The EmQuartier เป็นห้างเปิดใหม่ที่ว่ารวมสุดยอดร้านอาหารชั้นเลิศไว้ไม่ต่ำกว่า 60 ร้านค้า ทั้งร้านเล็กร้านใหญ่

ร้านดังมารวมไว้ที่นี่ ตามรอยนักชิม ก็ไม่พลาดที่จะมาชิมร้านอาหารแห่งนี้ มากันที่ร้านแรก อย่าง ร้าน sava dining

ร้านอาหารไทย ที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร

 

 

 

ร้าน Sava Dining อยู่ภายในอาคาร Helix Quartier(อาคารA) ชั้น 6  ขึ้นลิฟท์หรือขึ้นบรรไดเลื่อน

ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ ร้านสีน้ำเงิน ขาว กระจกโปร่งใส เด่นอยู่ตรงหน้า เห็นป้ายร้านก็มุ่งตรงเข้าไปในร้าน

มีพนักงานคอยตอนรับบริการเป็นอย่างดี

 

 

Sava Dining เป็นร้านอาหารไทยฟิวชั่น ผสมผสานระหว่างอาหารไทยกับตะวันตก โดยวัตถุดิบชั้นเลิศ

แนวคิดการรังสรรค์เมนูอาหารสุดพิเศษจาก คุณหมู พลพัฒน์  อัศวะประภา เจ้าของแบรนด์ชื่อดังอย่าง ASAVA

เสื้อผ้าแบรนด์ไทย โดยนำประสบการณ์ทางแฟชั่นมาออกแบบเมนูอาหาร แม้ว่าจะเป็นเมนูที่ฟิวชั่น แต่ชูรส

ด้วยความคุ้นเคยของอาหารไทย เน้นวัตถุดิบพื้นบ้านของไทยมาก่อนเป็นอันดับแรก

 

 

ภายในร้านตกแต่งให้ดูสบายตา เน้นแสงธรรมชาติจากด้านนอกส่องเข้ามา เพื่อช่วยความสว่างแล้วยังให้ความรู้สึกสบาย

เหมือนนั่งอยู่กลางธรรมชาติ เพราะที่ The EmQuartier เป็นคอนเซ็ปต์ ธรรมชาติ อย่างน้ำตกและสวนอยู่ในห้าง

 

 

 

โทนสีร้าน เป็นโทนสีอุ่น ทำให้นั่งทานอาหารไม่อึดอัดอยากจะนั่งนานๆ และจัดโซนโต๊ะที่นั่ง มีระยะห่าง

นั่งคุยธุรกิจ หรือต้องการความเป็นส่วนตัว นั่งคุยได้อย่างสบายใจ

 

 

ด้วยความเป็นแบรนด์เสื้อผ้าและมีสไตล์เป็นเอกลักษ์ ร้าน sava dining จึงออกแบบได้ลงตัวทุกองค์ประกอบ

และเมนูทางร้านมีเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดื่มเบาๆ อย่าง กาแฟ สมูทตี้ อาหารหลักและ

อาหารทานเล่นอีกหลายเมนู มาเริ่มที่เมนูแรกกันเลยกับ ” ข้าวไข่ข้นครีมไข่หอยเม่นและสาหร่ายแห้ง “

 

 

 

ข้าวไข่ข้นครีมไข่หอยเม่นและสาหร่ายแห้ง 410 บาท

เสิร์ฟมาพร้อมกับกระทะร้อนๆ คล้ายๆ อาหารญี่ปุ่นราดข้าวด้วยไข่ข้นมาจากกระทะร้อนๆ ด้านบนเป็น

ไข่หอยเม่นและโรยด้วยสาหร่าย ใส่ซอสปรุงรสนิดหน่อย อร่อยกลมกล่อม

 

 

 

 

 

ขนมปังฝรั่งเศสหน้าแหนม  190  บาท

ด้วยความเป้นขนมปัง คงนึกไม่ถึงว่าจะเข้ากับวัตถุดิบไทยๆ

อย่างแหนมได้ หน้าขนมปังจะมีแหนมและชีวผสมกันอยู่ แต่เข้ากันลงตัวไม่น่าเชื่อ

 

 

 

 

 

สปาเก็ตตี้ผัดกะปิหมูฮ้อง  320  บาท

หมูฮ้องเป็นเอกลักษณ์ของอาหารใต้ ปกติแล้วต้องกินกับข้าวสวย

แต่นำมาผัดกับสปาเก็ตตี้และมีกลิ่นหอมของกะปิเบาๆ พร้อมบีบมะนาว คลุกเคล้าให้เข้ากัน

 

 

 

 

 

ปากเป็ดทอด  180  บาท

ปากเป็ดปรุงรส ทอดจนกรอบ เสิร์ฟคู่กับซอสไวน์หวาน

 

 

ทางด้านเครื่องดื่มก็มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย เราเลือกสั่งมาทาน 2 อย่าง สตอเบอรี่ชีสเค้ก สมูทตี้ และ บานอฟฟี่ สมูทตี้

 

 

สตอเบอรี่ชีสเค้ก สมูทตี้  190  บาท

 

 

บานอฟฟี่ สมูทตี้ 190 บาท

 

 

 

 

 

เรียบเรียงข้อมูลโดย Food.Mthai

 

10 อย่างในเกียวโต ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

 

 

เกียวโต 1 ในเมืองแห่งประวัติศาสตร์และอารยธรรมของญี่ปุ่น ที่มีอายุยาวนานกว่า 1,200 ปี เต็มไปด้วยวัดกว่า 1,600 วัด

เกียวโตไม่ได้มีเสน่ห์แค่ความเก่าแก่เท่านั้น แต่ยังเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา เคลื่อนที่ไปกับความเปลี่ยนแปลงของโลก

