ถ้าพูดถึงประเทศญี่ปุ่น คนไทยเราจะนึกถึง สถานที่เที่ยวในโตเกียว เกียวโต โอซาก้า ฟุกุโอกะ ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าอยากลองสัมผัสฟิวธรรมชาติ ได้เจอกวาง หรือ สุนัขจิ้งจอกตัวเป็นๆ ออกมาเดินหากินให้เห็นเป็นเรื่องปกติ หรืออยากจะลิ้มรสซาซิมิ อาหารญี่ปุ่นสดๆ หวานฉ่ำอย่างแท้จริง ต้องห้ามพลาด!! ที่ วักกะไน (Wakkanai) เมืองเหนือสุดของเกาะ Hokkaido ประเทศญี่ปุ่น
วักกะไน (Wakkanai)
ฟาร์มเลี้ยงวัวชั้นยอด ของฮอกไกโด
วักกะไน (Wakkanai) มีความหมายว่า “แม่น้ำหนาวเย็น” ดินแดนรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในกิ่งจังหวัดโซยะ ของจังหวัดฮอกไกโด และจัดว่าเป็นเมืองที่อยู่เหนือสุดในประเทศญี่ปุ่น โอบล้อมด้วยทะเลโอโคสึ (Okhotsk) เมืองวักกะไนมีประชากรอาศัยอยู่ 35,051 คน แบ่งเป็นเมือง ตำบล และหมู่บ้านได้ 10 แห่ง ผู้คนในเมืองวักกะไนส่วนใหญ่จะทำอาชีพประมง โดยเฉพาะอาหารทะเล แปรรูปสินค้าทะเล และอาชีพชาวไร่ชาวนาปลูกข้าว มีฟาร์มเลี้ยงวัวชั้นยอดของฮอกไกโดอีกด้วย
“ดาชิโนะซุเกะ”
มาสคอตประจำเมืองวักกะไน (Wakkanai)
ความน่ารักของประเทศญี่ปุ่น ก็คือแต่ละเมืองเขาจะคิดตัวมาสคอตขึ้นมา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนั้นๆ สำหรับมาสคอตของเมืองวักกะไน ก็คือ เจ้าดาชิโนะซุเกะ เป็นแมวน้ำลายจุด ที่มีลำตัวด้านล่างเป็นสาหร่าย เพราะวักกะไนมีแมวน้ำลายจุด และสาหร่ายทะเล”ริชิริ” (Rishiri) อยู่เป็นจำนวนมาก
หลายคนเพิ่งเคยได้ยินชื่อเมือง Wakkanai (วักกะไน) เป็นครั้งแรก!! และสงสัยว่าเหนือสุดของเกาะ Hokkaido ประเทศญี่ปุ่นขนาดนี้!! จะมีอะไรน่าเที่ยว? วันนี้ Travel.MThai จึงถือโอกาสแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง Wakkanai เด็ดๆ ที่ต้องไปสัมผัสด้วยตา และคุณจะหลงเสน่ห์เมืองนี้
แหลมโซยะ (Soya Cape)
จุดเหนือสุดของญี่ปุ่น เมือง Wakkanai
เป็นแลนค์มาร์คที่ทุกคนต้องไป หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Soya Misaki (โซยะ มิซากิ) เพื่อถ่ายรูปคู่กับจุดที่อยู่เหนือสุดของญี่ปุ่นให้ได้สักครั้ง “The Northernmost Point in Japan” จากมุมนี้ด้านหน้าแหลมโซยะ ถ้าวันที่อากาศดีๆ จะเห็นเกาะใหญ่ฝั่งตรงข้ามคือ เกาะซาคาลิน (Sakhalin island ) ของประเทศรัสเซีย ระยะห่างเพียงแค่ 43 กิโลเมตรเท่านั้น
ไม่ไกลจากแหลมโซยะ มีรูปปั้นของ มามิยะ รินโซ (Mamiya Rinzo) หันหน้าไปทางทิศที่เป็นที่ตั้งของเกาะซาคาลิน นั้นเพราะเขาคือนักสำรวจที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นในปลายสมัยโชกุน และเป็นผู้ค้นพบเกาะซาคาลิน
ชมพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ สวยมาก
ส่วนเกาะเล็กๆ ทางซ้ายมือ คือเกาะริชิริและเกาะเรบุน อุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงด้านความงามของธรรมชาติและพืชพันธุ์ที่แปลกกว่าที่อื่น สามารถเดินทางไปได้ด้วยเรือโดยสาร Heart Land Ferry
อาคารสีฟ้านี้ เป็นร้านขายของที่ระลึก ไฮไลท์!! เมื่อเรามาถึงที่นี่ สามารถซื้อใบประกาศ (ราคา 100 เยน) เพื่อเป็นที่ระลึกว่าเรามาที่แห่งนี่แล้ว พร้อมประทับตราวันเวลาเสร็จสรรพ
********************************************************
แนวกำแพงกันคลื่นลม สัญลักษณ์เมืองแห่งลม
