14 เมืองเล็กน่ารัก ในประเทศเยอรมนี ต้องมนต์จนไม่อยากกลับ

14 เมืองเล็กน่ารัก ในประเทศเยอรมนี
ต้องมนต์จนไม่อยากกลับ

หากเอ่ยถึงประเทศเยอรมนี (Germany) หลายคงคงนึกถึงความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ความร่ำรวยมั่งคั่ง หรือเมืองแห่งประวัติศาสตร์ ที่มีปราสาทสวยงามหลายแห่ง แต่วันนี้ Travel Mthai จะขอพาออกจากเมืองใหญ่ไปท่องเที่ยว หมู่บ้านเล็กๆ ในเยอรมนี ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นของความโรแมนติกเบาๆ รวมถึงวิวทิวทัศน์ที่สามารถสะกดใจของคุณให้นิ่งงันไปหลายนาที

  1. Rothenburg ob der Tauber

เมืองน่ารักดุจเทพนิยาย หรือจะเรียกว่าหมู่บ้านในเทพนิยายก็ไม่ผิด อยู่บนเส้นทางถนนสายโรแมนติก (Romantic road) ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี ในรัฐบาวาเรีย นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปถ่ายรูป และชมทิวทัศน์รอบเมืองโรเทนบวร์ก บนหอคอยสีงาช้างของอาคารศาลาว่าการ

  1. Fussen

Fussen ตั้งอยู่ในรัฐบาวาเรีย ติดชายแดนออสเตรีย และอยู่ที่ปลายทางด้านหนึ่งของถนน Romantic road ยิ่งมองจากมุมสูงเมืองนี้ยิ่งทวีความงาม และเมืองโรแมนติกแห่งนี้นี่แหละคือประตูสู่ปราสาทเทพนิยายนอยชวานชไตน์

  1. Dinkelsbuhl

หมู่บ้าน  ในเยอรมนี แห่งต่อมา จะพาชมบรรยากาศความคลาสสิคของเมือง Dinkelsbuhl ตั้งอยู่ที่รัฐบาวาเรีย  ทางตอนใต้ของประเทศ ถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งสีสันบนถนน Romantic Road ภายในเมืองรายล้อมไปด้วยบ้านเมืองหลากสีสัน และป้อมปราการที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ขึ้นชื่อเรื่อง Weinmarkt หรือ Wine Market ตลาดค้าขายไวน์ที่อยู่ใจกลางเมือง

  1. Quedlinburg

มนต์สเน่ความเก่าขลังของเมืองเล็กๆ อย่าง Quedlinburg ทำให้อยากไปเยือนด้วยตัวเองสักครั้ง อยู่ในรัฐ Saxony-Anhalt ทางตอนกลางของประเทศ เป็นหนึ่งในเมืองจากยุคกลางที่ถูกอนุรักษ์ได้ดีที่สุดใสยุโรปเลยก็ว่าได้ เพราะอาคารบ้านเรือยุคกลาง ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี โดยไม่ได้รับความเสียหายใดๆ กระทั่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี 1994

  1. Bacharach

เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดริมแม่น้ำ Rhine ล้อมรอบไปด้วยกำแพงเมือง อาคารยุคครึ่งหลังของ Bacharach มีลักษณะเป็นไม้ประดับที่เน้นการตกแต่งด้วยกระถางดอกไม้ ดูโรแมนติกและวินเทจไม่น้อย

  1. Rudesheim am Rhein

เมืองที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบไวน์โดยเฉพาะ ทั้งไวน์ขาวและไวน์แดงคุณภาพดีต่างมีแหล่งผลิตอยู่ที่นี่ นอกจากเรื่องน้ำองุ่นกรุ่นแอลกอฮอล์แล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถดื่มด่ำกับความงามของสถาปัตยกรรม และปราสาทเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียง

  1. Triberg im Schwarzwald

เป็นเมืองเล็กๆ ที่แวดล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าสีเขียว ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้สูงของ Black forest  และเป็นเมืองที่ได้รับการมาเยือนมากที่สุดในเขต Black forest  นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้เส้นทางเดินป่าและ Triberg Falls หนึ่งในน้ำตกที่สูงที่สุดในเยอรมนี

  1. Monschau

Monschau เมืองเล็กๆ กลางหุบเขา อยู่ติดชายแดนฝั่งตะวันตกติดกับประเทศเบลเยี่ยม มีแม่น้ำ Rur ไหลผ่าน เอกลักษณ์คือบ้านเรือนสไตล์ half-timbered ตั้งเรียงเรียงริมฝั่งแม่น้ำ อบอวลไปด้วยบรรยากาศความคลาสสิค ที่มีกลิ่นอายผสมผสานระหว่างเยอรมันกับฝรั่งเศสอายุมากกว่า 300 ปี ซึ่งยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ บวกกับถนนหินแคบๆ ที่ลัดเลาะไปตามเนินเขา รวมทั้งเทศกาลดนตรีคลาสสิกกลางแจ้งที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี

