10ที่เที่ยวอันซีนเมืองไทยที่น้อยคนจะรู้จัก

ตามไปดู 10 ที่เที่ยวอันซีนเมืองไทยที่น้อยคนจะรู้จัก

ด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยของเรา มีอยู่มากมาย
มหาศาล จนบางครั้งคุณจะต้องทึ่ง เมื่อได้เห็นบางสถานที่ ว่ามันมีอยู่ด้วยหรือ
? ความอันซีน
ยังถูกค้นพบขึ้นเรื่อยๆ สถานที่เหล่านี้ต่างรอคุณให้ไปเยี่ยมเยือนและสัมผัส บางท่านอาจรู้จักแต่ไม่
เคยไป ทาง เรา จึงขอรวบรวม 10 ที่เที่ยวอันซีนเมืองไทยที่น้อยคนจะรู้จัก มาให้ท่านได้เพลิน
เพลินกัน แต่จะฟินกว่า หากท่านได้ไปเห็นด้วยตาของตัวเอง จริงมั้ยครับ ?

 

 

 

 

1.แก่งชมดาว จ.อุบลราชธานี

01

เห็นแว้บแรก หลายท่านคงคิดว่าที่นี่คือสามพันโบกแน่ ๆ แต่ผิดครับ เพราะนี่คือแก่งชมดาว ตั้งอยู่
ที่ อ.นาตาลจ.อุบลราชธานี เป็นแก่งหินที่ถูกกัดเซาะโดยน้ำวน จนเกิดเป็นผาหินและแอ่งหลุม
รูปทรงแปลกตาซึ่งจะมีน้ำสีเขียวใสปรากฏให้เห็นอยู่ตลอด
 ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ยามเช้าและ
ช่วงโพล้เพล้ เพราะแสงจะสวยมากๆ  ช่วงเวลาที่แนะนำให้มาเที่ยวคือ ตั้งแต่เดือน มกราคม – มิถุนายน

 

 

2.วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว จังหวัดอุบลราชธานี

02

วัดเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี ที่เมื่อเวลาพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า จะปรากฏแสงเรืองรอง
ขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เกิดจากศิลปกรรมต้นไม้เรืองแสง ที่ค่อยๆ เผยความพิเศษขึ้นมาทีละ
น้อย
 จนกลายเป็น Unseen Thailand อีกแห่งที่น่าหลงใหล นอกจากนี้ วัดสิรินธรวรารามภู
พร้าว
 ยังเหมาะแก่การชมดวงดาวที่สุกสกาวอยู่เต็มท้องฟ้า

 

 

3.ซุ้มต้นลีลาวดี พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ จังหวัดน่าน

03

ซุ้มต้นลีลาวดีหรือต้นลั่นทม บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ จังหวัดน่าน ที่ขึ้นเป็นแถวเรียงราย
แผ่ขยายกิ่งก้านโค้งเข้าหากัน ราวกับอุโมงค์ต้นไม้ยิ่งใหญ่อลังการ ถือเป็นแลนด์มาร์ก
สำคัญ
 และเหมาะอย่างยิ่งที่จะมาพักผ่อนหย่อนใจด้วยการปั่นจักรยาน
เก็บภาพสวยๆ กลับบ้านไปอย่างชื่นมื่น

 

 

 

4.ดอยเมี่ยง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

04

ดอยเมี่ยง สวรรค์แห่งใหม่แห่งเมืองปาย จ.แม่ฮ่องสอน เป็นดอยสูงประมาณ 1,600 เมตร
ภูมิประเทศเป็นป่าดิบชื้นและภูเขาสลับซับซ้อน อุดมไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ เช่น ต้นสน
ต้นพญาเสือโคร่ง และต้นมะค่า มีจุดชมวิวที่สวยงาม สามารถมองเห็นเมืองปายได้แบบ 360
องศา มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่คุณไม่ควรพลาด

 

 

 

