10 โบสถ์สวยในไทย ที่ต้องไปเยือนสักครั้ง!

1

วันนี้เราจะพาไปชม 10 โบสถ์สวยในไทย ที่ทุกคนต้องไปเยือนให้ได้สักครั้ง เพราะแต่ละที่นั้นมีความงดงาม อลังการ มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย หากเราไปเที่ยวจังหวัดนั้นๆ เราแนะนำเลยว่า โบสถ์สวยเหล่านี้จะต้องอยู่ในลิสท์การท่องเที่ยวของเพื่อนๆ ห้ามพลาดเด็ดขาด! ^^

10 โบสถ์สวยในไทย ที่ต้องไปเยือนสักครั้ง!

  1. อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล จันทบุรี

1

สถาปัตยกรรมแบบโกธิค ประดับตกแต่งด้วยกระจกสีสแตนกลาส (สวยที่สุดในอาเซียน) โบสถ์แห่งนี้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก เป็นวิหารเก่าแก่ผ่านสมัยสงครามครั้งที่ 2 อายุกว่าสองร้อยเจ็ดสิบปีตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจันทบุรีในเขตอำเภอเมืองจันทบุรี ตัวอาคารสร้างตามศิลปะแบบโกธิคที่สวยงามอลังการ ตัวโครงสร้างอาคารเป็นแบบเดียวกับวิหารนอทเทอร์ดัมของปารีส ด้านหน้าโบสถ์มีพระรูปของพระแม่มารีทรงประทับยืนโดดเด่นเป็นสง่าสวยงาม ส่วนภายในตกแต่งด้วยกระจกสีและลวดลายบนผนังที่อ่อนช้อยงดงาม

อ่านเพิ่มเติม : https://travel.mthai.com/blog/138842.html
ก่อนเข้าชมโปรดติดต่อล่วงหน้าที่ โทร.0-3931-1578

  1. อาสนวิหารพระแม่บังเกิด สมุทรสงคราม

2

โบสถ์เก่าแก่อายุกว่าร้อยปี ตั้งอยู่ที่ตำบลบางนกแขวก อำเภออัมพวา เป็นโบสถ์ในนิกายคาทอลิกที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมโกธิคของประเทศฝรั่งเศส ตัวอาคารมีโดมยอดแหลมแลดูสวยงามเหมือนปราสาทในยุโรป ไฮไลท์ของที่นี่คือกระจกสีโบราณที่นำมาจากฝรั่งเศสอายุเก่าแก่พอๆ กับโบสถ์ที่ยังคงความสดใสงดงามอยู่ นอกจากนี้ยังมีแนวซุ้มประตูทางเดินที่เรียงตัวตรงกันอย่างเป็นระเบียบ

ก่อนเข้าชมกรุณาติดต่อบาทหลวง โทร. 0-3476-1347

  1. โบสถ์คริสต์พระหฤทัย ราชบุรี

3

หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าโบสถ์วัดเพลง เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกอายุกว่าร้อยปีที่ตั้งอยู่ริมคลองแควอ้อม ในอำเภอวัดเพลง โบสถ์แห่งนี้เป็นลูกวัดของอาสนวิหารพระแม่บังเกิดที่จังหวัดสมุทรปราการ ตัวโบสถ์สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมโกธิค มีจุดเด่นอยู่ที่ยอดโดมแหลมที่อยู่คู่กันขนาบข้างหน้าตัวอาคาร พร้อมกับลายปูนประดับที่วิจิตรบรรจง

ก่อนเข้าชมโปรดติดต่อทางเจ้าหน้าที่ โทร. 0-3236-3022

  1. อาสนวิหารพระหฤทัย เชียงใหม่

4

เป็นโบสถ์คาทอลิกแห่งแรกของภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำปิงด้านตะวันตก ในตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ สร้างด้วยสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ตามแบบยุโรป ตัวอาคารทรงเหลี่ยมหลังคาจั่ว มียอดโดมประดับไม้กางเขน ดูสวยงามและทันสมัย ห้องโถงมีขนาดใหญ่สามารถจุคนได้มากถึง 600 คน

