตะวันจนหนำใจ ก็สามารถแวะไปเที่ยวชมทุ่งปอเทืองที่อยู่ติดกันได้นะคะ สวยงามไม่แพ้กันเลย

ที่ตั้ง: ตรงข้ามกับ Toscana Valley บ้านเนินทอง ต.โป่งตาลอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ค่าเข้าชม: คนละ 20 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันไร่มณีศร
จังหวัดนครราชสีมา

ทุ่งทานตะวันไร่มณีศร จัดได้ว่าเป็นทุ่งทานตะวันที่มีทิวทัศน์สวยงามแปลกตาจากที่เคยพบเห็นมา เนื่องจากเป็นทุ่งทานตะวันที่โค้งลดเลี้ยวไปตามเนินเขาบนพื้นที่ที่กว้างใหญ่กว่า 540 ไร่ ทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างหลั่งไหลมาเที่ยวชมทุ่งทานตะวันแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย แล้วยิ่งได้เห็นดอกทานตะวันสีเหลืองที่ชูช่อรับแสงแดดอุ่นๆ เต็มท้องทุ่งในฤดูหนาวแล้วล่ะก็ จะเห็นทิวทัศน์โดยรอบสวยงามกว้างใหญ่อร่ามตาเลยล่ะค่ะ

หากต้องการมาเที่ยวชมความงามของทุ่งทานตะวันก่อนใคร ควรหลีกเลี่ยงวันเสาร์อาทิตย์ และมาในวันธรรมดาแทนจะดีกว่าค่ะ เพราะคนน้อยกว่า ถ่ายภาพสะดวกมากกว่า ที่สำคัญควรมาถึงแต่เช้าไม่เกิน 10 โมง เนื่องจากดอกทานตะวันที่นี่จะเริ่มแห้งเหี่ยวและคอตก ทำให้ถ่ายภาพไม่สวยค่ะ ที่สำคัญแนะให้เตรียมเก้าอี้เล็กๆ  มาจากบ้านกันด้วยนะคะ เนื่องด้วยดอกทานตะวันมีลำต้นที่สูงกว่าตัวเรามาก แต่ถ้าไม่ได้เตรียมเก้าอี้มา ทางไร่มณีศรจะมีบันไดไม้ หรือเก้าอี้จัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวค่ะ รับรองว่าภาพที่ได้ออกมานั้นจะต้องสวยงามมากแน่ๆ

ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง ใกล้กับ panther creek resort
ค่าเข้าชม: เด็กคนละ 20 บาท / ผู้ใหญ่คนละ 40 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันเป๋าตุงฟาร์ม
จังหวัดนครสวรรค์

ขอบคุณภาพจาก : เป๋าตุงฟาร์ม

ทุ่งทานตะวันเป๋าตุงฟาร์มมีพื้นที่กว่า 40 ไร่ ซึ่งดอกทานตะวันของที่นี่จะแตกต่างจากที่อื่นตรงที่ดอกทานตะวันไม่ได้มีขนาดใหญ่มากและลำตัวก็ไม่สูงเกินไป ทำให้ยืนถ่ายภาพคู่กับดอกทานตะวันหรือแทรกตัวในทุ่งทานตะวันได้ง่ายกว่า หรือจะนำกองฟางที่กองอยู่ที่พื้นตรงหน้าป้ายมาต่อกันเป็นเก้าอี้ให้ยืนถ่ายภาพสวยๆ ก็ได้นะคะ

ที่ตั้ง: ทางหลวงหมายเลข 1145 (ตากฟ้าท่าตะโก) ช่วงกิโลเมตรที่ 7 .ตากฟ้า
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชม

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันที่บึงสามพัน
จังหวัดเพชรบูรณ์