5.วัดป่าภูก้อน จังหวัดอุดรธานี

05

ด้วยป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์กว่า 3,000 ไร่ ของป่าสงวนแห่งชาตินายูงและป่าน้ำโสม ที่รายล้อมวัด
ป่าภูก้อนแห่งนี้เอาไว้ วัดแห่งนี้ไม่ได้โดดเด่นเพียงแค่วิวทิวทัศน์รอบนอกเท่านั้น แต่ภายในวัดยังมี
พระมหาวิหารที่ตกแต่งด้วยสำริดทั้งหมด นอกจากนี้ยังได้มากราบนมัสการ
พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี ความยาว 20 เมตร ที่สร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาว
จากประเทศอิตาลี รวมถึง “องค์พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์ ซึ่งบริเวณชั้นบนของยอด
เจดีย์ ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ไว้ให้ประชาชนผู้ศรัทธาได้มากราบสักการะ

 

 

 

6.วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ จังหวัดลำปาง

06

แหล่งท่องเที่ยวสุดอันซีนในจังหวัดลำปาง ที่จะทำให้คุณได้ยลโฉมวิวสวยอลังการของอำเภอ
แจ้ห่ม เห็นลำน้ำแม่สอย แม่มอญและแม่วัง ขนานไปกับบท้องนาเขียวขจีสุดขอบฟ้า
โดยมีภูเขาดอยปู่ยักษ์ทอดแนวยาว การเดินทางขึ้นไปอาจจะลำบากสักหน่อย
แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่คุณจะเห็นแน่นอน

 

 

 

7.ถนนดอกไม้ตาเบบูญ่า จังหวัดสุพรรณบุรี

07

บนถนนหมายเลข 3502 อ.สามชุก- อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี สองข้างทางจะเต็มไปด้วยสีเหลือง
ทองอร่ามจากดอกตาเบบูญ่า (เหลืองปรีดียาธร) ที่บานสะพรั่งสวยงามจนต้องหยุดรถลงไปถ่าย
รูป แต่เจ้าดอกนี้มันจะปรากฏโฉมให้ชื่นชมในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 1 ถึง 2 สัปดาห์
เท่านั้น
 ราวกลางเดือนกุมภาพันธ์ ถึงต้นเดือนมีนาคม

 

 

 

8.เกาะไม้ท่อน จังหวัดภูเก็ต

08

หลังจากถูกปิดไว้นานนับสิบปี เกาะสวรรค์แห่งนี้พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว เกาะเล็กๆ
บรรยากาศโรแมนติกเงียบสงบเป็นส่วนตัว จนได้รับฉายาว่า Honeymoon Private
Island
 เหมาะกับคู่รักที่จะมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์อย่างยิ่ง ด้วยน้ำทะเลสีเขียวใสบริสุทธิ์
และความสมบูรณ์ของธรรมชาติบนเกาะ รวมทั้งโลกใต้ทะเล
 ที่รอให้คุณมาแหวกว่ายจนชุ่มฉ่ำ
รับรองจะต้องติดใจจนไม่อยากกลับบ้านเลยล่ะ !!

 

 

 

9.วิหารเทพวิทยาคม วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา

09

ด้วยความอุตสาหะและความสามัคคีของชาวบ้าน ทำให้เกิดวิหารเซรามิคโมเสกกลางน้ำที่ใหญ่
ที่สุดในเอเชีย
! สร้างขึ้นจากความตั้งใจของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่ต้องการให้คนเข้าใจ
พระพุทธศาสนาได้อย่างง่ายๆ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่สุดแสนอลังการ ตั้งแต่
รูปปั้นพญานาค19 เศียร ประตูท้าวจตุโลกบาล และเศียรช้างขนาดใหญ่ เป็นสถานที่ท่อง
เที่ยวที่สุดแสนจะจรรโลงใจ

 

 

 

10.แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์รูปหัวใจ จังหวัดสุโขทัย