ก่อนเข้าชมควรติดต่อแจ้งทางบาทหลวงล่วงหน้าที่ โทร. 0-5327-1859

  1. อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล สกลนคร

5

ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าแร่ อำเภอเมืองสกลนคร ชุมชนคริสต์ท่าแร่เป็นชุมชนเก่าแก่ที่อพยพมาจากเวียดนามเมื่อกว่า 130 ปีที่แล้ว อาสนวิหารในปัจจุบันเป็นวัดหลังที่ 3 ตัวโบสถ์ออกแบบและสร้างด้วยสถาปัตยกรรมสมัยใหม่คล้ายเรือขนาดใหญ่สีขาว จุดเด่นภายในวิหารคือเสากางเขนไม้สักซึ่งเป็นเสาดั้งเดิมตั้งอยู่บนพระแท่น นอกจากนี้ยังมีรูปสลักพระมารดาแห่งมรณสักขีสองคอนขนาดใหญ่ทำจากไม้มะยมหอม

  1. โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้ ยโสธร

6

เรียกอีกชื่อว่าวัดอัครเทวดามีคาแอล เป็นโบสถ์นิกายโรมันคาทอลิกที่สร้างด้วยไม้มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเสาไม้เกือบสามร้อยต้นและใช้ไม้มุงหลังคากว่าแปดหมื่นแผ่น ตัวอาคารสร้างแบบสถาปัตยกรรมไทยมีอายุกว่า 50 สามารถจุคนได้กว่าพันคนด้านข้างมีหอระฆังสูงที่สร้างตามแบบวัดไทย นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ใช้จัดพิธีสมรสหมู่แบบคาทอลิกในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ไปเที่ยวชมโบสถ์แห่งนี้ได้ที่อำเภอไทยเจริญ

  1. อาสนวิหารอัสสัมชัญ กรุงเทพ

7

หรือที่เรียกว่าโบสถ์อัสสัมชัญ ตั้งอยู่ในเขตบางรัก เป็นอาสนะวิหารนิกายโรมันคาทอลิกอายุเก่าแก่กว่า 200 ปีสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบเรเนอซองส์สวยงามอลังการ ภายในตกแต่งด้วยหินอ่อนและกระจกสีจากฝรั่งเศสและอิตาลี พร้อมด้วยประติมากรรมทางศาสนาคริสต์และจิตรกรรมภาพเขียนสีเฟรสโก้ ซึ่งเป็นเทคนิคการเขียนสีลงบนปูนขณะที่ปูนยังไม่แห้ง โบสถ์แห่งนี้เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่นิยมใช้จัดงานแต่งงาน

  1. โบสถ์ซางตาครู้ส กรุงเทพ

8

มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าวัดกุฎีจีน เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกอายุประมาณร้อยปี ตั้งอยู่ในชุมชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ซึ่งแต่เดิมสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงพระราชทานที่ดินให้กับชาวโปรตุเกสที่อพยพมาจากกรุงศรีอยุธยา ตัวอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิคผสมเรเนอซองส์ มียอดโดมเป็นหอระฆังแปดเหลี่ยมประดับไม้กางเขน

ก่อนจะเข้าชมสถานที่ต้องขออนุญาตกับทางเจ้าหน้าที่โบสถ์ฯ ก่อน โทร. 0-2472-0153 – 4

  1. โบสถ์กาลหว่าร์ กรุงเทพ

9

หรือที่รู้จักกันในชื่อวัดแม่พระลูกประคำ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมนีโอโกธิค มีอายุกว่าสองร้อยปี ด้านหน้าโบสถ์เป็นโดมยอดแหลมภายในโบสถ์มีรูปปั้นพระศพของพระเยซูเจ้า รวมไปถึงรูปปั้นแม่พระองค์อุปถัมภ์และรูปพระนางมารีอาในท่าประทับยืนบนดวงจันทร์ที่ชาวโปรตุเกตนำมาจากกรุงศรีอยุธยาในคราวที่เสียกรุงแก่พม่า

  1. โบสถ์เซนต์ฟรัง กรุงเทพ

10

เรียกชื่อเต็มว่าวัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ อยู่ในเขตดุสิต เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกที่สร้างขึ้นในสมัยรัชการที่ 3 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานที่ดินให้กับชาวคริสตังญวณที่หนีการเบียดเบียนศาสนามาจากเวียดนามเพื่อสร้างเป็นโบสถ์ จุดเด่นของสถานที่แห่งนี้คือพระรูปแม่พระและรูปนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ที่นำมาจากมะนิลา

ขอบคุณรูปภาพและข้อมูล https://www.skyscanner.co.th

11 สถานที่ชวนหลอน อาถรรพ์สุดเฮี้ยน

1

สถานที่ต่อไปนี้เป็นสถานที่ที่มีอยู่จริง และได้ถูกกล่าวกันว่าเป็นสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก โดยแต่ละสถานที่มีประวัติอันน่าสยองและมีเรื่องเล่าต่างๆมากมายเกี่ยวกับสถานที่เหล่านี้