  1. Mittenwald

Bavarian Alps หมู่บ้านที่สวยที่สุด และมีอาคารก่อสร้างจากยุคกลาง หน้าต่างกระจกสี ทั้งยังมีดอกไม้สวยงามหลากหลายปลูกอยู่ริมทาง งดงามด้วยวิวภูเขาและสายน้ำที่ไหลผ่านเมือง

  1. Cochem

เมืองเล็กๆ แห่งนี้ทอดยาวไปตามแม่น้ำ Moselle ในรัฐ Rhineland-Palatinate ทางตะวันตกของประเทศ เต็มอิ่มไปกับความงามของวิวทิวทัศน์ และทุ่งนากว้างใหญ่หลังหุบเขาสูงชัน โดดเด่นด้วยอาคารบ้านเรือนที่ตั้งขนานไปตามริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งสร้างขึ้นมาตั้งแต่ยุคโรมัน และมีเนินเขาไว้สร้างป้อมปราการเพื่อป้องกันการรุกราน จุดเด่นที่สุดของเมืองจึงหนีไม่พ้น Reichsburg Cochem หรือ Cochem Imperial castle ปราสาทที่มีลักษณะเป็นป้อมปราการบนเนินเขากลางเมือง ปัจจุบันปราสาทดังกล่าวกลายเป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยว เพราะสามารถมองลงมาเห็นทิวทัศน์ของเมืองด้านล่างได้ทั้งหมด

  1. Binz

Binz อดีตเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง ต่อมาได้กลายเป็นรีสอร์ทแห่งแรกในปี 1880 ที่นี่จึงมีทั้งโรงแรมเก่าแก่และวิลล่าที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ให้คุณได้เพลิดพลาดกับชายหาดและน้ำทะเลสีฟ้าใส

  1. Rottach-Egern

Rottach-Egern เมืองที่งดงามด้วยเสน่ห์และความสวยงาม ตั้งอยู่ที่ Upper Bavaria ใกล้ชายแดนออสเตรีย ที่นี่คือการผสมผสานสีสันที่ลงตัวไม่ว่าจะเป็นอาคารสีแดงแบบดั้งเดิม แมกไม้เขียวขจีและทะเลสาบสีฟ้า

  1. Bad Wimpfen

หากใครได้ไปเยือนเมืองนี้คงปฏิเสธไม่ลงจริงๆ ว่าสวยราวกับเมืองในเทพนิยาย ทั้งหอคอยและยอดแหลมที่สูงเฉียดเส้นขอบฟ้า ยิ่งไปกว่านั้นเมืองโบราณแห่งนี้คือเส้นทางปราสาทของประวัติศาตร์เยอรมนี เพราะครั้งหนึ่งเคยเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์

  1. Wertheim am Main

หมู่บ้าน ในเยอรมนี อันดับสุดท้าย Wertheim am Main ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนี เป็นเมืองเล็กๆ ที่สวยงามดั่งภาพวาด โดดเด่นด้วยปราสาทจากยุคกลางในช่วงศตวรรษที่ 12 ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา

และทั้งหมดนี้ก็คือ 14 เมืองน่ารักๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในประเทศเยอรมนี หากมีโอกาสก็ลองแวะไปเที่ยวชมกันนะคะ โดยเฉพาะหมู่บ้านตามแนวถนนโรแมนติก เหมาะกับอากาศหนาวๆ น่าควงแฟนไปฮันนีมูนที่สุด

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก: scholarship, tieweng

8 สุดยอดสถานที่ ท่องเที่ยวแบบง่ายๆ สบายกระเป๋า

8 สุดยอดสถานที่
ท่องเที่ยวแบบง่ายๆ สบายกระเป๋า

การไปเที่ยวต่างประเทศในแต่ละครั้ง คุณคงต้องคิดหนักเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะถ้ากลับมาแล้วคุณแทบจะหมดตูดเลยทีเดียว travel.mthai.com ขอแนะนำ 8 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยว จาก 8 ประเทศทั่วโลก ที่จะทำให้วันพักผ่อนของคุณมีความหมาย ท่องเที่ยวแบบง่ายๆ สบายกระเป๋า เปิดประสบการณ์อันแปลกใหม่ ท่องเที่ยวเองด้วยเงินที่จำกัด รับรองว่าคุ้มเกินคุ้ม เพราะแต่ละแห่งนั้น ล้วนสุดยอดทั้งสิ้น

  1. เม็กซิโก

เม็กซิโก อาจไม่ใช่ตัวเลือกแรกๆ ในการมาเยือนของนักท่องเที่ยว แต่เม็กซิโก ถือว่าเป็นเมืองที่มีคุณค่ามากพอในการมาท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมแรมหรูระดับโลก ชายหาดที่สวยงาม และอาหารท้องถิ่นอันยอดเยี่ยม ทั้งหมดมีค่าใช้จ่ายในราคาที่เหมาะสม ถ้าคุณรักการผจญภัย อย่าได้พลาด แต่ก่อนจะไปคุณต้องอ่านรีวิวหรือข้อมูลให้ละเอียดเสียก่อน โดยคาดกันว่า อีกไม่นานที่แห่งนี้ จะได้รับความนิยมมากขึ้น และแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายอาจแพงขึ้นด้วย

