“กัลปพฤกษ์” ซากุระอีสาน บานสะพรั่งสีชมพู ทั่ว ม.ขอนแก่น

“กัลปพฤกษ์” ซากุระอีสาน
บานสะพรั่งสีชมพู ทั่ว ม.ขอนแก่น

หลังจากฤดูกาลดอกไม้หน้าหนาวหมดไป ก็ถึงคิวดอกไม้หน้าร้อนออกมาโชว์ตัวบ้างแล้ว ทั้ง เหลืองอินเดีย ทางภาคเหนือ ชมพูพันธ์ทิพย์ ที่กำแพงแสน ล่าสุด กัลปพฤกษ์ หรือ ซากุระอีสาน ก็บานสะพรั่งสีชมพูทั่วมหาวิทยาลัยขอนแก่น บนเนื้อที่กว่า 5,000 ไร่

ให้มันเป็นสีชมพู~ เจ้าของ Faceook Tommy TheJourney แบ่งปันภาพ กัลปพฤกษ์ ที่กำลังชูช่ออย่างสวยงาม เรียงเป็นทิวแถวรอบรั้วม.ขอนแก่น ตั้งแต่ถนนรอบวงเวียนสนามกีฬา 50 ปี ยาวไปถึงหอประชุมกาญจนาภิเศก (นักศึกษาเรียกสั้นๆ ว่า หอกาญฯ) บริเวณหน้าตึกคณะนิติศาสตร์ และตึกอธิการบดี มข. บรรยากาศฟินๆ >< หลงนึกว่าดงซากุระในประเทศญี่ปุ่นซะอีก

ตามประวัติ “กัลปพฤกษ์” เป็นต้นไม้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงปลูกพระราชทาน เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนิน ประกอบพิธีเปิดมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2510 เลยถือเป็นต้นไม้ประจำสถาบันตั้งแต่นั้นมา

ชาวมอดินแดงเรียกขานกันว่า ซากุระอีสาน เพราะดอกมีสีชมพูระเรื่อยสลับขาว ดูสวยอ่อนหวานเหมือนฝั่งแดนปลาดิบ ซึ่งจะผลิดอกทุกช่วงปลายฤดูหนาว ประมาณมีนาคม-เมษายนเท่านั้น รีบๆ มาดูก้นน้า ปีนึงมีครั้ง พลาดแล้วจะเสียดาย

ขอบคุณรูปภาพจาก : Tommy TheJourney

 

เที่ยววันเดียว จ.อยุธยา!! กินง่าย เที่ยวง่าย ทริปที่จะทำให้คุณประทับใจ

หากคุณมีเวลาพักผ่อนในวันหยุดเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น (One Day Trips)  คุณจะเลือกการพักผ่อนแบบไหน? ที่จะทำให้วันหยุดของคุณเป็นเวลาแห่งการพักผ่อนอย่างเต็มที่และคุ้มค่ามากที่สุด

วันนี้ทีมงาน MThai  ได้รวบรวมข้อมูลสำหรับการท่องเที่ยวในหนึ่งวันหรือ “One Day Trip”  เพื่อเป็นทางเลือกที่ “ง่าย สะดวก และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนชอบกิน ชอบท่องเที่ยวอย่างพวกเรา”  เหมาะสำหรับคนที่อยากไปพักผ่อน เติมพลังความสดชื่นให้กับชีวิต  พร้อมกลับมาลุยงานต่อได้อย่างเต็มที่   ซึ่งวันนี้ทีมงานได้หยิบเอาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมืองมรดกโลกของไทยมาฝากกัน  ประเดิมคอลัมน์  “MThai One Day Trip กิน – เที่ยว” เป็นจังหวัดแรก เรียกว่าหากได้ไปแล้วจะต้อง “อิ่มบุญ อิ่มท้อง ซึมซับความสวยงามของสถาปัตยกรรมและได้ความอร่อยกลับมาแน่นอน เรามาเริ่ม กิน เที่ยววันเดียว จ.อยุธยา กันเถอะ

MThai One Day Trip “กิน เที่ยว จ.อยุธยา เมืองมรดกโลก ”