11 สถานที่ชวนหลอน
อาถรรพ์สุดเฮี้ยน

เกาะฮาชิมะ ประเทศญี่ปุ่น

2

เกาะฮาชิมะ จังหวัดนางาซากิของญี่ปุ่น เกาะแห่งนี้ไม่มีเรื่องเล่าอะไรมากไปกว่าเหมืองถ่านหินเก่าและสถานที่คุมขังนักโทษสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งถูกปล่อยทิ้งร้างไว้นับ 40 ปีแล้ว แต่แม้จะไม่มีประวัติความเป็นมายาวนานว่าเคยมีคนตายอยู่บนเกาะนี้นับพันนับหมื่นชีวิต แต่หากดูจากสภาพความรกร้างบนเกาะ ตึกเก่าที่สุดแสนจะทรุดโทรมแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงไม่อยากจะไปนอนค้างอ้างแรมที่นั่นแน่ ๆ

ส่วนเรื่องความเฮี้ยนดูเหมือนจะพอมีมาให้ได้ยินอยู่บ้าง เมื่อกองถ่ายภาพยนตร์ Battle Royale ได้เจอกับบุคคลปริศนาที่ไม่ใช่ทีมงานโผล่เข้ามาติดในฉาก และที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือนักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่นได้ถูกผีสิงจนต้องหยุดพักกองไปหลายวันเลยทีเดียว

Leap Castle ปราสาทซากศพ

3

ปราสาทแห่งหนึ่งในไอร์แลนด์ ล่ำลือกันว่าเป็นสถานที่ที่หลอนที่สุดในโลก เพราะในระหว่างการซ่อมบูรณะบำรุง คนงานได้เจอกับถ้ำประหลาดที่คาดไม่ถึง ซึ่งในถ้ำสามารถเข้าได้ทางเดียวนั่นก็คือประลับบนหลังคา คนงานที่มาซ่อมปราสาทได้เจอกับ กระบะรถเข็นขนาดใหญ่ 3 คันที่เต็มไปด้วยซากโครงกระดูกมนุษย์ ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ปราสาทแห่งนี้ในช่วงยุคโบราณ แต่ล่ำลือกันว่าซากกระดูกเหล่านี้คือกระดูกของนักโทษเชลย ซึ่งถูกสังหารอย่างทารุณและนำไปทิ้งไว้ในถ้ำลับ

ซินซินแนติ รัฐโอไฮโอ

4

ซินซินแนติ เป็นเมืองที่รุ่งเรืองในยุคศตวรรตที่ 19 และรัฐบาลได้ตัดสินใจที่จะสร้างระบบรถไฟใต้ดินขึ้น แต่ว่าในช่วงที่กำลังก่อสร้าง เงินทุนได้หมดซะก่อน ทำให้สถานีรถไฟภายในระบบรถไฟขนาดใหญ่แห่งนี้ ถูกทิ้งร้าง และ ไม่มีใครกล้าเข้าไป เนื่องจากความมืดและเรื่องเล่าน่ากลัวต่างๆเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ เช่น ผี หรือ สัตว์ประหลาดที่ซ่อนอยู่ภายใน

Island of the Dolls เกาะตุ๊กตาผี

5

นอกตัวเมือง Maxico City มีการทำคูน้ำใช้เป็นทางเดินของน้ำ ซึ่งทำให้เกิดเกาะเล็กๆมากมายหลายเกาะรอบบริเวณ ซึ่ง หนึ่ง ในเกาะเหล่านั้น ถูกเรียกว่า “เกาะตุ๊กตาผี” ที่ได้ชื่อนี้มาก็เพราะว่า บนเกาะเต็มไปด้วยตุ๊กตาและชิ้นส่วนตุ๊กตา ถูกเก็บไว้ตามจุดต่างๆบนเกาะเป็นจำนวนมาก

การกระทำนี้เกิดจากชายชื่อว่า จูเลียน ซันทานา บาร์เรรา ที่เก็บสะสมตุ๊กตา เพื่อให้ศพเด็กสาวที่เขาพบในคูน้ำข้างๆเกาะไปสู่สุขติและไม่โดดเดี่ยวในปรโลก ต่อมานายจูเลียน ถูกพบเสียชีวิตในคูน้ำเดียวกับที่เด็กหญิงเสียชีวิต แต่เหตุผลมาจากอะไรคงไม่สำคัญเท่า เขาได้เปลี่ยนเกาะธรรมดาๆ ให้กลายเป็น เกาะเขย่าขวัญ ซึ่งผู้ที่ได้มาเยือนเหมือนจะถูกจับจ้องจากทุกสายตาของบรรดาตุ๊กตาผีที่สิงอยู่บนเกาะและเขาว่ากันว่ามีคนเคยเห็นตุ๊กตาบนเกาะนี้หันหัวไปมาได้เอง

