5 จุดชมวิวกรุงเทพฯ จากมุมสูง ฟินไปกับบรรยากาศสวยๆ ทั้งเช้าและเย็น

ใครชอบความสูง ไม่กลัวความเสียว ตาม Travel.MThai มาทางนี้ เราจะพาไปพบกับ 5 จุดชมวิวกรุงเทพฯ สวยงามทั้งยามเช้า และยามเย็น ไม่ว่าจะเป็นมุมจากตึกสูงระฟ้า จากยอดเจดีย์ หรือจากบนกระเช้า ก็เห็นทิวทัศน์ของเมืองฟ้าอมรแห่งนี้ได้แบบ 360 เลยทีเดียว

5 จุดชมวิวกรุงเทพฯ จากมุมสูง
ฟินไปกับบรรยากาศสวยๆ ทั้งเช้าและเย็น

1. มหานคร สกายวอร์ค

มหานคร สกายวอร์ค ตั้งอยู่บนชั้น 74, 75 และ 78 ของอาคาร คิงพาวเวอร์ มหานคร เป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา มีทั้งจุดชมวิวภายในและภายนอกอาคาร ไฮไลท์อยู่ชั้น 78 ดาดฟ้าที่มาพร้อมกับพื้นกระจกใสขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยความสูงถึง 300 เมตร รับรองว่าได้ดื่มด่ำบรรยากาศใจกลางกรุงเทพฯ รับลมชมพระอาทิตย์ตก ดูแสงสีตอนค่ำ กันอย่างเต็มอิ่มแน่นอน

ราคาบัตร :

มหานคร สกายวอร์ค (จุดชมวิวภายในอาคาร ชั้น 74) ผู้ใหญ่ 850 บาท , เด็ก/ผู้สูงอายุ 250 บาท

รูฟท็อปบาร์ (จุดชมวิวภายในและภายนอกอาคาร ชั้น 74 และชั้น 78) ผู้ใหญ่ 1,050 บาท , เด็ก/ผู้สูงอายุ 450 บาท

เวลาเปิด : ทุกวัน เวลา 10.00 – 24.00 น. (เปิดให้เข้าชมรอบสุดท้าย เวลา 23.00 น.)

สถานที่ตั้ง : โครงการ คิงพาวเวอร์ มหานคร ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ

2. ตึกใบหยกสกาย

Cr. Baiyoke Sky

Cr. Baiyoke Sky

ใบหยกสกาย หรือ ใบหยกสอง ตึกที่เคยทำสถิติสูงที่สุดในเมืองไทย โดยมีไฮไลท์อยู่ที่จุดชมวิวชั้น 84 ที่สามารถชมทัศนียภาพได้เต็มตา รับสายลมบริสุทธิ์ โดยไร้กระจกขวางกั้น พื้นดาดฟ้าจะหมุนไปรอบตัวอาคารอย่างช้า ๆ ให้ชมมุมมองต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ได้ 360 องศา และจะยิ่งสวยงามมากขึ้นในยามค่ำคืน ด้วยแสงไฟจากท้องถนน อาคารบ้านเรือนต่าง ๆ  ที่ส่องสว่างแข่งกับหมู่ดาวบนท้องฟ้า

ค่าเข้าชม : ชมวิวอย่างเดียว 400 บาท/คน ได้ทั้งชั้น 77 และ 84 สามารถเอาตั๋วคูปองไปแลกเครื่องดื่มธรรมดาได้ฟรีหนึ่งแก้วที่ Roof Top Bar ชั้น 83

เวลาเปิด : ทุกวัน 10.00 – 02.00 น.

สถานที่ตั้ง :  ถนนราชปรารภ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ (ย่านประตูน้ำ)

3. ASIATIQUE SKY

Cr. asiatique-sky

Asiatique Sky ชิงช้าสวรรค์ใหญ่ยักษ์แห่งแรกของเมืองไทย ด้วยความสูงถึง 60 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่ภายในโครงการ Asiatique the riverfront ย่านเจริญกรุง เปิดโอกาสให้เราได้ชมความงดงามของกรุงเทพฯ และโค้งน้ำเจ้าพระยาจากมุมสูงผ่านกระจกใสสี่ด้าน หรือถ้ายังชมไม่จุใจ ลองนั่งกระเช้าแบบ VIP ที่เป็นพื้นกระจกใส ซึ่งมีเพียงตู้เดียวเท่านั้น สามารถมองเห็นพื้นด้านล่างได้อย่างทะลุทะลวงกันเลย