ขอบคุณภาพจาก businesseventsthailand

ทุ่งทานตะวันที่บึงสามพันนี้มีพื้นที่ครอบคลุมถึง 2 หมู่บ้านคือ บ้านเขาพลวงและบ้านป่ายาง เมื่อถึงช่วงฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคมของทุกปีจะถือว่าเป็นช่วงที่ดอกทานตะวันบานสะพรั่งรับแสงแดดอุ่นๆ ท่ามกลางขุนเขาและสายลมหนาวที่มาเยือน ซึ่งดอกทานตะวันของที่นี่จะมีความสวยงามแปลกตากว่าที่อื่น เนื่องจากสายพันธุ์ที่นำมาปลูกเป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ ประกอบกับสภาพภูมิประเทศเป็นเนินเขาสูงต่ำสลับกันไป อีกทั้งพื้นดินมีความอุดมสมบูรณ์ ทำให้การเจริญเติบโตอย่างเต็มที่

ถ้าหากได้มาเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์ในช่วงเดือนธันวาคม นอกจากจะเที่ยวชมดอกทานตะวันที่เบ่งบานเต็มท้องทุ่งแล้วก็ อย่าลืมแวะไปเที่ยวชมงาน “ตะวันบานบนภูที่บึงสามพัน” กันนะคะ ภายในงานนี้มีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับดอกทานตะวันตั้งหลายอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการประกวดดอกทานตะวันที่ใหญ่ที่สุด การประกวดธิดาตะวัน การแปรรูปเมล็ดทานตะวัน และการจำหน่ายผลผลิตจากดอกทานตะวัน เราสามารถเลือกชม เลือกช้อปของฝากติดไม้ติดมือได้อย่างหลากหลายเลยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : LoveYouFlower

รับส่วนลด 500 บาท! เมื่อพักที่ กุยบุรี โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท (Kuiburi Hotel & Resort) จ.ประจวบคีรีขันธ์

กุยบุรี โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท (Kuiburi Hotel & Resort) .ประจวบคีรีขันธ์

มอบส่วนลดทันที 500 บาท เมื่อจองโรงแรมนี้

สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก Travel Guru เท่านั้น!

กุยบุรี โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท (Kuiburi Hotel & Resort) จ.ประจวบคีรีขันธ์ รีสอร์ทส่วนตัว ตั้งอยู่บนหาดกุยบุรี-บ่อนอก แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติและกลิ่นอายของท้องทะเล ห้องพักได้รับการตกแต่งสไตล์ไทย พร้อมด้วยมุมพักผ่อนแสนสบาย และมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ห้อง Standard ห้อง Deluxe หรือ Villa ซึ่งทุกห้องล้วนครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อมอบความสุขและการบริการอันอบอุ่นแก่คุณ

ข้อมูลห้องพัก
ห้องสแตนดาร์ด (Standard Room): ห้องพักในอาคารขนาดกะทัดรัด ที่ได้รับการออกแบบอย่างสวยงามและพิถีพิถัน ประกอบด้วย เตียงเดี่ยว เตียงขนาดใหญ่ และระเบียงส่วนตัว สามารถสูดอากาศบริสุทธิ์จากท้องทะเล พร้อมดื่มด่ำทิวทัศน์ของสวนมะพร้าว และพื้นที่โดยรอบของโรงแรม
ห้องดีลักซ์ (Deluxe Room): ห้องพักในอาคาร ประกอบด้วย เตียงเดี่ยว และเตียงขนาดใหญ่ เพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยระเบียงทั้งสองด้าน เหมาะสำหรับนั่งเล่นพักผ่อนสบายๆ สัมผัสอากาศอันบริสุทธิ์จากท้องทะเลและเพลินตากับทิวทัศน์ของแมกไม้อันร่มรื่น
ห้องการ์เดนท์ วิลล่า (Garden Villa): ห้องพักสไตล์บูติคร่วมสมัย หรือ บาหลีประยุกต์ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเป็นส่วนตัว ทัศนียภาพรอบด้านแวดล้อมด้วยแมกไม้เขียวขจี ท่ามกลางอากาศอันบริสุทธิ์ ภายในโปร่งสบายด้วยประตูบานเลื่อน และเพิ่มมุมพักผ่อนแบบสบายๆ ด้วยระเบียงไม้ด้านหน้า
ห้องซีวิว วิลล่า (Sea View Villa): ห้องพักสไตล์บูติคร่วมสมัย หรือ บาหลีประยุกต์ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเป็นส่วนตัว ทัศนียภาพรอบด้านแวดล้อมด้วยธรรมชาติ และวิวท้องทะเล ภายในยังโปร่งโล่งสบายด้วยประตูบานเลื่อน สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันบริสุทธิ์ยามเช้ารุ่งอรุณ พร้อมชมดวงอาทิตย์ขึ้นเหนือท้องทะเล ที่ระเบียงพักผ่อนด้านหน้า