เราเริ่มออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่  จากกรุงเทพฯมุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วยระยะทางประมาณ 76 กิโลเมตร  หากเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ใช้เวลาเพียงราว 45 นาที หรือใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ จะลองนั่งรถไฟใช้ชีวิตสโลวไลฟ์ชมวิวทิวทัศน์ ทุ่งนาระหว่างทาง จากสถานีหัวลำโพงมาจนถึงอยุธยา ฝึกวิชาความเป็น ‘ฮิปสเตอร์’ ในตัวเอง ก็ให้ความเพลิดเพลินไปอีกแบบตลอดการเส้นทาง  มาเริ่มกันที่สถานที่เที่ยวแห่งแรกก่อนเลยดีกว่าคะ

ลายแทงสำหรับ  MThai One Day Trip “กิน-เที่ยว เมืองมรดกโลก อยุธยา”

  1. พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น ‘เกริก ยุ้นพันธ์’
  2. วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร(ใกล้พระราชวังบางปะอิน)
  3. แวะทานกุ้งเผาที่ร้าน “ต้นน้ำ ริเวอร์วิว”(ใกล้กับพระราชวังบางปะอิน)
  4. วัดมเหยงคณ์
  5. วัดพนัญเชิงราชวรวิหาร
  6. แวะทานขนมบ้าน ข้าว หนม
  7. วัดมหาธาตุ +วัดไชยวัฒนาราม
  8. แวะซื้อของฝากโรตีสายไหม
  9. ทานข้าวเย็นที่ครัวย่าบัว
  10. ชะโงกทัวร์ตลาดน้ำอโยธยา

1.เที่ยววันเดียว อยุธยา เที่ยว พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น ‘เกริก ยุ้นพันธ์’

มาย้อนวันวานไปกับของเล่นในวัยเด็ก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เกิดจาความรักในการสะสมของเล่นมาตั้งปี 2526 ทำให้ ศร.เกริก ยุ้นพันธ์ได้แรงบันดาลใจและสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ขึ้นมา มีของเล่นหลากหลายชนิดรวมถึงของใช้สมัยโบราณ ที่ย้อนเวลาไปกว่า 100 ปี หรือ 30 ปีที่แล้วว่านิยมเล่นของเล่นอะไรกันบ้างก็มีจัดแสดงให้ได้ชมกัน ไม่แน่ว่าไฟแห่งความฝันครั้นยามเป็นเด็กอาจจะทำให้คุณได้ไอเดียหรือแรงบันดาลใจในชีวิตใหม่ๆก็เป็นได้

เปิด – ปิด :  วันอังคาร –  วันอาทิตย์ เวลา 9.00 – 16.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 50 บาทและเด็ก 20 บาท
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: http://travel.mthai.com/blog/79547.html

  1. เที่ยววันเดียว อยุธยา เที่ยว วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร

เสน่ห์วัดไทยในสไตล์การตกแต่งแบบโกธิก  วัดนิเวศฯ เป็นวัดในรัชกาลที่5  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้สร้างเลียนแบบโบสถ์ฝรั่งตั้งแต่พ.ศ. 2421  ภายในอุโบสถมีการประดับด้วยกระจกสีสวยงามตามแบบโบสถ์ฝรั่ง ลวดลายออกแบบวิจิตรตระการตา มีพระประทานคือ “พระพุทธนฤมลธรรโมภาส”  นอกจากนี้  ที่วัดแห่งนี้ยังเป็นที่บรรจุอัฐิเจ้าจอมมารดาชุ่ม พระสนมเอกในรัชกาลที่ 4  เจ้าจอมมารดาของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และราชกุลดิศกุล

พระประธาน : พระพุทธนฤมลธรรโมภาส

ซึ่งเสน่ห์อีกอย่างของวัดแห่งนี้อีกอย่างนึงก็คือ วัดนิเวศฯ ตั้งอยู่เกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา จะต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้าข้ามแม่น้ำเพื่อไปยังวัด โดยจะมีเณรคอยช่วยหมุนกระเช้า หากข้ามไปแล้วก็บริจาคตามกำลังศรัทธา

จะไปวัดนิเวศฯ จะต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้าข้ามแม่น้ำไปนะจ๊ะ

เปิด – ปิด :  ทุกวัน เวลา 8.00 – 18.00 น.