  1. ซาร์ดิเนีย

เกาะสวรรค์แห่งอิตาลี หนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดบนทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ด้วยสภาพอากาศที่สดใส ชายหาดอันสวยงาม และธรรมชาติอันสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามในช่วงไฮซีซั่น ที่พักบนชายหาดซาร์ดิเนีย อาจจะมีราคาแพงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่ได้จองล่วงหน้า แต่จะดีกว่าไหม ? ถ้าคุณจะมาเที่ยวในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ที่ราคาถูกกว่า สภาพอากาศยังคงอบอุ่น ทะเลก็ยังสวยอยู่ แถมคนก็ไม่เยอะอีกด้วย

  1. เวียดนาม

แม้ระยะหลังๆ ประเทศเวียดนาม จะมีการเจริญเติบโตด้านการท่องเที่ยวอย่างมาก แต่ค่าใช้จ่ายกลับไม่ได้เพิ่มตามขึ้นเลย ยังคงถูกอยู่อย่างนั้น ด้วยวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ อาหารท้องถิ่นอันมีเอกลักษณ์ รวมถึงผู้คนที่เป็นมิตร จะมีเหตุผลใดที่จะทำให้คุณไม่อยากไปเยือนเวียดนามล่ะ ?

  1. ฮอนดูรัส

ประเทศเล็กๆ ในแถบชายฝั่งทะเลแคริบเบียน อเมริกากลาง ที่คุณอาจแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับประเทศนี้เท่าไร อาจมีชื่อเสียงไม่เท่ากัวเตมาลาหรือคอสตาริกา แต่เมื่อคำนึงถึงเงินในกระเป๋าแล้ว ฮอนดูรัสดูจะเป็นทางเลือกที่ไม่เลวนัก ด้วยหาดทรายสวยดั่งเทพนิยาย และอาหารทะเลราคาแสนถูกแบบเหลือเชื่อ เพลิดเพลินไปกับการดำน้ำ นั่งจิบเครื่องดื่มริมหาด แบบสบายกระเป๋า ไม่สิ้นเปลืองเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ

  1. บาหลี

บาหลี เกาะที่มีชื่อเสียงที่สุดในอินโดนีเซีย ถือเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ ที่คุณจะใช้เวลาในวันหยุดไปพักผ่อนที่นั่น แลนด์มาร์คที่สำคัญของที่นี่คงหนีไม่พ้น บรรดาวัดโบราณ เจดีย์รูปทรงสวยแปลกตา และสิ่งปลูกสร้างอันวิจิตรงดงาม คุณจะได้พบกับการต้อนรับอันน่ารักของผู้คน โดยในยุโรปและอเมริกา ยกให้เกาะบาหลี เป็นสถานที่ยอดนิยม สำหรับผู้ที่แสวงหาความสุขในชีวิต และหลีกหนีความวุ่นวาย

  1. ลัตเวีย

ลัตเวีย อีกมุมหนึ่งของยุโรป ที่ไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึง ที่นี่คุณจะได้พบกันสถานบันเทิงยามค่ำคืนอันน่าตื่นเต้น ที่ในหน้าร้อนนั้นเปิดให้บริการยันสว่าง แต่ที่เป็นไฮไลท์คงจะเป็นสถาปัตยกรรมนูโว ในแบบยุโรปตะวันออก ผสมผสานกับความสวยงามของหมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางผืนป่าและอุทยานแห่งชาติ ทั้งหมดนี้รอคุณอยู่ด้วยราคาอันย่อมเยา

  1. บัลแกเรีย

บัลแกเรีย อัญมณีแห่งยุโรป เป็นประเทศที่มีสภาพอากาศดีเยี่ยม ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม การเลือกมาพักผ่อนบนชายหาดพร้อมแสงแดดอุ่นๆ มีทิวทัศน์เป็นทะเลน้ำตื้น และความสวยงามของสถาปัตยกรรมสิ่งปลูกสร้าง ทั้งหมดนี้คือความสมบูรณ์แบบ เหมาะกับการไปเที่ยวพักผ่อนแบบครอบครัว ในราคาที่เหมาะสม

  1. ตุรกี

ตุรกี หนึ่งในประเทศที่นำเสนอบรรยากาศของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ยอดเยี่ยมที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองชายฝั่งอย่าง “อันตัลยา” ด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่เยอะ ซากปรักหักพังโบราณที่เหลือจากวัฒนธรรมที่แตกต่าง เต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้ง มีโรงแรมอันหลากหลายให้คุณเลือก แม้โรงแรมในระดับ 5 ดาว ราคาก็ไม่เกิน $100 ต่อคืน เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ที่ตุรกี จะเป็นตัวเลือกแรก ที่จะเอาเวลาในวันหยุดของคุณไป

ที่มา : www.lifehack.org

แปลเรียบเรียงโดย : Travel MThai