10

แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์รูปหัวใจหรือเกาะรูปหัวใจ ถูกเนรมิตขึ้นมาได้อย่างงดงาม เกิดจากแนวคิด
โครงการแก้มลิงตามแนวพระราชดำริเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม-แล้ง
 โดยทำพื้นที่เก็บน้ำไว้ใช้
จากนั้นมีการทำ บุญพิธีกลั่นแผ่นดิน นำดินจากทุกหมู่บ้านในจังหวัดสุโขทัย 843 หมู่บ้าน
มาปลุกเสกและนำมาไว้ใต้ฐานของมณฑป ซึ่งเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรัตนสิริสุโขทัย
จึงนับเป็นการนำความศักดิ์สิทธิ์มาสู่แผ่นดิน และรูปหัวใจยังสะท้อนถึงความรักใคร่สามัคคีของคน
สุโขทัย ที่ช่วยกันรักษาสถานที่สำคัญแห่งนี้ไว้ให้คนทั่วโลกได้จดจำ

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก http://travel.mthai.com/blog/100428.html

 

สวนสนุกใต้ดิน สร้างจากเหมืองร้างหลายพันปี

อลังการ! สวนสนุกใต้ดิน สร้างจากเหมืองร้างหลายพันปี เมืองทูร์ดา โรมาเนีย

แค่เห็นก็ต้องร้อง ว้าว!! ซะแล้ว กับสวนสนุก Salina Turda ตั้งอยู่ใต้ดิน สร้างจากเหมืองเกลือร้าง
เก่าแก่ที่สุดของโลก อยู่ที่เมืองทูร์ดา ประเทศโรมาเนีย อยากจะรู้แล้วสิว่าภายในสวนสนุกนั้น
จะสวยขนาดไหน และจะมีของเล่นหรือกิจกรรมอะไรสนุกๆ บ้าง ตามไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ ^^

01

 

Salina Turda (ซาลิน่า ทูร์ดา) สวนสนุกแห่งแรกก็ว่าได้ที่ถูกสร้างขึ้นในเหมืองเกลือร้างเก่าแก่
ขนาดใหญ่ ลึกลงไปใต้ดินประมาณ 400 ฟุต หรือ 120 เมตร ตั้งอยู่ที่เมืองทูร์ดา ประเทศโรมาเนีย
ที่แห่งนี้ยังถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสถานที่ใต้ดินที่สวยที่สุดในโลกอีกด้วย นอกจากนี้เหมืองแห่ง
นี้ก็มีประวัติมายาวนานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เชียวล่ะ ..

02

 

ย้อนกลับไปเมื่อศตวรรษที่ 17 เดิมที่เหมืองแห่งนี้เคยมีการขุดดินเพื่อเอามาทำเกลือ เมื่อเวลาผ่าน
ไปบริเวณที่ขุดนั้นก็ยิ่งลึกลงๆ ไปกลายเป็นเหมือนเป็นวังขนาดใหญ่มหึมา เป็นทรงสูงแบบระฆัง
คว่ำ ต่อเนื่องมายังยุคกลางและหยุดขุดเจาะในปี 1932 จนมาถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เหมือง
แห่งนี้ก็ถูกนำมาใช้ประโยชน์ ให้กลายเป็นศูนย์การแพทย์และสถานที่ลี้ภัย

03

หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านเวลามานานนับสิบๆ ปี เหมืองแห่งนี้ถูกทิ้งร้าง ทางรัฐบาลท้อง
ถิ่นก็เลยเปลี่ยนที่นี่ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เกลือ ให้ผู้คนได้เข้ามาท่องเที่ยวและเรียนรู้ประวัติศาสตร์และ
การเปลี่ยนแปลงต่างๆ จนกระทั่งล่าสุดที่แห่งนี้ก็ได้ถูกฟื้นฟูให้กลายเป็น สวนสนุกใต้ดิน
และเปิดให้ผู้คนได้ท่องเที่ยว

04

 

เมื่อเดินทางโดยการนั่งลิฟต์กว่า 120 เมตร เพื่อลงมายังสวนสนุก Salina Turda
(
ซาลิน่า ทูร์ดา) แห่งนี้แล้ว ก็จะพบกับความสวยงามตระการตา มีเครื่องเล่นและกิจกรรมให้เล่น
สนุกเพียบ! มีทั้งทะเลสาบ ที่เราสามารถพายเรือสำรวจถ้ำ  , นั่งชิงช้าสวรรค์ เพื่อซึบซับ
บรรยากาศที่ไม่เหมือนที่ใด รวมถึงมีสนามกีฬาขนาเล็กที่สามารถเล่นกอล์ฟ และตีปิงปอง