  1. เที่ยววันเดียว อยุธยา เที่ยว ไปกินกุ้งเผา ที่ ร้านต้นน้ำริเวอร์วิว

หลังจากย้อนวันวานที่พิพิธภัณฑ์ของเล่นเด็ก และอิ่มบุญจากวัดนิเวศฯ เพื่อไม่ให้เสียเวลาทีมงาน MThai ขอแนะนำร้านอาหารที่ใกล้กับวัดในย่านบางปะอิน และเป็นร้านดังที่ชาวเมืองกรุงใหม่อย่างเราต้องไปทาน “ล่ากุ้งเผาตัวโต” ต้องที่นี่เลย ร้านกุ้้งเผาต้นน้ำริเวอร์วิว กุ้งมีให้เลือกหลายไซต์หลายขนาดราคาเริ่มต้นเป็นตัวละ 200 -300 บาท  นอกจากนี้ ยังมีอาหารไทยรสเด็ดแบบคนภาคกลางไว้ให้ลองเลือกทานกันอีกหลากหลายเมนู ที่สำคัญบรรยากาศริมน้ำ ไปกับครอบครัวก็จะอบอุ่นครื้นเครงในมื้ออาหารนี้ทีเดียวเชียว

เลือกขนาดตัวกุ้งได้แล้ว ก็เผากันสดสดโชว์ครัวเปิดกันหน้าร้านเลย

เปิด – ปิด : ทุกวัน เวลา 10.00 – 21.00 น.
เบอร์ติดต่อ : 035-261006
ที่ตั้ง : ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3057 บางปะอิน พระนครศรีอยุธยา

  1. เที่ยววันเดียว อยุธยา เที่ยว วัดมเหยงคณ์

เดิมเคยเป็นพระอารามหลวง และร้างไปตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแตกพ.ศ.2310  โดยพงศวดารบันทึกไว้ว่าสมัย พระเจ้าธรรมราชา กษัตริย์องค์ที่ ๘ ของอโยธยา มีมเหสี ชื่อ พระนางกัลยาณี เป็นผู้สร้างวัดแห่งนี้ราวก่อนก่อตั้งอยุธยา 40 ปี (พระเจ้าธรรมราชาทรงสร้างวัดกุฏีดาวไว้ใกล้กัน) โดยนอกจากความสวยงามของอิฐแดงที่คล้ายวัดในศรีลังกา เนื่องจากเจดีย์ทรงระฆังมีช้างรอบล้อมเป็นศิลปะการสร้างวัดจากศรีลังกา  ตัววัดที่ยังหลงเหลืออยู่เป็นสถายปัตยกรรมโบราณที่สวยงดงามตั้งแต่ทางเดินไปจนถึงตัวกลางโบสถ์เป็นอิฐสีแดง สงบรบรื่น นอกจากนี้ที่วัดยังมีในส่วนของการปฏิบัติธรรมสำหรับชาวพุทธศาสนิกชนที่สนใจด้วยคะ

เปิด – ปิด :  ทุกวัน เวลา 8.00 – 17.00 น.
ที่ตั้ง : หมู่ที่ 5 ตำบลหันตรา อำเภอพระนครศรีอยุธยา

  1. เที่ยววันเดียว อยุธยา เที่ยว วัดพนัญเชิงราชวรวิหาร

วัดพนัญเชิงฯ  เป็นวัดที่มีมาตั้งแต่ก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าใครสร้าง แต่เดิมพระเจ้าสายน้ำผึ้ง เป็นผู้สร้างและพระราชทานนามว่า “วัดเจ้าพระนางเชิง” (ตามพงศาวดาร)  โดยมีพระพุทธรูปที่ชาวจีนนับถือเรียยว่า “ซำปอกง”  หรือหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิงที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี ได้มีการบูรณะซ่อมแซมสมัยพระมหากษัตริย์ไทยแต่ละพระองค์ เช่นสมเด็จพระนเรศวรมหาราช, ในรัชกาลที่ 5 เกิดไฟไหม้ กรมศิลปากรจึงได้มีการซ่อมแซมบูรณะ  ส่วนใหญ่ชอบไปไหว้ขอพรหลวงพ่อโต ให้หน้าที่การงาน และการค้าขายมีความมั่งคั่งสมบูรณ์