ราคาบัตร :

– ผู้ใหญ่ 400 บาท
– เด็ก 250 บาท (สูงไม่เกิน 120 ซม.)
– ผู้สูงอายุ 250 บาท (60 ปีขึ้นไป)
– คนพิการ 200 บาท
– ตู้ VIP (สำหรับ 2-5 ท่าน) 2,500 บาท

เวลาเปิด : ทุกวัน 17.00 น. – เที่ยงคืน

สถานที่ตั้ง : Asiatique the riverfront ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ

4. QUARTIER WATER GARDEN

Cr. The EmQuartier

Quartier Water Garden เป็นสวนลอยฟ้าบนชั้น 5 ของห้าง The EmQuartier ในโซน Helix Quartier มีลักษณะโปร่งโล่ง เพื่อเปิดรับลมเข้าสู่สวน ทั้งยังสามารถชมวิวกรุงเทพฯ ได้อย่างสวยงาม พร้อมตกแต่งภูมิทัศน์ด้วยต้นไม้พืชพรรณนานาชชิด สระน้ำ และน้ำตกความสูงกว่า 40 เมตร ที่ไหลลดหลั่นลงมาเป็นขั้น ให้ความรู้สึกร่มรื่น เย็นสบาย เหมาะกับการมานั่งพักผ่อน หรือพูดคุยกัน โดยไม่เสียค่าเข้าค่ะ

สถานที่ตั้ง : ห้าง The EmQuartier ถนน สุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ

5. ภูเขาทอง

บรมบรรพต หรือ ภูเขาทอง เป็นเจดีย์บนภูเขาจำลองตั้งอยู่ที่ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เริ่มสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โดยทรงเลียนแบบมาจากภูเขาทอง ในสมัยกรุงศรีอยุธยา บนยอดเจดีย์นั้นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้ ซึ่งต้องเดินขึ้นบันไดวนกว่า 300 ขั้น เพื่อไปกราบสักการะ นอกจากได้ทำบุญแล้ว ยังได้ชมวิวทิวทัศน์รอบเมืองกรุงเทพฯ แบบรอบด้านอีกด้วย

เวลาเปิด : ทุกวัน 08.00 น. – 17.00 น.

สถานที่ตั้ง : ถนนบริพัตร แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ

หนีร้อนไปโดดน้ำ กับ 8 สวนน้ำในไทย ฉ่ำกายเย็นใจสนุกได้ทั้งครอบครัว

อากาศร้อนจนแทบไหม้ ทนไม่ไหว Travel.MThai เลยอยากชวนเพื่อน ๆ หนีร้อนไปกระโดดน้ำ กับ 8 สวนน้ำในไทย ที่รวมเครื่องเล่นต่าง ๆ ไว้มากมายไม่น้อยกว่าสิบอย่าง โดยเฉพาะสไลเดอร์ยักษ์ มีอยู่ทั่วทุกสวนน้ำ ถ้าพร้อมแล้วอย่ารอช้า ถอดผ้าเปลี่ยนชุดลงน้ำกันเลยค่า

หนีร้อนไปโดดน้ำ กับ 8 สวนน้ำในไทย
ฉ่ำกายเย็นใจสนุกได้ทั้งครอบครัว

1. SIAMPARKCITY กรุงเทพฯ

Siampark City สวนสยามทะเล-กรุงเทพ ที่นี่เป็นสวนสนุกและสวนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย สำหรับโซนสวนน้ำมีเครื่องเล่นหลากหลายอย่างทั้ง Speed Slide สไลเดอร์ยักษ์,  Wave pool ทะเลเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก, Super Spiral รางน้ำคดเคี้ยวด้วยความสูงถึง 20 เมตร, บ่อสปาเพื่อความผ่อนคลาย และล่าสุดกับโซน ไซ-แอม ลากูน ไฮไลท์คือถังน้ำขนาดยักษ์ เมื่อเวลาที่น้ำใกล้จะเต็มถัง เสียงระฆังจะดังขึ้น เพียงไม่นาน ก็เทมวลน้ำขนาดใหญ่ลงมา สาดความชุ่มฉ่ำให้กับทุกคน

ราคาบัตร : 

ผู้ใหญ่และเด็กโต (สูง 131 ซ.ม. ขึ้นไป) เริ่มต้น 500 บาท

เด็กเล็ก (สูง 101-130 ซ.ม.) ราคา 120 บาท

เด็กที่มีส่วนสูงต่ำกว่า 101 ซม. เข้าฟรี

ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ราคา 350 บาท ฟรีค่าผ่านประตู

เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 10.00 – 18.00 น.

