16 ที่เที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝัน!

01

สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของ ภูเขา ทะสาบ และธรรมชาติสวยๆ เป็นประเทศที่หมายปองของใครหลายๆ คน วันนี้เรามี 16 ที่เที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝัน! มาฝากกัน หากใครอยากหาสถานที่ฮันนีมูน นี่แหละหนึ่งในประเทศที่ไม่ควรพลาด!

02

“กลาเซียเอ๊กซ์เพรส” รถไฟด่วนที่วิ่งช้าที่สุดในโลก วิ่งผ่านภูมิประเทศที่งดงามของเทือกเขาแอลป์ ผ่านชมอุโมงค์ สะพาน หุบเหว ผ่านสวิสแกรนด์แคนยอน และหุบเขาที่สูง 2,000 กว่าเมตร ตลอดเส้นทางท่านสามารถชมยอดเขาที่ปกคลุมด้วยธารน้ำแข็งได้

03

“แมทเธอฮอร์น” เป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงมากในเทือกเขาแอลป์ ตั้งอยู่ระหว่างประเทศสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี ภูเขาที่สูงกว่า 4,478 เมตร รูปทรงปิรามิดที่งดงามตั้งอยู่บนพื้นที่ Zermatt ในส่วนของสวิตเซอร์แลนด์ ส่วนเมืองของอิตาลี เป็นภูเขาที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาชมความงามไม่เว้นแต่ละวัน เพราะที่นีมีความสวยงาม และมีเสน่ห์

04

“เจนีวา” เมืองที่เป็นสัญลักษณ์การท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ สามารถสัมผัสถึงสิ่งน่าตื่นตาตื่นใจทั้งสถานที่, กิจกรรมต่างๆ และ งานเทศกาล เราะจะพบกับการผสมผสานอย่างลงตัวของวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมกับความทันสมัยและแสงสียามค่ำคืนที่เจนีวา

05

“ทะเลสาบเจนีวา” ได้รับสมญานามว่าเป็น ไข่มุกของริเวียร่าแห่งสวิส ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในสวิสและมีบางส่วน ที่อยู่ในเขตประเทศฝรั่งเศส เป็นแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของทวีปยุโรปกลาง เป็นที่ตั้งของเมืองสำคัญคือเมืองเจนีวาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

06
credit: Mark Weston

“อินเทอร์ลาเก้น” เป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สวยงามและน่าค้นหาเมืองหนึ่งในประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ สามารถชมทัศนียภาพต่างๆ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เข้าไปสัมผัสความงามที่เป็นเอกลักษณ์ของเมือง Interlaken

07
credit : Patrick

“กรินเดิร์วาลกรุน” เมืองที่มีชื่อเสียงของ กรุงเบิร์น เมืองหลวงที่สวยงามของของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยตัวเมืองตั้งอยู่บนเทือกเขากรุงเบิร์น-แอลป์ ในช่วงฤดูหนาว เมืองเล็กๆแห่งนี้จะคับคั่งไปด้วยผู้คนที่หลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศ เนื่องจากกรินเดลวาลด์นั้นเป็นเมืองแห่งรีสอร์ทกีฬาฤดูหนาวและมียังหมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดในยอดเขาจุงเฟรา อีกด้วย

08

“ยอดเขาจูงเฟรา” เป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความงาม ได้รับการยกย่องว่า เป็น Top of Europe ยอดเขาจุงเฟรา มีจุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรป มีถ้ำน้ำแข็งที่แกะสลักให้สวยงามอยู่ใต้ธารน้ำแข็ง 30 เมตร โดยไม่เคยละลาย บนยอดเขา และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่นิยมของนักสกีมาเล่นกีฬาที่ท้าทายที่นี่ การขึ้นสู่ยอดเขาจุงเฟราสามารถทำได้ โดยใช้รถไฟสายกลาเซียร์ เอ๊กซ์เพรส

09

“ลานสฟิงค์” เป็นหอดูดาวที่ตั้งอยู่บนภูเขายูงเฟรา สูงเป็นอันดับต้นๆของโลก มีลานกว้างไว้ชนทิวทัศน์อยู่ติดกันซึ่งสามารถขึ้นไปดูได้ฟรี แต่พิเศษตรงที่วิธีขึ้น ลิฟที่ใช้เดินทางจากสถานีเพื่อขึ้นไปยังหอดูดาวนั้นถูกสร้างขึ้นโดยการเจาะผ่านยอดเขา