เปิด – ปิด : ทุกวัน เวลา 8.00 – 17.00 น.
ที่อยู่ : หมู่ 2 ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา

  1. เที่ยววันเดียว อยุธยา เที่ยว แวะทานขนม “บ้าน ข้าว หนม” (Bann- Kao – Nhom) 

“บ้าน ข้าว หนม”  (Bann Kao Nom) เป็นร้านคาเฟ่ที่มีกลิ่นอายผสมผสานความเป็นไทย “Thai Traditional Thai Dessert Cafe”  เห็นได้จากเครื่องดื่มก็เป็นสไตล์ร้านกาแฟคาเฟ่ทั่วไปที่ได้รับความนิยม แต่ขนมที่นี่จะเสิร์ฟเป็นขนมไทยหลากหลายชนิด เช่น ขนมต้ม, ทองหยิบทองหยอด, ขนมน้ำดอกไม้, ขนมถ้วย, ขนมช่อม่วง ฯลฯ  ลองคิดถึงคาปูชิโนร้อนสักถ้วยทานคู่กับขนมต้ม ได้รับความนุ่มละมุนของฟองคาปูชิโนและความหวานของขนมต้ม เข้ากันได้ดีและรับรู้ได้ถึงรสเสน่ห์เอกลักษณ์เมืองกรุงเก่าแห่งนี้  ซึ่งทำให้พลาดไม่ได้ที่จะไปนั่งย้อนเวลาที่ร้านนี้

เปิด – ปิด : ทุกวัน เวลา 8.00 – 19.00 น.
เบอร์ติดต่อ : 097 921-9465
Website : www.facebook.com/Baan-kao-nhom
ที่อยู่ : ตำบล ประตูชัย อำเภอ พระนครศรีอยุธยา พระนครศรีอยุธยา (อยู่ตรงข้ามสำนักงานประปา)

  1. เที่ยววันเดียว อยุธยา เที่ยว วัดมหาธาตุ + วัดไชยวัฒนาราม

วัดมหาธาตุซึ่งอยู่ในใจกลางเมืองของจังหวัดอยุธยา สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1  มีการอันเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ในพระปรางค์ประธาน พ.ศ. 1927  วัดแห่งนี้ได้รับอิทธิพลของปรางค์ขอมปนอยู่ เนื่องด้วยมีศิลาแลง ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทย โดยเฉพาะหากใครนึกถึง “เศียรพระพุทธรูปในต้นไม้” ที่เรียกว่าเป็น Unseen Thailand และอยากมาถ่ายภาพหรือขี่จักรยานชมรอบๆเมืองอยุธยาและวัดแห่งนี้ ก็ต้องที่วัดมหาธาตุแห่งนี้คะ  จากนั้นไปต่อกันที่ “วัดไชยวัฒนาราม”  วัดที่อยู่รอบนอกของเกาะเมืองออกไปเล็กน้อย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

เศียรพระพุทธรูปในต้นไม้เป็นหนึ่งใน Unseen Thailand

วัดแห่งนี้สร้างขึ้นสมัยพระเจ้าปราสาททอง เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายให้พระราชมารดา และใช้จัดพิธีถวายพระเพลิงศพในพระมหากษัตริย์เกือบทุกพระองค์ของอยุธยา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศก็ถวายพระเพลิงที่วัดแห่งนี้  ตัววัดกว้างขวางหน้ายาว สวยและงดงามมากๆ อยากให้เพื่อนๆได้ลองไปชมความงามและถ่ายภาพที่วัดแห่งนี้

เปิด – ปิด : ทุกวัน เวลา 08.30-18.00 น.
ที่ตั้ง : วัดมหาธาตุตั้งอยู่ใกล้บริเวณบึงพระราม, วัดไชยวัฒนารามตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตะวันตกนอกเกาะเมือง

  1. เที่ยววันเดียว อยุธยา เที่ยว แวะซื้อของฝากโรตีสายไหม

เมื่อเที่ยวชมและไหว้พระที่กรุงเก่าแห่งนี้อย่างสบายใจแล้ว ขากลับก็อย่าลืมแวะซื้อของฝาก “โรตีสายไหม” ของฝากชื่อดังของจังหวัดอยุธยา  บริเวณที่จำหน่ายจะเป็นฝั่งตรงข้ามรพ.พระนครศรีอยุธยา  มีให้เลือกหลากหลายร้าน ลองขอชิมดูก่อนว่าชอบรสชาติร้านไหนแล้วค่อยตัดสินใจซื้อก็ได้คะ  ส่วนตัวทีมงานของแวะซื้อร้านท้ายสุดจะเป็นพี่บังขาย และคนไม่เยอะมาก  ซึ่งก็อยู่ที่ความชอบของแต่ละคนแต่จริงๆแล้วรสชาติไม่ได้แตกต่างกันมากสักเท่าไหร่

ที่ตั้ง : บริเวณตรงข้ามโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา หรือกระจายตามแหล่งของฝากอยุธยา

  1. เที่ยววันเดียว อยุธยา เที่ยว ทานข้าวเย็นที่ครัวย่าบัว

แวะทานอาหารไทยแท้ดั้งเดิม ครบรสถึงเครื่องที่ร้าน “ครัวย่าบัว” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสักสามารถทานอาหารและนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินได้ มีหลากหลายอาหารไทยที่รอให้เราได้ลองสั่งและเลือกทานกันคะ แค่เห็นรูปภาพก็น้ำลายสอแล้ว เพราะเครื่องเค้าถึงจริงๆ ทั้งพริกแกงไทยต่างๆ อาทิแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากรายมะเขือเผา รสชาติเข้มข้น, หมึกนึ่งมะนาว, ปลาผัดพริกสามรส ฯลฯ ว่าแล้วก็อยากให้สมาชิก  MThai  ได้ลองไปลิ้มลองรสชาติไทยๆก่อนที่มุ่งหน้ากลับสู่กรุงเทพฯ

เปิด – ปิด : ทุกวัน เวลา 10.00 – 21.00 น.
เบอร์ติดต่อ : 035-242725
ที่ตั้ง : ม.12 ถ.เลียบทางรถไฟ ต.กะมัง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.อยุธยา (ใกล้วัดพนัญเชิงฯ)

  1. เที่ยววันเดียว อยุธยา เที่ยว ชะโงกทัวร์ตลาดน้ำอโยธยา

ปิดท้ายกับตารางกินเที่ยวแบบวันเดย์ทริป  หรือเที่ยวใกล้กรุงฯตามแบบฉบับที่ทีมงาน MThai นำมานำเสนอให้เพื่อนๆได้ลองไปตามรอยกินและเที่ยวคะ  “ตลาดน้ำอโยธยา”  หากทานข้าวเย็นเสร็จไว้แล้วได้กลับก่อนห้าโมงเย็น ก็อยากจะให้ลองแวะเดินเล่นที่ตลาดน้ำอโยธาในเส้นทางขากลับกรุงเทพฯ  (บริเวณปางช้างและใกล้วัดมเหยงค์) เพื่อเลือกชมเลือกซื้อของฝาก นอกจากนี้ยังมีสินค้า OTOP, ร้านอาหารต่างๆไว้ให้บริการ หรือเดินเล่นในตลาดน้ำแห่งนี้กัน

เปิด – ปิด : ทุกวัน เวลา 10.00 – 17.00 น.
ที่ตั้ง : ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3058 ตำบล หันตรา พระนครศรีอยุธยา

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ “MThai One Day Trip” ที่ทางทีมงาน MThai เตรียมมาให้เพื่อนๆในที่เมืองกรุงเก่า จ.พระนครศรีอยุธยา แห่งนี้  เรียกว่าครบเครื่องเรื่องกิน และไม่พลาดเรื่องเที่ยว  ให้ได้ทานกันอร่อยและถ่ายภาพสวยๆจากทุกสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ แปลกใหม่ของอยุธยา  หากใครมีเวลาก็อยากลองแวะให้ครบทั้ง 10 แห่งที่ทางเราแนะนำ แต่หากว่ามีเวลาน้อยเลือกไปเพียงบางแห่งก็ได้คะ  ครั้งหน้าทีมงาน MThai จะพาไปชมที่เที่ยว 1 วันก็สามารถไปเที่ยวได้สบายๆ ที่ไหนนั้น อย่าลืมติดตามชมกันนะคะ กับ “MThai One  Day Trip” วันเดียวก็เที่ยวได้  แล้วเจอกันใหม่จ้า