สถานที่ตั้ง
กุยบุรี โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองหัวหินประมาณ 40 นาที และใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯประมาณ 4 ชั่วโมง

 

ห้องพักแบบ Deluxe Connecting Room

ห้องพักแบบ Deluxe Garden View

ห้องพักแบบ Deluxe Sea View

ห้องพักแบบ Standard Room

ห้องพักแบบ Villa Garden

ห้องพักแบบ Villa Room

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ

เงื่อนไข:

-ห้องพักทุกประเภท 2 วัน 1 คืน จำนวน 1 ห้อง

-รับส่วนลด 500 บาท เมื่อมียอดชำระค่าห้องพักตั้งแต่ 1,500 บาทขึ้นไป สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิก Travel Guru เท่านั้น

-ราคาดังกล่าวรวมค่าบริการและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว

-Check in 14.00 hrs and Check out 12.00 noon

-ไม่สามารถใช้ได้ในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง (Long Weekend) และวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่างๆ

-กรุณาสำรองห้องพักอย่างน้อย 7 วันทำการก่อนเข้าพัก

-กรุณาสำรองห้องพักได้ที่ 02-100-7008 เท่านั้น

-ไม่สามาถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นๆหรือแลกเป็นเงินสดได้

-กรณีเลื่อนวันหรือยกเลิกการเดินทางต้องแจ้งก่อนการเดินทางอย่างน้อย 14 วันทำการ และ สามารถเลื่อนได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น

-หากของรางวัลดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงทางบริษัทจะหาของรางวัลที่มูลค่ามากกว่าหรือเทียบเท่ามาชดเชยให้

ระยะเวลา: วันนี้ – 31 ส.ค. 61

รายละเอียดเพิ่มเติม: http://www.hotelsthailand.com/thailand/prachuap-khiri-khan/kuiburi-hotel-resort.html

7 ที่เที่ยว มรดกโลกแห่งใหม่ ที่ควรไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง

องค์การยูเนสโก (UNESCO) ประกาศขึ้นทะเบียน มรดกโลกแห่งใหม่  (World Heritage) จำนวนทั้งสิ้น 7 แห่ง ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 42 ณ กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน – 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และเราขอพาไปเที่ยวชม มรดกโลกยุคใหม่ นี้ให้รู้จักไปพร้อมๆ กัน

7 ที่เที่ยว มรดกโลกแห่งใหม่
ที่ควรไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง

1. เมืองท่าโบราณ
เมืองคาลฮัท ประเทศโอมาน

Credit : whc.unesco

เมืองคาลฮัท (Qalhat) ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศโอมาน อดีตเคยเป็นเมืองท่าสำคัญในระหว่างศตวรรษที่ 11 ถึง 15 ปัจจุบันยังคงทิ้งร่องรอย ของกำแพงเมืองเก่าที่สร้างล้อมรอบเมืองแห่งนี้เอาไว้

**************************************************************

2. โบสถ์คริสต์ที่ถูกซ่อนไว้
เมืองนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น

Credit : tour.ne.jp

โบสถ์ที่ถูกซ่อน ในเมืองนางาซากิ บนเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น เป็นที่ตั้งของหมู่บ้าน 10 แห่ง ปราสาท และโบสถ์คริสต์ ที่สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 18 – 19 ซึ่งตรงกับช่วงที่ศาสนาคริสต์เป็นสิ่งต้องห้ามในญี่ปุ่น สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้