 

05

เหมืองเกลือเก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งนี้ ถึงแม้จะถูกฟื้นฟูทำเป็นที่ท่องเที่ยว
แต่ก็ยังคงสภาพเดิม รักษาความงามไว้เช่นเดิม

 

06

Iosif mine ลักษณะเป็นห้องโถงใหญ่ เราสามารถเดินชมความงามของเหมืองเกลือแห่งนี้ได้โดย
รอบและใกล้ชิด มีการสร้างทางเดินตามแนวเหมือง และ Iosif mine ยังมีชื่อเรียกอีกอย่าง
ว่า “Echoes Room” เพราะเวลาคุยหรือตะโกน เสียงจะดังกงวานเลยค่ะ

 

07

Crivac room หรือห้องแปดเหลี่ยม ตรงนี้จะมีแท่นที่ทำเป็นฐานไว้ยกชั้นหินเกลือ
ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1881

08

นอกจากนี้ Salina Turda (ซาลิน่า ทูร์ดา) ก็ยังมี ลิฟท์แบบพาโนรามา ที่นักท่องเที่ยวสามารถ
มองเห็นภาพรวมของเหมืองได้แบบเต็มอิ่ม , ชิงช้าสวรรค์ เป็นต้น

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก http://food.mthai.com/mafia-food/111946.html

สูตร หมูกระจก พร้อมสูตรน้ำจิ้มรสเด็ด

หมูกระจก ที่นำมาทานเล่นๆ หรือทานแบบจริงจังก็ได้ หมูกระจกจะคล้ายๆ กับแคบหมู แต่หมูกระจกจะทำมาจากหนังหมูที่ติดมัน ชิ้นจะเล็กกว่าแคบหมูที่ทำมาจากหนังหมูล้วนๆ มักจะชอบนำมากินแกล้มเบียร์หรือกินกับส้มตำ แม้กระทั่งกินเปล่าๆ ก็ยังได้ มีน้ำจิ้มสำหรับหมูกระจกด้วย วันนี้เรามาแนะนำสูตร หมูกระจก ทำกินกันเองง่ายๆ หรือจะทำขายด้วยก็ดี

สูตร หมูกระจก พร้อมสูตรน้ำจิ้มรสเด็ด

moo (1)

ส่วนผสม

  • ปูนแดง 1/4 ช้อนชา
  • หมูสามชั้น 1 กิโลกรัม
  • เกลือป่น ครึ่งช้อนชา
  • แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งสาลี 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด 4 ถ้วยตวง หรือประมาณน้ำมันให้เต็มกระทะ

วิธีทำ

  1. ต้มหมูสามชั้นให้สุก แล้วยกขึ้นมาให้วางทิ้งไว้ให้หมูสามชั้นหายร้อนแล้วหั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นบางๆ
  2. ผสมแป้งข้าวเจ้าโดยใส่น้ำพอให้แป้งไม่ข้นหรือเหลวจนเกินไป จากนั้นก็ตามด้วยแป้งสาลี ปูนแดง และเกลือครั้งช้อนชา ผสมให้ทุกอย่างเข้ากัน
  3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันด้วยไฟปานกลาง พอน้ำมันร้อนก็ลดร้อนลงให้เป็นไฟอ่อน แต่ไม่ถึงกับอ่อนมาก นำหมุที่หั่นไว้แล้วลงไปคลุกกับแป้ง แล้วนำลงทอดทันที
  4. ทอดจนหมูเหลืองกรอบน่ารับประทาน นำขึ้นมาพักบนตระแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน จนหมูแห้งกรอบเป็นหูกระจก

วิธีทำน้ำจิ้มหมูกระจก

เอาพริกชี้ฟ้าลงโขลกกับกระเทียม เกลือป่น ผสมกับน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย
รวมกับน้ำซุปกระดูกหมูชิมให้กำลังดีตามชอบ

ที่มาจาก ekkathaifood