 

ต้อนรับลมร้อน กับ 10 ที่เที่ยวเดือนมีนาคม สวยสะใจต้องไปให้เห็น

ต้อนรับลมร้อน กับ 10 ที่เที่ยว
เดือนมีนาคม สวยสะใจต้องไปให้เห็น

เข้าสู่เดือน 3 ของปีแล้ว ไวเหมือนนั่งไทม์แมชชีน เดือนนี้ความหนาวเริ่มแผ่วปลาย แทนที่ด้วยความร้อนเบาๆ ก่อนเข้าสู่ซัมเมอร์จิงจังในเดือนหน้า สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ travel mthai จัดให้ 10 ที่เที่ยวเดือนมีนาคม  ทั้งเทศกาลน่าเดิน หรือทะเลน้ำใสน่าว่าย ปิดท้ายด้วยดอกไม้ป่าสวยๆ มาดูกันเลยจะฟินสะใจขนาดไหน

  1. พุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ จ.นครนายก

ต้อนรับวันมาฆะบูชา ด้วยการพาไปเที่ยว พุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ สวนพุทธชยันดี 2,600 ปี” ด้านในจะพบพระพุทธรูปปางแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ขนาดใหญ่หนึ่งองค์ เป็นตัวแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระพุทธรูปล้อมรอบอีกจำนวน 1,250 องค์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับวันมาฆะบูชาโดยตรง ถ้าใครจำได้ดีที่มีพระภิกษุ 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เรียกว่า วันจาตุรงคสันนิบาต นั่นเอง

*********************************************************************

  1. อุทยานแห่งชาติลำคลองงู
    อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

ถ้ำเสาหินลำคลองงู หนึ่งในหลายถ้ำของอุทยานฯ

รับบุญกันเต็มอิ่ม ขอพาไปเที่ยวแนวลุยๆ ธรรมชาติกันบ้าง ที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงู จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำขนาดใหญ่หลายแห่ง หนึ่งในนั้นก็คือ ถ้ำเสาหิน ที่มีเสาหินปูนธรรมชาติสูงที่สุดในโลก วัดจากพื้นถึงยอดได้ 62.5 เมตร และถ้ำนกนางนางแอ่น ภายในเราจะพบกับประติมากรรมหินงอกหินย้อย ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ไว้มานานหลายพันปี โดยทั้งสองถ้ำจะมีน้ำจากลำห้วยคลองงูไหลผ่านทะลุกลางถ้ำ จึงเข้าไปเที่ยวได้เฉพาะช่วงเวลาน้ำลดเท่านั้น

สำหรับปีนี้ ทางอุทยานฯ กำหนดเปิดแหล่งท่องเที่ยวถ้ำเสาหิน และถ้ำนกนางแอ่น ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึง 1 พฤษภาคม 2561 เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ วันอังคาร และวันพุธ นักท่องเที่ยวสามารถโทรไปลงทะเบียนจองล่วงหน้าทางโทรศัพท์หมายเลข 082-247-3352 ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เวลารับลงทะเบียน 13.00 น. – 15.00 น.

*********************************************************************

  1. เกาะสิมิลัน จ.พังงา

ลอดถ้ำจนเหนื่อย ขอมุดลงใต้ทะเลให้เย็นชื่นใจ ที่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะสิมิลัน มีหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีเขียวมรกต ใสมากกกก เหมาะกับการดำน้ำชมปะการัง ดูฝูงปลาหลากสีสัน บางจุดก็มีน้องเต่าทะเลแวะเวียนมาทักทาย ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งก็คือ จุดชมวิวมุมสูง ที่ต้องไต่โขดหินใหญ่ขึ้นไป สามารถมองเห็นทัศนียภาพได้รอบด้าน และเห็นความโค้งของอ่าวสวยงามเหมือนเกือกม้า