อีกทั้งยังมีธรรมชาติอันสวยงามและอุดมสมบูรณ์ วันนี้ จะมาเสนอ 10 อย่างในเกียวโต ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด มาดูกันว่า จะมีอะไรบ้าง …

 

 

1. Backstreet ถนนช้อปปิ้ง

ย่านช้อปปิ้งสุดแนว เปรี้ยวจนเข็ดฟัน คุณจะสะดุดตากับสาวเกียวโตที่แต่งตัวแบบไร้คำจำกัดความ รับรองว่าย่านนี้จะผลาญเวลาคุณได้เป็นวัน ๆ เลยล่ะ

 

 

 

 

 

2. เดินเที่ยววัดทางตะวันออก

เส้นทางที่ต่อเนื่อง ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ คุณจะได้กลิ่นชื้นของความเขียวขจีอันสดชื่น ทำให้ระยะทางไกลดูใกล้และน่าสัมผัสมากขึ้น

 

 

 

3. อย่าลืมชิมเต้าหู้สด ๆ อร่อยอย่าบอกใคร

น้ำ คือ 1 ในส่วนผสมที่สำคัญที่สุดในการทำเต้าหู้ และเกียวโตได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีแหล่งน้ำดี ๆ หลายแห่ง

พร้อมกรรมวิธีที่สืบทอดกันมานาน การได้มาเกียวโตแล้วไม่ได้ชิมเต้าหู้สด ๆ ถือว่าพลาดจริง ๆ

 

 

 

4. เดินเล่นย่านบ้านสาเกฟูชิมิ

เป็นที่ตั้งของโรงงานสาเกแบบดั้งเดิม พิพิพิธภัณฑ์ของที่นี่จะเป็นที่ประทับใจของคุณอย่างแน่นอน ไม่ต่าง

จากสภาพแวดล้อมอันสวยงามรอบด้านของศาลเจ้าและซุ้มประตูอันเลื่องชื่อ

 

 

 

 

5. กินไอศกรีมชาเขียว ที่อูจิ

เพียง 17 นาทีเท่านั้น จากตัวเมืองเกียวโต มันจะเปลี่ยนรสนิยมในการกินไอศกรีมของคุณไปตลอดชีวิต

 

 

 

 

 

6. กินอาหารในแบบเกียวโตแท้ ๆ

การกินอาหารแบบเกียวโตแท้ เรียกว่า “เคียวเรียวริ” คุณจะได้ลิ้มรสถึงการกลืนกินงานศิลปะ ว่าเป็นอย่างไร

 

 

 

 

7. เดินกินลมชมวิวริมแม่น้ำคาโม

เป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม ในการเดินตั้งแต่สถานีเดมาจิ จนถึงสะพานซันโจ ก่อนจะขึ้นไปเที่ยวต่อในดาวน์ทาวน์

 

 

 

 

8. กินโมจิแสนอร่อยที่ร้านฟูตาบะ

ที่ตลาดเดมาจิ แม้แต่ชายมาดคล้ายยากูซ่า ยังต่อต่อคิวซื้อเหมือนเรา คิดดูว่าจะอร่อยขั้นเทพขนาดไหน

 

 

9. ซื้อเครื่องสำอางค์เกียวโต ยี่ห้อโยจะ

แนะนำเป็นพิเศษสำหรับลิปบาล์มกลิ่นยูสุ โลโก้ของร้านจะเป็นภาพวาดลายเส้นผู้หญิงหน้าแป้นเหมือนเกอิชา

เป็นร้านดังของที่นี่และมีหลายสาขา สาว ๆ มีหมดตัวนะงานนี้ อิอิ

 

 

10. เพลินไปกับไอเดียสินค้างานฝีมือ

สินค้าเด่นของเกียวโต ได้แก่ ผ้ามัดย้อม ผ้าย้อมครามของญี่ปุ่น หรือกิโมโนเก่า ที่ดัดแปลงมาเป็นกระเป๋า

ใส่เหรียญหรือใส่เครื่องสำอางค์ใบเล็ก ๆ ร้านขายของน่ารัก ๆ พวกนี้ มีอยู่เต็มเมือง คุณอาจต้องแวะไม่พักเลยก็ได้

 

 

เรียบเรียงโดย : Travel MThai

ขอบคุณข้อมูลจาก : M Book Store  – เกียวโต คู่มือท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ส่วนประกอบ
– มะเขือยาว
– กุ้งสด,เนื้อหมูสับสับละเอียด
– หอมแดงซอย,น้ำกระเทียมดอง,น้ำปลา
– น้ำตาลทราย,น้ำมะนาว,พริกขี้หนูสีแดงซอย
– ต้นหอมซอย,ผักชีซอย
วิธีทำ
– ต้มหมูสับและกุ้งพอสุกแล้วพักไว้
– ย่างมะเขือยาวบนกระทะด้วยไฟกลางจนสุกนิ่ม สังเกตให้เปลือกไหม้เล็กน้อย
– นำขึ้นพักให้เย็น ลอกเปลือกออกหั่นชิ้นหรือฉีกเป็นเส้น แล้วพักไว้
– ผสมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย น้ำกระเทียมดองเข้าด้วยกัน ชิมรสให้เค็มนำเปรี้ยวตาม
– นำน้ำยำที่ผสมราดลงในเนื้อหมูและกุ้ง เติมกระเทียม กุ้งแห้ง หอมแดง พริกขี้หนู ต้นหอม และผักชี คนให้เข้ากัน
– จัดมะเขือยาวใส่จานให้สวยงาม นำส่วนผสมน้ำยำราดลงบนมะเขือยาวที่เตรียมไว้พร้อมเสิร์ฟ