(Breakwater Dome)
มีลักษณะเป็นโดมกำแพงกันคลื่นลมทรงโค้ง สูงถึง 13 เมตร ยาว 427 เมตร เลียบตามแนวชายฝั่ง สร้างขึ้นในปี 1936 เพื่อป้องกันคลื่นและลมที่พัดเข้ามาในท่าเรือ ภายในถูกประดับด้วยเสาตามแบบโรมัน เรียกว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามจนกลายเป็นจุดถ่ายรูปที่มีชื่อเสียงของเมืองอีกแห่ง
ทางม้าลายตรงนี้ชิคสุดๆ ต้องมาเดินข้าม แล้วถ่ายภาพเหมือนวง The Beatles กันนะ
วิถีฮิปสเตอร์
ในเมื่อถนนมันโล่ง!!!
********************************************************
หาดูยาก “ถ้ำหินปูน” อายุกว่า 2 ล้าน 6 แสนปี
ถ้ำ นากะทมเบตสึ
(Nakatombetsu Cave)
ดินแดนที่เต็มไปด้วยรอยเท้าของสัตว์ป่า อย่าง สุนัขจิ้งจอก กระรอก หรือหมี แต่ที่พบได้มากที่สุด คือ กระรอกป่า และพันธุ์ไม้ต่างๆ ที่อุดมสมบูรณ์ หากมีโอกาสเดินทางในช่วงเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน เราจะได้เห็น ทุ่งพิงค์มอสสีชมพู ปกคลุมโดยรอบ
การเดินป่า อีกจุดมุ่งหมายก็เพื่อไปเยือนถ้ำหินปูน ภายในถ้ำ สามารถชมความสวยจากธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากความเป็นกรดของน้ำฝนค่อยๆ กัดกร่อนหินปูนไหลหยดลงมาเกิดเป็นถ้ำหินปูนนี้ขึ้น ตั้งแต่มหายุคซีโนโซอิก หรืออายุกว่า 2 ล้าน 6 แสนปีก่อน เรียกว่าหาดูได้ยากทั้งในญี่ปุ่นและในทางวิทยาศาสตร์
ก่อนเข้าจะต้องสวมหมวกอุปกรณ์ Safety ด้วย เนื่องจากระหว่างทางเดินเข้าไปในถ้ำ ต้องระวังศีรษะอาจโดนเพดานถ้ำที่ต่ำลงมาได้ และมีบางช่วงก็เป็นช่องแคบมากๆ ที่ต้องก้มตัวเดิน รวมไปถึงในถ้ำต้องใช้ไฟฉายส่องในการเดินทาง และเพื่อส่องดูความสวยงามตามเพดานถ้ำหินปูนที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ
ด้านในอากาศเย็นมาก จนน้ำกลายเป็นน้ำค้างเลย
********************************************************
เมืองที่ได้รับการขนานนามว่า “หอยเชลล์อร่อยที่สุด”
ซารุฟุตสึ มารุโกโตแกน
(Sarufutsu Marugotokan)
ด้านนอกร้านเป็นทุ่งหญ้าสีเขียว ตัดกับขอบฟ้าสีฟ้า อากาศดีมากๆ
ร้านนี้ตั้งอยู่ในบริเวณจุดพักรถ Sarufutsu Park เป็นร้านท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงเรื่องหอยเชลล์อร่อยและชื่อดังที่สุดในฮอกไกโด ชาวญี่ปุ่นเรียกหอยเชลล์ว่า “หอยโฮตาเตะ”
ไฮไลท์เด็ดสุดๆ ของที่นี้ เราสามารถเลือกตักหอยเชลล์ได้เองแบบสดๆ จากในตู้กระจก ลองแกะเอง ล้างเอง ย่างเอง อร่อยสุดๆ
เห็นหอยเชลล์ที่ตัวใหญ่บิ๊กเบิ้มขนาดนี้ นั่นเพราะที่นี่เขาใช้เวลาเลี้ยงหอยเชลล์ ถึง 5 ปีเลยนะคะ (ปกติเลี้ยงกันแค่ 3 ปี) ราคาของหอยเชลล์ตัวนึงอยู่ที่ 200 เยน หรือราวๆ 60 บาท แต่ถ้าย่างกินที่ร้านตัวละ 350 เยน หรือ 110 บาท มาพร้อมเซตเตาเล็กๆ เนยฮอกไกโด และโชยุจากเกาะชิโกกุ (Shikoku)
นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ อย่าง ข้าวหน้าหอยเชลล์ ปูขน และไข่แซลมอน ของขึ้นชื่อของ Sarufutsu อร่อยสดเว่อร์ ราคายกเซท 1,200 เยน (ภาพชวนน้ำลายไหล)
ภายในร้านมีผลิตภัณฑ์แปรรูปสินค้าทะเล จำหน่ายให้แก่ลูกค้านักท่องเที่ยว
********************************************************
เส้นทางโรแมนติก เต็มไปด้วยเปลือกหอยสีขาว
ตลอดเส้นทางกว่า 3 กม.