The Overtoun Bridge สะพานอาถรรพ์

6

เป็นสะพานข้ามแม่น้ำแห่งหนึ่งในสก็อตแลนด์นั่นเอง ซึ่งเรื่องเล่าของสะพานแห่งนี้ ตั้งแต่ถูกสร้างขึ้นมาในทุกๆปี มีผู้คนมากระโดดฆ่าตัวตายที่สะพานแห่งนี้มากกว่า 600 คนแต่นั่นยังไม่น่าแปลกใจเท่ากับเรื่องที่ว่ามีสุนัขไม่ต่ำกว่า 15 ตัว กระโดดฆ่าตัวตาย(แม้แต่หมาที่ไม่น่าจะมีความคิดฆ่าตัวมันเอง) ทำให้ถูกกล่าวขานว่าเป็นสะพานอาถรรพ์

สวนสนุก Chernobyl

7

สวนสนุกในยูเครน ที่ถูกวางแผนให้มีการเปิดทำการในวันที่ 1 พฤกภาคม 1986 แต่ 5 วันก่อนเปิดทำการได้เกิดเหตุภัยร้ายแรงทางด้านนิวเคลียร์ที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่มนุษย์รู้จักกับนิวเคลียร์ก็คือ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในสหภาพโซเวียด ได้เกิดการระเบิดขึ้นหลังจากการทดลองเกี่ยวกับระบบหล่อเย็น ของเตาปฏิกรณ์ ทำให้เกิดการระเบิด

การระเบิดนี้ ได้ทำให้ฝุ่นควันกัมมันตภาพรังสี ฟุ้งกระจายไปบนชั้นบรรยากาศ เมืองทั้งเมืองตกปกคลุมอยู่ภายใต้ฝุ่น มีผู้เสียชีวิตทันทีหลายสิบคน และ ที่เสียชีวิตจากการได้รับสารกัมมันภาพรังสีเกิดกว่าปกติที่มนุษย์จะรับได้ ประชากรทั้งหมดก็ถูกอพยพ ทำให้กลายเป็นเมืองร้างในที่สุด

ป่าอาโอกิกาฮาระ ประเทศญี่ปุ่น

8

ป่าอาโอกิกาฮาระ เป็นผืนป่าพื้นที่ราว 35 ตารางกิโลเมตรที่ทอดตัวอยู่บริเวณเชิงภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหากมองเผินๆแล้วก็เป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ผืนหนึ่ง แต่ใครเลยจะเชื่อว่าป่าแห่งนี้มีผู้มาฆ่าตัวตายเฉลี่ยปีละ 100 คน

ปรากฏการณ์ฆ่าตัวตายนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อนักเขียนเซโช มัตสึโมโต ได้เขียนนิยายเรื่อง คุโรอิ ไคจู ขึ้นมา และใช้ป่าแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ตัวละคร 2 ตัวมาฆ่าตัวตาย หลังจากนั้นมาก็มีคนแห่มาฆ่าตัวตายในป่าแห่งนี้อยู่บ่อย ๆ จนต้องมีการติดป้ายเตือนใจประเภท “ชีวิตมีค่า โปรดคิดอีกครั้ง” หรือ “คิดถึงครอบครัวก่อนจะทำอะไรลงไป” กันเลยทีเดียว

บ้านบอร์ลีย์

9

บ้านบอร์ลีย์ เป็นแมนชั่นสไตล์วิคตอเรียในมณฑลเอสเส็กซ์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านที่หลอนที่สุดในอังกฤษ สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1862 เพื่อให้เป็นที่พักสำหรับนักบวช แต่นับตั้งแต่สร้างเสร็จก็มีการพบเห็นวิญญาณอยู่เรื่อยมา

มีเรื่องเล่าว่า มีนักบวชรายหนึ่งตกหลุมรักแม่ชีในโบสถ์ที่อยู่ใกล้ๆ จึงวางแผนที่จะหนีตามกันไป แต่บาทหลวงจับได้ก่อน นักบวชรายนี้จึงผูกคอตายอยู่บริเวณบ้านบอร์ลีย์ ส่วนแม่ชีที่สมรู้ร่วมคิดนั้นถูกฝังทั้งเป็น จากนั้นทั้งคู่จึงเป็นผีหลอกหลอนคนที่ย่างกรายเข้าไปบริเวณนี้อยู่เป็นประจำ