2. PORORO AQUAPARK BANGKOK กรุงเทพฯ

โพโรโระ อควา พาร์ค กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนชั้น 6 ของศูนย์การค้า เซ็นทรัลพลาซา บางนา ใช้พื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร เนรมิตเป็นสวนน้ำลอยฟ้าขนาดใหญ่ และตกแต่งด้วยธีมการ์ตูนซีรี่ส์ฮิตอันดับ 1 จากเกาหลี “โพโรโระ เพนกวินป่วน ก๊วนขั้วโลก” (Pororo The Little Penguin) มาพร้อมกับ 4 สไลเดอร์ที่การันตีรางวัลระดับโลก และ 9 สระน้ำ ที่เสิร์ฟความสนุกครบทุกไลฟ์สไตล์

ราคาบัตร : 

ผู้ใหญ่ ราคา 400 บาท

เด็ก (ความสูง 90-120 ซม.) ราคา 280 บาท

เด็กที่มีส่วนสูงต่ำกว่า 90 ซม. เข้าฟรี

ผู้สูงอายุ 60ปีขึ้นไป ราคา 280 บาท

เวลาเปิด-ปิด : จันทร์ – ศุกร์ เวลา 10.30 – 19.00 น. / เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 10.00 – 19.oo น.

3. สวนน้ำวานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล
หัวหิน จ.เพชรบุรี

ผจญภัยไปกับสระว่ายน้ำและเครื่องเล่นนานาชนิดสำหรับเด็ก ๆ ไปจนถึงเครื่องเล่นสุดพิเศษที่จะกระตุ้นอะดรีนาลี พร้อมสร้างความเร้าใจให้กับผู้เล่นทุกเพศทุกวัย เช่น Boomer Rango, Abyss, Free Fall, Aqua Loop, Inner Tube เป็นต้น เรียกว่ามาที่เดียว สนุกสุดคุ้ม ได้ทั้งความมันส์ แถมได้ออกกำลังอีกด้วยนะ

ราคาบัตร :

บัตรผู้ใหญ่ (ผู้มีความสูงตั้งแต่ 122 ซม. ขึ้นไป) ราคา 1,200 บาท/บัตร

บัตรเด็ก (ผู้มีความสูงตั้งแต่ 111 – ไม่เกิน 122 ซม.) ราคา 800 บาท/บัตร

บัตรผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปี ขึ้นไป) ราคา 800 บาท/บัตร

เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 10.00 – 18.00 น.

4. สวนน้ำพันท้ายนรสิงห์ จ.สมุทรสาคร

มาคลายร้อนกันต่อที่ สวนน้ำพันท้ายนรสิงห์ เป็นสวนน้ำแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในสมุทรสาคร ภายใต้ธีม Jurassic Water Park จำลองบรรยากาศเหมือนโลกยุคดึกดำบรรพ์ เพราะไม่ได้มีแค่เครื่องเล่นในสวนน้ำเท่านั้น ยังมีไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่างๆ ที่ขยับและส่งเสียงได้มากกว่า 70 ตัว แถมด้วยกิจกรรมล่องลำธาร ลอดถ้ำ ชมทิวทัศน์ หรือแอดวานซ์ขึ้นอีกเสตป ก็มีซิปไลน์ ให้โลดโผนกันมันส์ทั้งวันไม่มีเบื่อ

ราคาบัตร : 

ผู้ใหญ่ ราคา 400 บาท

เด็ก สูงไม่เกิน 140 ซ.ม. ราคา 300 บาท (ราคานี้สามารถเล่นเครื่องเล่นได้ทุกอย่าง) ยกเว้น โหนสลิง (Zip line)

เด็กส่วนสูงต่ำกว่า 90 ซ.ม. และผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป เข้าฟรี

เวลาเปิด-ปิด : |จันทร์ – ศุกร์ เวลา 11.00 – 19.00 น. / เสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00 – 20.00 น.