เกาะคิวชู ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น เป็นที่ตั้งของ หมู่บ้าน 10 แห่ง ปราสาท และโบสถ์คริสต์ ที่ถูกสร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 18 – 19 ซึ่งในช่วงเวลานั้น ศาสนาคริสต์เป็นสิ่งต้องห้ามในประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงกิจกรรมของมิชชันนารีและชาวคริสต์ยุคแรกที่เดินทางเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น

**************************************************************

3. สถาปัตยกรรมกอทิก และอาร์ตเดโค
เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย

Credit : bbc

หลังจากที่เมืองมุมไบก้าวขึ้นมาเป็นเมืองเศรษฐกิจของโลกในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ก็ได้พัฒนาสิ่งปลูกสร้างสวยงามและทันสมัยจำนวนมาก ทั้งอาคารสถาปัตยกรรมแบบวิกตอเรีย รวมถึงอาคารแบบอาร์ตเดโค สะท้อนให้เห็นถึงช่วงการปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ของมุมไบในสมัยนั้น

**************************************************************

4. โอเอซิส อัลฮาซา
ประเทศซาอุดิอาระเบีย

Credit : whc.unesco

โอเอซิส อัลฮาซา ทางตะวันออกของคาบสมุทรอาหรับ เป็นโอเอซิสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบไปด้วยต้นปาล์มกว่า 2 ล้านต้น คูคลอง ลำธาร ไปจนถึงสิ่งปลูกสร้าง และแหล่งโบราณคดีที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกทั้งยัง อีกทั้งยังเป็นที่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคหินใหม่ มาจนถึงปัจจุบัน

**************************************************************

5. วัดบนภูเขาซันซา ประเทศเกาหลีใต้

Credit : whc.unesco

กลุ่มวัดทั้ง 7 แห่ง บนภูเขาซันซา ประเทศเกาหลีใต้ เป็นศูนย์รวมศรัทธาของศาสนิกชนมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 7 ซึ่งแต่ละแห่งมีสนามหญ้า ห้องโถงสำหรับเทศนา ซุ้มศาลา และอุโบสถที่งดงาม ได้แก่

  • วัดซอนัมซา
  • วัดแทฮองซา
  • วัดบ็อปจูซา
  • วัดมาก็อกซา
  • วัดทองโดซา
  • วัดบองจองซา
  • วัดบูซ็อกซา

**************************************************************

6. แหล่งโบราณคดีของจักรวรรดิแซสซานิด
จังหวัดฟาร์ส ประเทศอิหร่าน

Credit : whc.unesco

แหล่งโบราณคดีของจักรวรรดิแซสซานิด โครงสร้างที่มีความสำคัญเชิงโบราณคดี 8 แห่ง ในเมืองฟาร์ส ประเทศอิหร่าน ประกอบไปด้วยป้อมปราการ วัง และแผนผังเมือง ที่ถูกสร้างขึ้นในจักรวรรดิแซสซานิด ช่วงศตวรรษที่ 3-5

ยูเนสโก กล่าวว่าสถานที่เหล่านี้ ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์ต่อการก่อสร้าง แต่ยังเป็นหลักฐานที่แสดงถึงอิทธิพลของศิลปะโรมัน รวมถึงประเพณีของจักรวรรดิอาคีมานิด จักรวรรดิพาร์เธีย ในช่วงเวลานั้นอีกด้วย

**************************************************************

7. กำแพงหินเรียง ประเทศเคนยา

Credit : whc.unesco

กำแพงหินเรียง ที่แหล่งโบราณคดี ธิมลิค โอฮิงกา ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองมิโกริ เป็นกำแพงหินเรียงที่ใหญ่และอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด เป็นการก่อกำแพงโดยอาศัยการเรียงตัวของหินโดยปราศจากปูน คาดว่าถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 เพื่อใช้ในการต้อนสัตว์ และยูเนสโก ยกให้เป็นตัวอย่างของประเพณีในชุมชนปศุสัตว์แรก ๆ ในพื้นที่ลุ่มทะเลสาบวิกตอเรีย

ขอบคุณข้อมูลจาก : bbc