ตุ๊กตาผีสิง เวสต์ ฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา

10

เมืองคีย์ เวสต์ ฟลอริด้า เป็นชุมชนเล็กๆ ที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมีตำนานเรื่องผีมากมาย เพราะเมืองนี้เคยเป็นเมืองแห่งสมรภูมิสงครามกลางเมือง เกาะโจรสลัด และอาชญากรอื่นๆ สถานที่เก็บศพ และเป็นสถานที่ที่นิยมของพวกชอบเรื่องราวลึกลับมากมาย

ความสยองของเมืองนี้ที่รู้จักกันดีก็คือ ตุ๊กตาผีสิง “โรเบิร์ด” ที่มีอายุกว่า 105 ปี โดยเล่ากันว่ามันเป็นของขวัญของลูกโรเบิร์ด ยูจีน ออตโต เมื่อปี 1904 โดยเชื่อว่าตุ๊กตาดังกล่าวต้องมนต์คำวูดูของคนใช้ที่ไม่พอใจตระกูลนี้

โดยคนในครอบครัวโรเบิร์ดอ้างว่าระหว่างอยู่กับตุ๊กตา เขาได้ยินตุ๊กตาพูดได้ เดินได้ ชอบทำของเล่น และของใช้ในบ้านเสียหายอยู่เสมอ นอกจากนั้นยังมีความคิดที่จะฆ่าเขาด้วย จนในที่สุดตุ๊กตาดังกล่าวจึงถูกเก็บไ้ว้ในห้องใต้หลังคา หลังจากที่ยูจีนเสียชีวิตในปี 1974 ครอบครัวใหม่ก็มาซื้อบ้านหลังดังกล่าว และได้ยินเสียงตุ๊กตากรีดร้อง และเิดินเข้ามาทำร้ายลูกสาวของเขา

เมืองเกตตีสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย
ประเทศสหรัฐอเมริกา

11

เป็นที่รู้จักในแง่ของแหล่งท่องเที่ยวที่คงความสยองเมื่อนึกถึง เนื่องจากปี 1863 นั้น ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของสงครามกลางเมืองอเมริกา โดยเป็นการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายสหรัฐอเมริกา นำโดยนายพลจอร์จ กอร์ดอน มีด กับฝ่ายสมาพันธรัฐอเมริกา นำโดยนายพลโรเบิร์ต เอ็ดเวิร์ด ลี การปะทะกันกินเวลาทั้งสิ้น 3 วัน ยุทธการดังกล่าวนับว่าเป็นสมรภูมิที่นองเลือดมากแห่งหนึ่งในสงครามกลางเมืองอเมริกา โดยมียอดผู้เสียชีวิตเกือบ 10,000 คน และบาดเจ็บอีกเกือบ 30,000 คน

ทุกวันนี้ยังมีเรื่องน่าขนลุก ไม่ว่าจะเป็นบ้านร้าง สวนสาธารณะ หลายคนเคยได้ยินเสียงผีทหารที่ตายในสนามรบร้องครางด้วยความโหยหวน

Balete Drive นิว มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

12

ซึ่งพื้นที่แห่งนี้เรียกได้ว่าพื้นที่ต้องสาปเลยทีเดียว เพราะที่นี้เต็มไปด้วยเรื่องผีมากมาย ทั้งต้นไทรคำสาป บ้านผีสิง และที่น่ากลัวที่สุดคือผีที่ปรากฏที่กลางถนน และสร้างความหายนะแก่ผู้คน นั่นก็คือหญิงในชุดขาวที่เล่ากันว่าเธอถูกข่มขืน และฆ่าโดยทหารญี่ปุ่นในสงครามโลก

โดยเธอมักปรากฏตัวในรูปของผู้หญิงใส่ชุดสีขาว ผมดำยาวไร้หน้า และยืนเลือดท่วมอยู่กลางถนนตอนกลางคืน จนมีคำแนะนำว่าให้ผู้ขับขี่หลีกเลี่ยงถนนในเวลากลางคืน โดยเฉพาะหากขับรถมาคนเดียว หากจำเป็นก็อย่ามองด้านหลังที่กระจก ไม่เช่นนั้นผีจะขึ้นรถในสภาพเลือดท่วม และสร้างหายนะกับผู้ขับขี่

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : tourkrub.co
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ :

  • Website tourkrub.co
  • Facebook Page  https://www.facebook.com/tourkrub.co

เรียบเรียงโดย: Travel MThai