10

“อเล็ท์ชกลาเซียร์” เป็นธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่มีความหนาวของน้ำแข็งเกือน 1 กิลโลเมตร และยาวกว่า 23 กิโลเมตรเลยทีเดียว เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเพราะความมหัศจรรย์ของน้ำแข็งปริมาณมหาศาลที่เกิดเป็นความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้น

11

“ลูกาโน่” ตัวเมืองนั้นถูกล้อมรอบด้วยภูเขาจำนวนมาก อีกทั้งยังตั้งอยู่ริมทะเลสาบลูกาโน เมืองลูกาโน่ ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญในช่วงฤดูร้อนอันแสนอบอุ่น จนส่งผลให้เมืองเล็กๆแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกด้วย

12

“ทะเลสาบโคโม่” เป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญเพราะมีทัศนียภาพที่สวยงามจากเทือกเขาสลับซับซ้อนที่รายล้อมโอบกอดทะเลสาบเอาไว้ ทะเลสาบนี้เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งและทิ้งน้ำไว้จำนวนมากเมื่ออุณหภูมิของโลกเริ่มอบอุ่นขึ้น จนกลายเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสามของอิตาลี และเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปเลยทีเดียว

13

“เบอนีน่าเอ๊กซ์เพรส” คือรถไฟสายเก่าแก่ที่สุดของสวิสเซอร์แลนด์ ด้วยความสูง 2,253 เมตรกับวิวสองข้างทางที่ทำให้ เกิดความตื่นตาตื่นใจตลอดเส้นทางการเดินทาง เพราะเป็นการนั่งรถไฟที่สุดแสนโรแมนติก ผ่านเขตใจกลางเทือกเขาแอลป์ที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี ผ่านหุบเหว ลำธาร โตรกผา และทะเลสาบแสนสวย

14
credit: Hans-Rudolf Stoll

“สะพานโค้งแห่งบรูสิโอ” เป็นสะพานโค้งในเส้นทางรถไฟBernina Expressซึ่งมีความสวยงามระดับมรดกโลก ออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากทางลาดชัน แต่กลับกลายเป็นผลงานชิ้นโบแดงของวิศวกรผู้สร้าง

15

“สะพานคาเปล” เป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่สุดในโลก มีอายุหลายร้อยปี ทอดตัวข้ามแม่น้ำรอยส์ เป็นสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นเลยทีเดียว แต่ละช่องของสะพานจะมีภาพเขียนเป็นเรื่องราวประวัติความเป็นมาของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี

16

“สิงหินหินสลักบนหน้าผา” อนุสาวรีย์รูปสิงโตหิน สร้างเพื่ออุทิศให้กับทหารสวิสที่ตายในหน้าที่ที่ฝรั่งเศส ในด้านความกล้าหาญ ซื่อสัตย์และจงรักภักดี ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เมื่อดูสิงโตตัวนี้ จะเห็นว่ามีลักษณะนอนหมอบ มีหอกปักอยู่กลางหลัง สีหน้าแสดงความเจ็บปวดและเศร้าสร้อย

17

“ยอดเขาริกิ” เป็นเทือกเขาในภาคกลางของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นที่รู้จักกันในฐานะ “ราชินีแห่งเทือกเขา” โดยยอดที่สูงที่สุด มีความสูงถึง 1,797.5 เมตร เราสามารถชมบรรยากาศวิวทิวทัศน์โดยรอบ ได้ทั้ง 360 องศา

 

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : tourkrub.co
เรียบเรียงโดย : Travel MThai

10 ทะเลสาบที่แปลกที่สุดในโลก เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

01

ทะเลสาบ ที่เราเคยเห็นหรือรู้จักกันนั้นก็จะเป็น ผืนน้ำนิ่งสงบ ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสวยๆ และมักจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่หลายคนอยากไปเที่ยวพักผ่อน ใช่ไหมล่ะ? แต่รับรองว่าถ้าได้เห็น 10 ทะเลสาบที่แปลกที่สุดในโลก ทุกคนต้องร้องว้าวแน่นอน! เพราะแต่ละที่นั้นน่าอัศจรรย์สุดๆ และเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเองด้วย