*********************************************************************

  1.  อุทยานประวัติศาสตร์เขาพนมรุ้ง
    จ.บุรีรัมย์

ชมปรากฏการณ์แสงอาทิตย์ ลอดทะลุ 15 ช่องประตู ณ อุทยานประวัติศาสตร์เขาพนมรุ้ง ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม – 2 เมษายน 2561 เป็นความอัศจรรย์ที่ภายใน 1 ปี มีให้ชมเพียง 4 ครั้งเท่านั้น

ปราสาทพนมรุ้ง เป็นเทวสถานในศิลปกรรมขอมแห่งเดียวในโลกที่มีสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เป็นการผสมผสานภูมิปัญญาด้านสถาปัตยกรรมในการก่อสร้างปราสาทให้แสงอาทิตย์ส่องตรง 15 ช่องประตูผ่านศิวลึงค์ ที่เปรียบเสมือนองค์พระศิวะ ที่ตั้งอยู่ภายในปรางค์ประธานของปราสาท ซึ่งเปรียบเสมือนเขาไกรลาสบนสรวงสวรรค์

*********************************************************************

  1. กว๊านพะเยา จ.พะเยา

แอ่วเหนือเที่ยวพะเยา ไม่ควรพลาดเยือน กว๊านพะเยา แหล่งทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในภาคเหนือ และอันดับ 4 ในประเทศไทย คำว่า “กว๊าน” ภาษาพื้นเมืองหมายถึง “บึง” กว๊านพะเยา จึงเป็นบึงน้ำอันกว้างใหญ่สุดสายตา โอบล้อมขุนเขาดอยแม่ใจ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านทิศตะวันตก ในยามเย็นและยามเช้าตรู่สีสันของท้องฟ้า และสายน้ำงดงามตรึงใจดังภาพเขียน เป็นภาพบรรยากาศอันแสนประทับใจ

*********************************************************************

  1. ภูเขาหญ้า จ.ระนอง

ช่วงนี้กระแสเที่ยวระนองกำลังฮิต ก็ขอตามเทรนด์กับเขาบ้าง แต่ขอบายทะเล พาเที่ยว ภูเขาหญ้าแทนแล้วกัน ที่นี่มีอีกชื่อว่า เขาหัวล้าน หรือบางคนก็เรียกว่า เขาผี เป็นเนินเขาเล็ก ๆ สลับทอดยาว ไม่มีไม้ใหญ่ขึ้น ในฤดูฝนจะมีหญ้าสีเขียวปกคลุม เต็มไปด้วยดอกหญ้า ต่างสีตามวันเวลา และฤดูกาล ส่วนในหน้าแล้งอย่าง เดือนมีนาคม ก็จะได้พบกับต้นหญ้าสีทองพริ้วไหวตามสายลม ซึ่งก็เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามไปอีกแบบ

*********************************************************************

  1. เดินชิลล์ริมหาด ชมว่าว เคล้าเสียงดนตรี
    หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ขอบคุณรูปภาพจาก : thai.tourismthailand

เทศกาลว่าวนานาชาติ ริมหาดชะอำ ปี 2557 Cr. Mthai News

23-25 มีนาคมนี้ น่านฟ้าหัวหินจะถูกแต่งแต้มด้วยว่าวหลากสีสัน หลายรูปทรง นับ 100 ชนิด ใน เทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมชมการเล่นว่าวกลางคืนประกอบเสียงดนตรี และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

นอกจาก เทศกาลว่าวนานาชาติ แล้ว หัวหิน ยังมีที่กินที่เที่ยว ที่รอให้เราไปเช็คอินอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นนอนชิลล์บนเก้าอี้ผ้าใบริมหาด ชมความยิ่งใหญ่วีรกษัตริย์ไทย 7 พระองค์ ที่อุทยานราชภักดิ์ หรือเลือกลั้ลลากับคาเฟ่ริมทะเล ที่ให้เราอิ่มอร่อยท่ามกลางลมเย็นๆ