5. สวนน้ำรามายณะ พัทยา

สวนน้ำรามายณะ ได้ถูกออกแบบและตกแต่งภายใน เน้นการบอกเล่าเรื่องราวของรามเกียรติ์ โดยแบ่งเป็น 14 โซน ภายในมีเครื่องเล่น และสไลด์เดอร์สำหรับผู้ใหญ่และเด็ก รวมถึงเด็กเล็กด้วย มากถึง 21 ชนิด นอกจากนี้ ในบริเวณสวนน้ำยังมีโซนพักผ่อน ร้านอาหารไทย-อาหารนานาชาติ ตลอดจนความบันเทิงต่างๆ มากมาย ให้บริการด้วย

เครื่องเล่นแนะนำ เช่น ดูอัล เวฟพูล (Dual Wave Pool) , เลซี่ ริเวอร์ (Lazy River), โฟลว์ไรเดอร์ (FlowRider), แฟมมิลี่ ลาฟท์ ไลด์ (Family Raft Ride), ดิวลิ่ง มาสเตอร์ บราสเตอร์ (Dueling Master Blaster), บูมเมอแรงโก (Boomerango) เป็นต้น

ราคาบัตร : 

ผู้ใหญ่ ราคา 1,190 บาท

เด็ก ส่วนสูง 90-121 ซม. ราคา 890 เด็ก

เด็ก ส่วนสูงต่ำกว่า 90 ซม. เข้าฟรี

เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 10.00-18.00 น.

6. สวนน้ำการ์ตูนเน็ตเวิร์ค พัทยา

เป็นสวนน้ำธีมการ์ตูนเน็ทเวิร์คแห่งแรกของโลก ตกแต่งในธีมการ์ตูนเน็ทเวิร์คฮีโร่ อย่าง Powerpuff Girls, Ben 10, Adventure Time และอื่น ๆ อีกมากมาย ประกอบด้วย เครื่องเล่นและ สไลเดอร์ที่จะทำให้ผู้ที่มาตื่นเต้นจนลืมหายใจถึง 30 ชนิด เช่น Alien Attack รถไฟเหาะตีลังกาน้ำท้าแรงโน้มถ่วง, The Omnitrax เครื่องเล่นขนาดยักษ์รวมหอคอยสูง 77 ฟุต, Jake Jump ผจญภัยไปกับรางสไลด์สูงชันให้แรงผลักดันตัวคุณขึ้นผนังฝั่งตรงข้ามสูงทะยานฟ้า เป็นต้น

ราคาบัตร : เริ่มต้น 790 บาท

เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 10.00 – 18.00 น.

7. WESTWONDER WATERPARK จ.กาญจนบุรี

สวนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในกาญจนบุรี มีพื้นที่กว้างขวางกว่า 20 ไร่ ประกอบด้วยเครื่องเล่นมากมายหลากหลายโซน ไม่ว่าจะเป็น อโลฮ่ายักษ์ สไลด์เดอร์สุดมันส์ที่คดเคี้ยวจนน่าหวาดเสียว, สปีดสไลเดอร์, แอควาลูป, เรนโบว์ สไลเดอร์, ถ้ำเขาทะลุ, น้ำตก, น้ำวน เป็นต้น

ราคาบัตร :

ผู้ใหญ่ ราคา 300 บาท

เด็กส่วนสูงไม่เกิน 130 ซ.ม. ราคา 100 บาท

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-18.00 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-19.00 น.

8. WATER FUN DREAM WORD จ.ปทุมธานี

Dream World นอกจากจะเป็นสวนสนุกสำหรับคนทุกเพศทุกวัยแล้ว ยังมีส่วนที่เป็นสวนน้ำซ่อนอยู่ด้วย กับโซน Water Fun สวนน้ำมหาสนุกสำหรับครอบครัว ที่เด็ก ๆ และผู้ใหญ่จะได้สนุกสนานบนลานน้ำขนาดใหญ่ เพลิดเพลินไปกับเครื่องเล่นหลากหลาย พร้อมสัมผัสประสบการณ์ตื่นเต้นเร้าใจ เมื่อมีมวลน้ำขนาดมหึมาถูกเทลงมาจากถังน้ำขนาดยักษ์บนหอคอยวอเตอร์ฟัน สร้างความสนุกสนาน เปียก เย็น ตลอดทั้งวัน

ราคาบัตร : บัตรผู้ใหญ่ 250 บาท / บัตรรวมเครื่องเล่นทุกชนิด 500 บาท

เวลาเปิด-ปิด : จันทร์ – ศุกร์ เวลา 10.00 – 17.00 น. / เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.00 – 19.00 น.