 

1. ทะเลสาบฮิลลิเออร์ (Lake Hillier)
รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย

02

ทะเลสาบสีชมพู หรือ ทะเลสาบฮิลลิเออร์ (Lake Hillier) เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ตั้งอยู่ในเกาะขนาดใหญ่ที่สุดของหมู่เกาะ Recherche Archipelago ที่ประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อย 105 เกาะ ที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย ถูกค้นพบครั้งแรกโดยกัปตัน Matthew Flinders ขณะเมื่อเขาขึ้นไปยังจุดสูงสุดของเกาะในปี 1802

03

ทะเลสาบแห่งนี้มีความยาวประมาณ 600 เมตร มีขอบแคบๆ ที่ปกคลุมเนินทรายและต้นไม้ที่แยกทะเลสาบออกจากทะเลด้านนอก ขอบทะเลสาบปกคลุมไปด้วยแผ่นเกลือสีขาว ถัดขึ้นไปโดยรอบเป็นป่าต้น Paperbark และต้น Eucalypt ปกคลุมหนาแน่น ชมพูหวานเหมือนนมเย็นน้ำในทะเลสาบมีสีถาวร แม้ตักขึ้นมาเก็บไว้ในภาชนะสีก็ไม่จางหาย ซึ่งสีชมพูนี้เกิดจากความเข้มข้นสูงของเกลือ และแบคทีเรีย

 

2. ทะเลสาบเนตรอน (Lake Natron)
สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย

04

ทะเลสาบเนตรอน (Lake Natron) หรือเรียกอีกชื่อว่า ทะเลสาบแห่งความตาย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ลักษณะเป็นทะเลสาบน้ำเค็มขนาดใหญ่ น้ำในทะเลสาบจะมีสารและแร่ธาตุหลายชนิดไหลลงมารวมกัน

05

และที่เห็นเป็นสีแดงนี้เกิดขึ้นจาก การระเหยน้ำอย่างรวดเร็วในช่วงฤดูแห้งแล้ง แบคทีเรียที่อยู่ในน้ำได้สังเคราะห์แสงเองจนเกิดเป็นสีแดงนี้ขึ้นมา อีกทั้งยังทำให้เกิดแร่ธาตุ(เกลือ) เนตรอน คือน้ำมีสภาพคล้านน้ำปูน มีปริมาณความเข้มข้นสูง มีค่าความเป็นด่างสูงถึง 9-10.5 ซึ่งใกล้เคียงกับแอมโมเนีย ที่มีฤิทธิ์การกัดกร่อนที่สูงมาก และอุณหภูมิของน้ำยังสูงถึง 60 องศาเซลเซียส อีกด้วย

06

หากสัตว์ชนิดตกลงไปในน้ำนี้ก็จะไม่สามารถทนต่อการกัดกร่อนนี้ได้ และส่วนมากก็จะพบซากสัตว์ที่ตกไปในน้ำ มีสภาพแข็งเหมือนปูนเหมือนหิน เพราะถูกโซเดียมคาร์บอเนตเกาะนั่นเอง

 

3. เจลลี่ฟิชเลค (Jellyfish Lake)
สาธารณรัฐปาเลา

07
Cr. Mashable

เจลลี่ฟิชเลค (Jellyfish Lake) ตั้งอยู่ใน สาธารณรัฐปาเลา(Republic of Palau) เป็นประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ ไปประมาณ 500 กิโลเมตร ที่นี่มีสถานที่ขึ้นในเรื่องของทะเล นักท่องเที่ยวต่างชอบพากันมาดำน้ำ และชมธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ อย่างเช่น เจลลี่ฟิชเลค (Jellyfish Lake) ทะเลสาบแมงกะพรุนไร้พิษ

08 09

หลายคนคงรู้กันดีว่า แมงกะพรุน นั้นเป็นสัตว์มีพิษที่ทุกคนต้องหนีออกห่าง แต่ที่ปาเลานี้ เราสามารถว่ายน้ำกับแมงกะพรุนได้โดยไร้กังวล เพราะแมงกะพรุนที่นี่ไม่มมีพิษ ลักษณะเด่นของพวกมันจะเป็นสีทอง และจะเรืองแสงสีชมพู-ม่วง มีขนาดประมาณลูกฟุตบอล