*********************************************************************

  1. ดื่มด่ำความงามใต้ท้องทะเล จ.ชุมพร

ชุมพร ประตูสู่ภาคใต้ จังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งป่าเขียวและหมู่เกาะมากมายกว่า 44 เกาะ ให้เราได้ดื่มด่ำความงามของโลกท้องทะเลอ่าวไทย แหวกว่ายชมปะการังสีสวยที่ยังคงอุดมสมบูรณ์

นอกจากการมาเที่ยวในเดือนมีนาคม จะปลอดมรสุมและพายุฝนแล้ว ยังมีการจัดงาน เปิดโลกทะเลชุมพร ครั้งที่ 28 ระหว่างวันที่ 16-20 มีนาคม 2561 พบกิจกรรมในงานมากมาย เช่น การแข่งขันตกปลา วิ่งขึ้นเขามัทรี จักรยานแรลลี่ ฟุตบอลชายหาด นิทรรศการรังนก นิทรรศการสัตว์ทะเลมีชีวิต กิจกรรมดำน้ำเก็บขยะ การประกวดภาพถ่าย และอิ่มอร่อยแบบฟรีๆ!! กับอาหารทะเลปิ้งย่าง และอาหารทะเลสดจำนวนมากกว่า 1,000 กิโลกรัม พร้อมจำหน่ายแพคเกจทัวร์ทะเลชุมพรในราคาประหยัดแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย

*********************************************************************

  1. เทศกาลโคมไฟ เฟสติวัล 2018
    จ.สมุทรปราการ

เทศกาลโคมไฟ เฟสติวัล 2016

ใครที่ชอบถ่ายรูปไฟสวยๆ แนะนำให้ไปงานประเพณี เทศกาลโคมไฟเฟสติวัล แสงสีแห่งเมืองปากน้ำ หรือ Lantern Festival 2018 ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 6 แล้ว สำหรับปีนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ. – 11 มี.ค. นี้

ชมการแสดงโคมไฟยิ่งใหญ่ตระการตา อาทิ โคมไฟการ์ตูน โคมไฟแฟนตาซี โคมไฟเทพเจ้า โคมไฟสัตว์มงคล และอีกหลากหลายกว่า 5,000 ดวง ส่งตรงมาจากประเทศไต้หวัน ชมการจุดพลุอันงดงามตระการตา ณ มูลนิธิธรรมกตัญญู (เสียนหลอไต้เทียนกง) ตำบลบางปู อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

*********************************************************************

  1. เทศกาลดอกเสี้ยวบาน บ้านป่าเหมี้ยง
    อุทยานฯ แจ้ซ้อน จ.ลำปาง

ขอบคุณรูปภาพจาก : ลำปาง เมืองต้องห้ามพลาด

ใครว่าหน้าร้อน จะไม่มีดอกไม้สวยๆ ให้ชม มาเที่ยวบ้านป่าเหมี้ยง อุทยานฯ แจ้ซ้อน จ.ลำปาง จะพบกับดอกเสี้ยว หรือ ดอกชงโคป่าสีขาว เกษรสีชมพู กำลังบานสะพรั่งตลอด 2 ข้างทาง โอบล้อมด้วยทัศนียภาพของภูเขาน้อยใหญ่ ให้ได้ถ่ายภาพกันจุใจ โดยจะมีการจัดเทศกาล ดอกเสี้ยวบาน บ้านป่าเหมี้ยง ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 9-11 มีนาคม 2561 นอกจากดอกเสี้ยวแล้ว ยังมีการแสดงพื้นบ้าน การแสดงพื้นเมือง รวมถึงมีการจำหน่ายอาหารที่ทำจากดอกเสี้ยว และใบเหมี้ยง (ใบชา) เช่น ดอกเสี้ยวชุบแป้งทอด ยำเหมี้ยง เป็นต้น

อ๊ะๆ อย่ารอช้า จิ้มวันลาพักร้อน แล้วเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณสนใจกันเลย จะไปเดินย่ำทรายนุ่มๆ ดำน้ำฟินๆ ลุยเขาเที่ยวถ้ำ หรือเยือนโบราณสถานเก่าแก่ ถ่ายไฟสวยๆ ดูดอกไม้งามตา ก็ตามใจชอบเลยค่า