ขอบคุณรูปภาพจาก : Cartoon Network Amazone, Dream World, Siamparkcity สวนสยามทะเล-กรุงเทพฯ, Pororo Aquapark BKK

7 ย่านช้อปปิ้ง กรุงโซล ที่น่าไปละลายเงินวอน

เชื่อว่าหลายคนที่ได้มาเที่ยวเกาหลีใต้ โดยเฉพาะสาว ๆ คงไม่พลาดกับการไปละลายเงินวอนตามแหล่งช้อปปิ้งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นย่านเมียงดง ฮงแด  ทงแดมุน อัพกูจอง ฯลฯ ซึ่งคุณจะพบเจอตั้งแต่ร้านค้าแบกะดินจนถึงห้างสรรพสินค้าหรู รวมถึงคาเฟ่และร้านอาหารมากมาย ว่าแล้วก็อย่าเสียเวลา ไปดู 7 ย่านช้อปปิ้ง กรุงโซล ที่เรานำพิกัดมาฝากกันเลยค่ะ

7 ย่านช้อปปิ้ง กรุงโซล ที่น่าไปละลายเงินวอน

Credit : Doug Sun Beams / flickr

1. เมียงดง

ช้อปปิ้ง เกาหลี ในกรุงโซลทั้งที จะพลาดย่านเมียงดงหรือมยองดงได้ไง เพราะเป็นแหล่งรวมสินค้าวัยรุ่น แฟชั่นทันสมัย ยาเวชภัณฑ์น่าสนใจเพียบ! รวมทั้งไฮไลท์ถูกใจสาว ๆ ด้วยไอเทมเครื่องสำอางดี๊ดี มาส์กดูแลผิวหน้า ครีมบำรุงยี่ห้อชั้นนำ อยากได้อะไรที่นี่มีทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ร้านเครื่องสำอางแบรนด์ต่างๆ ทั้ง Innisfree, 3ce Stylenanda รวมถึงร้านเครื่องสำอางแบบรวมหลายแบรนด์ เช่น ร้าน Olive Young, Lohbs, Belport และยังมีห้างสรรพสินค้า Lotte Department Store แหล่งรวมสินค้าไฮเอนด์ ส่วนใครเป็นแฟนคาแรคเตอร์สุดน่ารักจาก Line ที่นี่ก็มีช้อป Line Friends ด้วยนะ

วิธีการเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 4 สีฟ้า ลงสถานีมยองดง (Myeongdong) ทางออก 6

2. ฮงแด

ช้อปปิ้งมันส์ ๆ กันต่อที่ย่านฮงแด เป็นแหล่งรวมวัยรุ่น เพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยฮงอิก (Hongik University) ร้านค้าในย่านนี้ก็จะออกแนววัยรุ่น ราคาไม่แพง จำพวกเครื่องสำอางแบรนด์ชั้นนำของเกาหลี เช่น Etude, Nature Republic, It’s’ Skin และเสื้อผ้าแฟชั่นสวยทันสมัยให้ช้อปตลอดข้างทาง และย่านนี้ยังมีอาหารอร่อยแบบสตรีทฟู้ด (Street Food) แถมตอนเย็น ๆ ยังมีโชว์เต้น Cover K-Pop ให้ชมด้วยนะ

วิธีการเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 2 สีเขียว ลงสถานีม.ฮงงิก (Hongik University) ทางออกที่ 8 หรือ 9

3. ฮีแด

Credit : Tom Hsieh, Flickr / flickr

ย่านฮีแด อีกหนึ่งแหล่งช้อปปิ้งที่น่าสนใจ ตั้งอยู่หน้ามหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา มีหลายอย่างให้เลือกซื้อเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แว่นตา เครื่องสำอางต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นแบรด์สัญชาติเกาหลีทั้งนั้น ข้อดีคือเดินง่าย เพราะแบ่งสองข้างถนนชัดเจน แถมราคายังน่าคบหาสุด ๆ

วิธีการเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 2 สีเขียว ลงสถานีอีฮวา (Ewha University) ทางออกที่ 2 หรือ 3

4. ทงแดมุน

Credit : english.visitkorea

ตลาดค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ มีร้านค้ามากกว่า 10,000 ร้าน ทั้งแบบร้านค้าบนตึก แผงลอย และแบกะดิน บรรยากาศประมาณสำเพ็ง โบ๊เบ๊ บวกกับประตูน้ำ ตลาดแห่งนี้เปิด 24 ชั่วโมง ส่วนใหญ่จำหน่ายสินค้าแนวแฟชั่น เสื้อผ้า รองเท้า ปะปนกันไปให้เลือกตามงบประมาณ ตั้งแต่สินค้าถูกที่สุด หรือราคากลาง ๆ สบายกระเป๋า ไปจนถึงระดับหรูหราราคากระเป๋าฉีก ส่วนในช่วงกลางคืนจะมีการเปิดแสงสีประกอบดนตรีขับกล่อมกันตลอด รับรองว่าถึงแม้ออกมาช้อปปิ้งคนเดียวก็ไม่รู้สึกเหงาอย่างแน่นอน

วิธีการเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 1 หรือ 4 ลงสถานี Dongdaemun Station ทางออก 8 หรือ 9

5. คังนัม

Credit : english.visitkorea

อยากหรูหราไฮเอนด์ต้องมา ย่านคังนัม เปรียบเหมือนย่านสีลม-สาทร ที่มีทั้งสำนักงาน โรงเรียนชื่อดัง และแหล่งช้อปปิ้งอยู่หลายแห่ง แต่พิกัดน่าโดน ต้องยกให้สถานีรถไฟใต้ดินคังนัม ที่รวมสินค้าหลากหลายในราคาไม่แพง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าสตรีวัยทำงาน รองเท้า แก็ดเจ็ต รวมถึงคาเฟ่ให้ลิ้มลองแก้เหนื่อย หรือจะไปท่องโลกศิลปิน K-Pop จากค่าย SM TOWN ที่ห้าง COEX Artium แหล่งช้อปที่คนรักหนุ่ม ๆ EXO, Super Junior และอีกหลายวงต้องมาเยือน นอกจากนี้ในห้างยังมีศูนย์การประชุม โรงละคร พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ตลอดจนร้านอาหารเกาหลีให้ลิ้มรสเยอะเชียว

6. คาโรซูกิล

Credit : Steve Y / flickr

แหล่งช้อปพิกัดถัดมา คือ คาโรซูกิล ถนนที่มีความโดดเด่นด้วยต้นกิงโกะสีเหลืองตลอดทั้งสายในช่วงฤดูใบไม้ร่วง สาวๆ แฟชั่นนิสต้าน่าจะชอบ ด้วยเสื้อผ้าสวยมีสไตล์ แฟชั่นเกาหลีที่แตกต่างโดดเด่น และยังมีร้าน Line Friends ที่เปิดให้บริการคาเฟ่ และวางจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับตัวคาแรคเตอร์ไลน์ มีกระเป๋า หมวก เครื่องใช้ กิ๊ฟช้อปน่ารักทั้งนั้นเลยจ้ะ

วิธีการเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 3 สถานี Sinsa 337 ทางออก 8 เดินต่อประมาณ 15 นาที

7. อัพกูจอง โรดิโอ

Credit : english.visitkorea

ปิดท้ายกับแหล่งละลายเงินวอน ณ ย่านอัพกูจอง โรดิโอ ถนนแฟชั่นรวมของหรูหรา แบรนด์เนมระดับไฮเอนด์ (Hi-End) เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ แต่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็น ศูนย์ศัลยกรรมความงาม คลินิกเสริมความงาม และร้านเสริมสวยต่าง ๆ มากมาย ตั้งเรียงติดกันอย่างละลานตา ใครอยากสวย อยากหล่อ ก็ลองเข้าไปขอคำปรึกษาดูกันนะคะ

วิธีการเดินทาง : รถไฟฟ้า สาย 3 ลงสถานี Apgujeong Station ทางออก 2

ขอบคุณข้อมูลจาก : mushroomtravel, chilloutkorea