4. ลา เบรีย พิตช์เลค (La Brea Pitch Lake)
สาธารณรัฐตรินิแดดและโตเบโก

10
Cr. Amusing Planet

ทะเลสาบ ลา เบรีย พิตช์ เป็นทะเลสาบยางมะตอย และเป็นแหล่งกำเนิดยางมะตอยตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในเมือง La Brea สาธารณรัฐตรินิแดดและโตเบโก ทะเลสาบแห่งนี้เป็นทะเลสาบที่ไม่มีน้ำ แต่ว่ามียางมะตอยที่กำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่เต็มไปหมด มีขนาดราว 40 เฮคเตอร์และมีความลึกราว 75 เมตร

ทางด้านของนักวิทยาศาสตร์นั้นเชื่อว่า ในส่วนของพื้นดินใต้ทะเลสาบ Pitch Lake นั้นมีรอยเลื่อนของเปลือกโลก 2 รอยมาบรรจบกันและดันน้ำมันดิบที่อยู่ใต้ดินให้ขึ้นมาตามรอยแยกใต้ทะเลสาบ ซึ่งน้ำมันดิบที่ว่านี้เมื่อผสมเข้ากับเศษกรวดหินดินทรายเป็นเวลานับล้านๆ ปี จนทำให้กลายเป็นยางมะตอยตามธรรมชาตินั่นเอง

11

ยางมะตอยที่ได้จากทะเลสาบแห่งนี้นั้นมีคุณภาพดีเยี่ยม และนี่เป็นอีกสาเหตุให้ยางมะตอยจากทะเลสาบแห่งนี้เป็นสินค้าออกที่สำคัญของประเทศตรินิแดด โดยถนนบางสายในเมืองนิวยอร์ก ก็ใช้ยางมะตอยจากที่นี่ไปทำถนน

 

5. บอยลิ่งเลค (Boiling Lake)
รัฐโดมินิกา

12

ทะเลสาบเดือด บอยลิ่งเลค ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติมอร์น ทรอยส์ พิตอนส์ รัฐโดมินิกา มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก สาเหตุที่เรียกว่า ทะเลสาบเดือด ก็เพราะในบ่อจะมีไอเดือดผุดขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา อุณหภูมิที่เคยวัดได้อยู่ที่ 82 – 91.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นเพียงอุณหภูมิริมทะเลสาบเท่านั้น ส่วนตรงกลางบ่อยังไม่มีใครสามารถวัดผลที่แน่นอนได้

13

ตัวบ่อความกว้างของบ่อประมาณ 60 เมตร ลึก 59 เมตร หากคนที่ต้องการเข้าไปท่องเที่ยวจะต้องมีสภาพร่างกายพร้อม เพราะตั้งอยู่ในป่าที่มีภูเขาและทางลาดชัน เดินเท้ากว่า 13 กิโลเมตร

6. ลากูนา โคโลราดา (Laguna Colorada)
ประเทศโบลิเวีย

14
Cr. Places To See In Your Lifetime

ทะเลสาบเกลือ หรือ ทะเลสาบสีแดง ตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์แห่งชาติ Eduardo Avaroa Andean Fauna National Reserve ของประเทศโบลิเวีย อยู่ใกล้กับชายแดนติดประเทศชิลี และตั้งอยู่บนความสูงถึง 4,267 เมตร

15
Cr. Atlas Obscura

16
Cr. Magnific Places

ทะเลสาบเกลือ หรือ ทะเลสาบสีแดง แห่งนี้ มีสารบอแรกซ์สีขาวที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และมีส่วนที่เป็นสีแดง ที่เกิดจากสาหร่ายสีแดง แพลงก์ตอน และจุลินทรีย์อีกหลายชนิด เมื่อมาที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นนกฟลามิงโกเป็นจำนวนมาก เพราะในทะเลสาบนี้เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของนกฟลามิงโกนั่นเอง

 

7. ทะเลสาบเมดิซีน (Medicine Lake)
รัฐแอลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา

17
Cr. Expedia

ทะเลสาบเมดิซีน ตั้งอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ ในรัฐแอลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา ที่แห่งนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ทะเลสาบมหัศจรรย์ เพราะในช่วงฤดูร้อนนักท่องเที่ยวจะได้เห็นความสวยงามของวิวทะเลสาบ และเมื่อเข้าหน้าหนาวน้ำกลับแห้งหายไปแทบทั้งหมด นั่นก็เพราะ น้ำได้ไหลซึมลงไปใต้ดิน นับเป็นการระบายน้ำของธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์มากๆ

18

และความจริงอีกอย่างก็คือ ที่แห่งนี้ไม่ใช้ทะเลสาบ แต่เป็นที่รับน้ำตะหาก เชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำมาลีน ทะเลสาบมาลีน ในช่วงฤดูร้อน น้ำแข็งที่ปกคลุมภูเขาก็จะละลายและกลายเป็นน้ำไหลลงมายัง ทะเลสาบเมดิซีน แต่เมื่อเข้าฤดูหนาวน้ำก็จะแห้งเหือดไป

 

8. ทะเลสาบไนออส (Lake Nyos)
สาธารณรัฐแคเมอรูน

19

ทะเลสาบไนออส ตั้งอยู่ในเขตนอร์ทเวสต์ รีเจียน (Northwest Region) ที่แห่งนี้ได้รับฉายาว่า ทะเลสาบมรณะ เพราะทะเลสาบปล่องภูเขาไฟ ใต้พื้นทะเลสาบนั้นเป็นที่เก็บสะสมแมกมา เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไหลออกมาปะปนในน้ำ จนทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี เกิดแรงดันใต้น้ำ และระเบิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง

20
21
Cr. Atlas Obscura

เคยมีการบันทึกในประวัติศาสตร์ว่าได้เกิดปรากฏการณ์ทะเลสาบพลิกกลับ ทะเลสาบไนออสเกิดแรงดันใต้น้ำ ทำให้เกิดระเบิดพุ่งขึ้นเหนือน้ำกว่า 300 ฟุต และตามมาด้วยลูกเล็กๆ อีกครั้งครั้ง ซึ่งการระเบิดครั้งนี้ส่งผลให้เกิดการกระจายของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นจำนวนมาก และส่งผลให้ประชาชน สัตว์เลี้ยง และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ภายในรัศมีเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

9. ทะเลสาบเดดซี (Dead Sea)
ประเทศจอร์แดนและอิสราเอล

22
Cr. www.iises.net

ทะเลสาบเดดซี หรือ ทะเลมรณะ เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีความเข้มข้นของเกลือสูงมาก และเค็มที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ตรงเขตแดนประเทศจอร์แดนและอิสราเอล

ทะเลสาบเดดซี มีความยาว 76 กิโลเมตร กว้างถึง 18 กิโลเมตร มีจุดที่ลึกที่สุดคือ 400 เมตร และอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 417.5 เมตร ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่ ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลกอีกแห่งด้วย

23

ทะเลสาบนี้ไม่มีทางออกสู่ทะเลแห่งอื่นเลย มีเพียงแม่น้ำจอร์แดนที่ไหลลงสู่ทะเลเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปน้ำในทะเลนี้ระเหยขึ้นทำให้เกลือในทะเลสาบเดดซีตกค้างอยู่ในบริเวณเดิมน้ำในทะเลสาบเดดซีจึงมีความเค็มมากกว่าน้ำทะเลปกติถึง 6 เท่า เป็นทะเลที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย ยกเว้นแต่แบคทีเรียและเห็ดราบางชนิด

24

และเนื่องจากทะเลสาบเดดซี มีปริมาณเกลือเข้มข้นมาก ทำให้เราสามารถลอยอยู่เหนือผิวน้ำได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะจม จึงเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันมาก

10. ทะเลสาบสุพีเรีย (Lake Superior)
สหรัฐอเมริกา

25

อย่าเพิ่งตกใจ! ที่เห็นนี้ไม่ใช่ทะเล แต่เป็นทะเลสาบจริงๆ .. ที่แห่งนี้ชื่อว่า ทะเลสาบสุพีเรีย เป็นทะเลสาบในกลุ่มทะเลสาบเกรตเลกส์ มีพื้นที่ 84,000 ตารางกิโลเมตร เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ และจัดเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก

26 27
www.northernimages.com

ตั้งอยู่ระหว่างรัฐมินนิโซตา รัฐมิชิแกน และรัฐวิสคอนซินของสหรัฐอเมริกา กับรัฐออนแทรีโอของประเทศแคนาดา ทะเลสาบสุพีเรีย จะมีคลื่นลมแรงมากจนทำให้เกิดเป็นคลื่น โดยวัดความสูงของคลื่นได้ตั้งแต่ 1-30 ฟุต ไปจนถึง 2-6 ฟุต

ขอบคุณที่มา : http://edition.cnn.com

เรียบเรียงโดย : Travel MThai

5 โรงแรมสุดครีเอท ฉีกกฎออกจากกรอบเดิม

01

ท่านคงเคยเห็นเหล่าโรงแรมสุดแปลกจากทั่วโลกกันมาบ้าง ซึ่งนับวันก็ยิ่งมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บางแห่งก็ออกแบบด้วยแนวคิดสุดสร้างสรรค์ สร้างจุดเด่นให้กับตัวเอง จนเป็นที่ดึงดูดจากนักท่องเที่ยว ให้อยากมาเยือนดูสักครั้ง และวันนี้ travel.mthai.com ได้รวบรวม 5 โรงแรมสุดครีเอท ใหม่ล่าสุดของโลก ที่จะพาคุณลอยล่องเหนือจินตนาการ กับที่พักที่คุณแทบจะไม่มีดอกาสสัมผัสได้ในชีวิตจริง จะเจ๋งแค่ไหน ต้องดู

 

  1. ยีราฟ เมเนอร์ ประเทศเคนยา

01
ภาพจาก : www.architecturendesign.net

ที่ประเทศเคนย่า โรงแรมนี้จะพาคุณไปอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบซาฟารี คุณจะได้ใกล้ชิดกับสัตว์ ด้วยการป้อนอาหารจากทางหน้าต่างของห้องอาหาร เจ้ายีราฟ จะทำให้คุณหลงรักอย่างแน่นอน

 

  1. ฟรี สปิริต สเฟียร์ส ประเทศแคนาดา

02
ภาพจาก www.wearetraveller.com

โรงแรมสุดอินดี้แห่งนี้ ตั้งอยู่บนเกาะแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ด้วยห้องพักทรงกลม ตระหง่านอยู่บนต้นไม้คล้ายรังนก ให้คุณได้สัมผัสอิสระ ใกล้ชิดกับผืนป่า และสูดอากาศอันบริสุทธิ์ให้ชุ่มปอด

 

  1. ไอซ์ โฮเทล ประเทศสวีเดน

03
ภาพจาก www.icehotel.com

โรงแรมน้ำแข็ง แห่งประเทศสวีเดน แน่นอนว่าทั้งโรงแรมทำจากประติมากรรมน้ำแข็งสุดยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ห้องพัก ล็อบบี้ บาร์ ห้องอาหาร ต่างเป็นน้ำแข็งทั้งสิ้น แถมยังมีที่จัดเลี้ยงสำหรับงานแต่งงานอีกด้วย เก๋มาก หนาวมาก

 

  1. ปาลาซิโอ เดอ ซาล ประเทศโบลิเวีย

04
ภาพจาก www.roughguides.com

โรงแรมเกลือ แห่งประเทศโบลิเวีย เนื่องด้วยที่ตั้งของโรงแรม เป็นเหมือนหาดนาเกลือกว้างใหญ่ไกลลิบตา ซึ่งมีชื่อเสียงอยู่แล้ว ทำให้เกิดการปิ๊งไอเดีย สร้างโรงแรมจากเกลือ ทั้งผนัง เฟอร์นิเจอร์ แทบทุกอย่างมันคือ เกลือ !!

 

  1. คารอสตา พริซัน โฮเทล ประเทศลัตเวีย

05
ภาพจาก good-kovka.com

ประเทศเล็กๆ ในแถบยุโรปตะวันออกอย่าง ลัตเวีย ได้ซ่อนโรงแรมสุดแปลกเอาไว้ ที่จะจำลองจองจำคุณในธีมนักโทษ ทั้งภายนอกและภายในถูกออกแบบให้เป็นคุก พร้อมต้อนรับคุณด้วยกิจกรรมของนักโทษไว้อย่างครบครัน

 

ขอบคุณที่มา : Mono 29

เรียบเรียงโดย : Travel MThai