โซยะ คิวเรียว (Soya Kyuryo)
สถานที่ UNSEEN ที่ห้ามพลาด! เมื่อมาถึง Wakkanai คือที่ โซยะ คิวเรียว (Soya Kyuryo) หรือรู้จักกันในชื่อ “เส้นทางสีขาว” เป็นเส้นทางที่ปูด้วยเปลือกหอยเชลล์ หรือ หอยโฮตาเตะ ทั้งหมด ตลอดทางยาวเป็นระยะกว่า 3 กม. มุ่งหน้าสู่อ่าวโซยะ ยิ่งถ้าช่วงอากาศดีๆ เราจะได้เห็นวิวภูเขาไฟริชิริ หรือ ริชิริฟูจิ (Rishiri-Fuji) โรแมนติกมากๆ
********************************************************
ชาบูเนื้อปลาหมึก Octopus
ร้านนี้ได้ชื่อว่า อร่อยที่สุด
Kurumaya Genji
อีกหนึ่งร้านที่อยากแนะนำของเมืองนี้ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีเมนูเด็ด อย่าง Octopus Shabu Shabu ชาบูเนื้อปลาหมึก Octopus (คิดถึงหมึกพอลที่มันทายผลบอลโลกขึ้นมาเลย^^)
วิธีการทานให้อร่อย นำเนื้อปลาหมึก Octopus มาแกว่งในน้ำเดือดๆ บนหม้อชาบู 5 ครั้งเท่านั้น ทานคู่กับน้ำจิ้มชาบู จะได้ลิ้มรสความสดหวานกำลังดี นอกจากนี้ก็ยังมี เนื้อปู และไข่หอยเม่น (ดีงามมาก) ทานคู่กับข้าวสวยที่โป๊ะไข่แซลมอนเม็ดโตๆ ก่อนทานราดด้วยน้ำซอสโชยุผสมวาซาบิ อร่อยมาก
********************************************************
โรงแรมที่พักใกล้สถานีรถไฟ (JR)
ANA Crowne Plaza Wakkanai
สำหรับโรงแรมที่พักที่น่าสนใจ สะอาด ปลอดภัย และยังอยู่ใกล้ สถานีรถไฟ ( JR ) มากๆ สะดวกในการเดินทาง ก็ต้องที่นี้เลย แถมที่โรงแรมนี้มีรถจักรยานให้บริการด้วย
********************************************************
วิธีการเดินทางมาเมือง Wakkanai ด้วยตัวเอง
- แบบเร่งรีบ
สามารถนั่งเครื่องบินใบพัดของ ANA โดยขึ้นจากสนามบิน Chitose หรือ สนามบิน Haneda ไปลงที่ Wakkanai ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
- นั่งรถไฟญี่ปุ่น Japan Rail ( JR ) มาลงสถานีปลายทาง Wakkanai
3. รสบัส Soya Busจากซัปโปโร มาลงWakkanai
สนใจเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://th.visit-hokkaido.jp/
ขอขอบคุณผู้สนับสนุนการเดินทาง : องค์กรการท่องเที่ยวฮอกไกโด